วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 22:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

การรักษาศีลให้เป็นอารมณ์


การรักษาศีลให้เป็นอารมณ์ของสีลานุสสติ(มีสติระลึกถึงศีลอยู่เนืองๆ)นั้น จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ คือ...

๑. ต้องชำระศีลของตนให้พ้นจากโทษทั้ง ๔ (ไม่ขาด,ไม่ทะลุ,ไม่ด่าง,ไม่พร้อย.)

๒. การรักษาศีล ต้องไม่เจือปนด้วยตัณหา ด้วยปรารถนาภพสมบัติ และโภคสมบัติ

๓. รักษากาย วาจาให้ตั้งอยู่ในสิกขา(ข้อปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา)อย่างเคร่งครัด

๔. การประพฤติปฏิบัติเคร่งครัดนั้น แม้อันธพาลจะไม่เห็นดี เห็นชอบต้องไม่หวั่นไหว

๕. ต้องประกอบด้วยความรู้ในศีล ที่จะเป็นเหตุให้อุปจารสมาธิ,อัปปนาสมาธิ หรือมรรค ผล นิพพาน เกิดขึ้นได้


เมื่อประพฤติได้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์นี้แล้ว จึงลงมือปฏิบัติด้วยการระลึกในศีลต่อไป

อโห เม วต สีลํ เห อขณฺฑํ อฉิทฺทํ หเว

อสพลํ อกมฺมาสํ ภุชิสฺสํ อปรามสํ

ปสฏฺฐํ สพฺพวิญฺญูหิ สมาธิ สํวตฺตนกํฯ


แปลความว่า... ศีลของเรานี้บริสุทธิ์ น่าปลื้มใจจริง ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย ศีลของเราบริสุทธิ์ ทำให้เราพ้นความเป็นทาสของตัณหา ศีลของเรามิได้มีผู้กล่าวหาได้ แม้อันธพาลชนจะไม่เห็นดีเห็นงามด้วยก็ตาม แต่วิญญูชนทั้งหลายนั้นย่อมสรรเสริญ ศีลของเรานี้เป็นเหตุทำให้อุปจารสมาธิ,อัปปนาสมาธิ, และมรรค ผลเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ศีลที่จะหมดจดจากกิเลสนั้น ได้แก่ ศีลในองค์มรรค ซึ่งจะต้องเกิดร่วมกับสมาธิ และปัญญา หมายความว่า ศีลนั้นจะต้องตั้งอยู่ในอารมณ์ของปัญญา ศีลที่บริสุทธิ์ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มี ๔ ประเภท เรียกว่า จตุปาริสุทธิศีล ได้แก่...

๑. ปาฏิโมกข์สังวรศีล

๒. อินทรีย์สังวรศีล

๓. อาชีวปาริสุทธิศีล

๔. ปัจจยสันนิสสิตศีล


ศีลทั้ง ๔ ประเภทนี้ บริสุทธิ์เพราะปรารถนาอารมณ์พระนิพพาน ธรรมที่พ้นทุกข์ จึงเป็นศีลที่เจริญให้เป็นไปในอารมณ์ของปัญญา

สีลานุสสติ การระลึกถึงศีลที่ตนรักษาไว้ด้วยความบริสุทธิ์นี้ ที่จัดว่าเป็นอารมณ์ของสมถกรรมฐานนั้น คือ ขณะที่ระลึกในศีลที่ตนรักษาไว้ด้วยความบริสุทธิ์อยู่นั้น ย่อมกำจัดอภิชฌา(ความโลภ) และโทมนัส ให้สงบระงับลงได้ แต่ยังไมสามารถทำลายความเห็นผิดในรูปนามขันธ์ ๕ ว่า เป็นอัตตาตัวเราได้

อภิชฌา คือกามฉันทนิวรณ์, และโทมนัส คือพยาปาทนิวรณ์ จะถูกละได้ก็ด้วยอำนาจของสมาธิ

ฉะนั้น สีลานุสสติ จึงได้เพียงอารมณ์ของสมถกรรมฐานเท่านั้น องค์ธรรม ได้แก่ สติเจตสิก ที่ในมหากุศลจิตที่มีอารมณ์เป็นศีลอันรักษาไว้ในสิกขาบท.

เห็นอานิสงส์แห่งศีลสมบัติ

ศีลของภิกษุใด หมดมลทินดีแล้ว การทรงบาตรและจีวรของภิกษุนั้น ย่อมเป็นที่น่าเลื่อมใส บรรพชาของเธอนั้นก็มีผล หทัยของภิกษุนั้น ย่อมไม่หยั่งสู่ภัย คือความติเตียนตนเอง เป็นต้น ฯลฯ ผู้มีศีลย่อมขุดรากแห่งทุกข์อันเป็นไปในสัมปรายภพเสียได้

สมบัติใดในมนุษย์ และสมบัติใดในเทวโลก สมบัติทั้งสองนั้น เมื่อผู้มีศีลถึงพร้อมด้วยปรารถนาอยู่ มิใช่เป็นสิ่งที่จะพึงได้ยากเลย

อนึ่ง ในใจของผู้มีศีลอันถึงพร้อม ย่อมแล่นไปสู่พระนิพพานสมบัติ อันเป็นสมบัติที่สงบระงับสุดยอดแท้

อานิสงส์ประการต่างๆเป็นอันมาก ในศีลซึ่งเป็นมูลแห่งสมบัติทั้งปวง ด้วยประการฉะนี้.


.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


แก้ไขล่าสุดโดย ณ มรณา เมื่อ 21 พ.ย. 2009, 18:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 18:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

อานิสงส์ของการรักษาศีล ๕


"ศีล" นั้น แปลว่า "ปกติ" คือสิ่งหรือกติกาที่บุคคลจะต้องระมัดระวังรักษาตามเพศและฐานะ ศีลนั้นมีหลายระดับ คือศีล ๕, ศีล ๘, ศีล ๑๐, และศีล ๒๒๗ และในบรรดาศีลชนิดเดียวกัน ก็ยังจัดแยกออกเป็นระดับธรรมดา มัชฌิมศีล(ศีลระดับกลาง) และอธิศีล(ศีลอย่างสูง หรือศีลอย่างอุกฤษฏ์)

คำว่า "มนุษย์" นั้นคือผู้ที่มีใจประเสริฐ มีคุณธรรมที่เป็นปกติของมนุษย์ที่จะต้องทรงไว้ให้ได้ตลอดไปก็คือ ศีล ๕ บุคคลที่ไม่มีศีล ๕ ไม่เรียกว่า "มนุษย์" แต่อาจจะเรียกว่า "คน" ซึ่งแปลว่า "ยุ่ง"

บุญที่หลั่งไหลมา(อานิสงส์)ของผู้ที่รักษาศีล ๕ มีมากมาย ดังต่อไปนี้....

๑. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๑ ด้วยการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์

ด้วยบุญนี้ที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีพลานามัยแข็งแรง ปราศจากโรคภัย อายุยืน ไม่มีศัตรูมาเบียดเบียนให้ต้องได้รับบาดเจ็บ ไม่มีอุบัติเหตุ หรือสิ้นอายุก่อนวัยอันควร

๒. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๒ ด้วยการงดเว้นจากการลักทรัพย์ที่เจ้าของมิได้อนุญาต

ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้เกิดในตระกูลที่ร่ำรวย การทำมาเลี้ยงชีพราบรื่น มั่งมีทรัพย์ ทรัพย์สมบัติไม่วิบัติหายนะไปด้วยภัยต่างๆ เช่นอัคคีภัย วาตภัย โจรภัย ฯลฯ

๓. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๓ ด้วยการงดเว้นจากการล่วงประเวณีในคู่ครองหรือหญิงในการปกครองของผู้อื่น

ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะประสบโชคดีในความรัก ได้พบรักที่แท้จริงและจริงใจ ไม่ต้องอกหัก มีบุตรธิดาก็จะเป็นคนว่านอนสอนง่าย ไม่ถูกผู้อื่นล่อลวงไปในทางอนาจาร

๔. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๔ ด้วยการงดเว้นจากการกล่าวคำเท็จ คำมุสา

ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีสุ้มเสียงไพเราะ พูดจาน่าฟัง มีโวหารไหวพริบในการเจรจา น่าเชื่อถือ

๕. ผู้ที่รักษาศีลข้อที่ ๕ ด้วยการงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย หรือเครื่องหมักดองของเมา

ด้วยบุญที่ได้นำเกิดเป็นมนุษย์ จะทำให้เป็นผู้มีปัญญา ความคิดแจ่มใส จะศึกษาเล่าเรียนวิชาใดก็แตกฉาน ความจำดี ไม่หลงลืม ไม่ขาดสติ

....:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:....

ใจเป็นผู้นำสรรพสิ่ง ใจเป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวง

สรรพสิ่งทั้งปวงสำเร็จได้ด้วยใจ

ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจชั่ว ความทุกข์ย่อมติดตามตัวเขา

เหมือนล้อเกวียนหมุนไปตามรอยเท้าโค

ใจเป็นผู้นำสรรพสิ่ง ใจเป็นใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวง

สรรพสิ่งทั้งปวงสำเร็จได้ด้วยใจ

ถ้าพูดหรือทำสิ่งใดด้วยใจบริสุทธิ์ ความสุขย่อมติดตามตัวเขา

เหมือนเงาติดตามตน

(ธรรมบท)


.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2012, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:


พึงรักษาศีลกันเถิด :b1:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2013, 00:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:18
โพสต์: 105

สิ่งที่ชื่นชอบ: การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b27: ศีลคือชีวิต... :b27:

:b42: กราบอนุโมทนาบุญ พุทธังรักษา ธัมมังรักษา สังฆังรักษา ท่านใดมีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านมีความสุขขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าค่ะ tongue tongue tongue Kiss

.....................................................
“การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง”

เราต่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา...เพราะพระพุทธศาสนาจริง ๆ
ดีได้เพียงนี้ ไม่ดีน้อยกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
ร้ายเพียงเท่านี้ ไม่ร้ายไปกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
เราจะไม่เป็นเช่นนี้
“ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี”


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร