ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

:: ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ::
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=30&t=30524
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  Bwitch [ 01 เม.ย. 2010, 22:10 ]
หัวข้อกระทู้:  :: ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ::

สมัยนั้น พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมืองสาวัตถี ครั้งนั้นมีภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าไปเฝ้าถึงที่ประทับ แล้วกราบทูลขอให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเพื่อปลีกตัวออกไปปฏิบัติคนเดียวด้วยความไม่ประมาท

พระพุทธองค์ตรัสถึงบุพกิจ ก่อนที่จะเจริญวิปัสสนาว่า “ภิกษุ ! ก่อนอื่นเธอจงทำเหตุเบื้องต้น แห่งกุศลธรรมให้บริสุทธิ์ก่อน เหตุเบื้องต้นของกุศลธรรม คือ ศีลที่บริสุทธิ์ดี และความเห็นตรง

เมื่อใด ศีลของเธอบริสุทธิ์ดีแล้ว และความเห็นของเธอก็ตรงดีแล้ว เมื่อนั้นเธออาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีลแล้วพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ (วิปัสสนา) มีกาย เวทนา จิต และธรรมต่อไป

ภิกษุ! เมื่อใดเธออาศัยศีล และตั้งอยู่ในศีลแล้วจะเจริญ สติปัฎฐาน ๔ เหล่านี้ โดยส่วน ๓ อย่างนี้

เมื่อนั้น เธอพึงหวังความเจริญในกุศลธรรมทั้งหลายอย่างเดียวตลอดคืน หรือวันอันจะมาถึง ไม่มีความเสื่อมเลย”

ภิกษุนั้นยินดี ชื่นชม รับไปปฏิบัติอยู่ไม่นาน ก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในโลก

ภิกขุสูตร ๑๙/๑๘๕


ส่วนเสริม

พระสูตรนี้ น่าจะเป็นแบบอย่างที่ดี สำหรับผู้ที่จะเจริญวิปัสสนา หรือแม้แต่การเจริญสมถะหรือสมาธิก็ตามของทุกท่านได้อย่างดียิ่ง เหตุผล เพราะปัจจุบันนี้มีผู้สอนธรรมะแหวกแนวคำสอนของพระพุทะเจ้าอยู่มาก ยากแก่ผู้ที่ไม่รู้จริงจะแยกแยะได้ว่าแนวไหนผิด ? แนวไหนถูก ? และที่ว่าผิดถูกนั้นมากน้อยแค่ไหนและอย่างไร ? จะกลายเป็นการกึ่งสะกดจิต ความรู้ความเห็นอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็จะกลายเป็น “เขาสร้าง” แล้ว “ยัดเยียดใส่” ให้ทั้งสิ้นไม่ได้เกิดจากตัวของเราเองเลย

สิ่งที่ได้จึงเป็นของเก๊ของปลอม สวรรค์ก็ปลอม พระอรหันต์ก็ปลอม พระพุทธเจ้าก็ปลอม ดวงอะไรก็ปลอม แม้นิพพานก็ปลอมด้วย สิ่งที่ท่านจะได้แน่ๆ ก็คือ การตกเป็นทาสทางใจ หรือทาสเสพติดของเขาไปชั่วชีวิต ดังนั้น ท่านที่สนใจการปฏิบัติธรรมทางจิต ก็อย่าได้ถือหรือเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยผิดไปแล้วอาจกลับตัวได้ บางคนก็กลับไม่ได้ เพราะไม่รู้ตัวว่าเดินทางผิด บางคนแม้ว่าจะกลับตัวได้ แต่ก้ได้หันหลังให้ศาสนาโดยสิ้นเชิงเพราะไปมองพระแบบเหมาโหล !…..

เจ้าของ:  เอรากอน [ 01 เม.ย. 2010, 22:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: :: ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ::

=================

รูปภาพ

=================


.. :b48: .. :b16: .. :b48: ..

เจ้าของ:  Bwitch [ 01 เม.ย. 2010, 22:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: :: ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ::

พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

เล่ม ๕- หน้าที่ 19 ยมกวรรคที่ ๒

ว่าด้วยโพชฌงค์ ๗ เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ




ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังนี้

การคบสัปบุรุษที่บริบูรณ์...ย่อมยังการฟังสัทธรรมให้บริบูรณ์

การฟังสัทธรรมที่บริบูรณ์...ย่อมยังศรัทธาให้บริบูรณ์

ศรัทธาที่บริบูรณ์...ย่อมยังการทำไว้ในใจโดยแยบคายให้บริบูรณ์

การทำไว้ในใจโดยแยบคายที่บริบูรณ์...ย่อมยังสติสัมปชัญญะให้บริบูรณ์

สติสัมปชัญญะที่บริบูรณ์...ย่อมยังการสำรวมอินทรีย์ให้บริบูรณ์

การสำรวมอินทรีย์ที่บริบูรณ์...ย่อมยังสุจริต ๓ ให้บริบูรณ์

สุจริต ๓ ที่บริบูรณ์....ย่อมยังสติปัฏฐาน ๔ ให้บริบูรณ์

สติปัฏฐาน ๔ ที่บริบูรณ์..... ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์

โพชฌงค์ ๗ ที่บริบูรณ์....ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์


วิชชาและวิมุตตินี้ มีอาหารอย่างนี้

และบริบูรณ์อย่างนี้.



สุจริต๓ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต


อ้างอิง
กายสุจริต ประพฤติชอบด้วยกาย, ประพฤติชอบทางกาย มี ๓ อย่าง คือ
เว้นจากฆ่าสัตว์
เว้นจากลักทรัพย์
เว้นจากประพฤติผิดในกาม

วจีสุจริต ประพฤติชอบด้วยวาจา, ประพฤติชอบทางวาจา มี ๔ อย่าง คือ
เว้นจากพูดเท็จ เว้นจากพูดส่อเสียด เว้นจากพูดคำหยาบ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ;

มโนสุจริต ความประพฤติชอบด้วยใจ, ความสุจริตทางใจ มี ๓ อย่าง คือ
๑. อนภิชฌา ไม่โลภอยากได้ของเขา
๒. อพยาบาท ไม่พยาบาทปองร้ายเขา
๓. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม




ศีล ครอบคลุม กายสุจริต และ วจีสุจริต... อีกทั้ง สนับสนุน มโนสุจริต


เหตุใกล้แห่ง สุจริต๓ คือ โยนิโสมนสิการ--------> สติสัมปชัญญะ------>อินทรีย์สังวร

การสำรวมอินทรีย์ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรับศีล

เจ้าของ:  Supareak Mulpong [ 04 ต.ค. 2010, 11:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: :: ชำระศีลให้ดีก่อนจึงค่อยเจริญวิปัสสนา ::

พระสูตรนี้ พระพุทธองค์ตรัสสอนพระภิกษุ ไม่ได้ตรัสสอนฆาราวาส ภิกษุที่ท่านสอนนี้ ล้วนเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรมที่มาขอบวชในพุทธศาสนา

ศีลที่ให้ชำระ คือ ศีล ๒๒๗ ข้อ ต่อเมื่อภิกษุสมทานสิกขาบททั้งหลายได้แล้ว จึงให้ฝึกคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย หรือ การฝึกสร้างความเห็นสัมมาทิฏฐิที่เป็นอนาสวะ สำหรับรายละเอียดการฝึกเพื่อคุ้มครองทวารทั้ง ๖ มีขยายความอย่างละเอียดอยู่ในพระสูตรเล่มที่ ๑๐ ทั้งเล่ม

เมื่อเกิดความเห็นชอบ การประพฤติทางกาย วาจา ใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ชอบ หรือเกิดสุจริต ๓ ขึ้น

เมื่อภิกษุสามารถคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้ง ๖ ได้แล้ว จึงจะมีปกติเห็นกาย เวทนา จิต ธรรม โดยความไม่เที่ยง แปลว่า มีความเห็นตรงเกิดขึ้นเป็นอัตโนมัติ จากนั้นถึงจะไปเจริญสมถะและวิปัสสนาขั้นสูงต่อไป เพื่อการบรรลุอรหันตผล

รายละเอียดเรื่องการปฏิบัติของพระภิกษุ ได้มีพราหมณ์มาถาม พระพุทธองค์ได้อธิบายอย่างละเอียดใน ทันตภูมิสูตร และ คณกโมคคัลลานสูตร

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/