ตอนนี้สรุปประมาณนี้ครับ

ให้ถือว่าเต็มแล้ว พวกเราอย่าชวนใครเพิ่ม เว้นแต่เขามาเจอเองนะครับ
เราไปกัน ตอนนี้ 155 คน สี่รถบัส และ 1 รถตู้ครับ
เราปิดรับคนแล้ว แต่ ถ้าท่านใดมาอ่านเจอกระทู้นี้ แล้วอยากจะไปแน่นอน ลงชื่อสำรองต่อในกระทู้นี้นะครับ

กำหนดการ
มีการเปลี่ยนแปลงครับ เราจำต้องตัดวัดถ้ำขามไป เพราะเวลาไม่ทัน แต่เราจะไปวัดป่าอุดมสมพร ของพระอาจารย์ฝั้นแทนครับ
เพื่อนๆ ช่วยกันดูนะครับ

3 ธันวาคม รถออกสองทุ่มครับ

บริเวณที่เดิม คือ ลานจอดรถ
เรานัดกันที่ลานจอดรถ ของ ผู้ที่จะมาขึ้นรถไฟฟ้า หมอชิต ต้นทาง
ลานจอดรถนี้อยู่ตางข้าม สวนจตุจักร และด้านเดียวกับ ที่รถไฟฟ้า จอด
รถอาจจะจอดด้านไหนก็ได้ คือด้านที่ใกล้ เซนทรัลลาดพร้าว หรือสะพานควาย ให้มองหาครับ
เป็นรถบัสสูง สี่คัน
รถตู้จะออกก่อนแต่เช้า และไปนอนที่อุดรรอครับ ทางทีมงานประสานกับคณะรถตู้แล้ว
รถบัส จะแวะปั๊มประมาณทุกสองชั่วโมง

4 ธันวาคมเช้า เริ่มสมาทานศีลแปด

( ศีลแปด เราจะทานสองมื้อก็ได้ แต่ที่วัด จะจัดให้มื้อเดียว เพื่อความสะดวกของทางวัดครับ ดังนั้นท่านที่จะทานกลางวัน ควราเตรียมส่วนตัวกันไปเอง หรือจะลองมื้อเดียวก็ได้ จะได้ผอมด้วย ) แต่วันที่ 4 ธันวาคม เราจะมีพาไปทานสองมื้อครับ
เราจะถึงอุดรประมาณ ตีสี่ครึ่งถึงห้าครึ่งทานอาหารเช้า พบปะด้วยกัน อย่างสนุกสนาน ที่ ธนิตารีสอร์ท ซึ่งพวกเราเคยไปทานกันครับ และสามารถ ล้างหน้าตา ใช้ห้องน้ำ อาบน้ำได้เลย ถ้าเราต้องการ และไม่สนเรื่องความหนาวเย็นนะครับ
ท่านที่ไปรถตู้จะนอนรออยู่ที่นี้แล้ว

เราควรจะออกจากรีสอร์ท ไม่เกิน 5.50 หรือสายสุดก็ 6.00 ครับ
จากนั้นไปใส่บาตรหลวงตาบัวกันครับ เราอาจจะเตรียมพวกน้ำผลไม้ นมกล่องไปนิดหน่อย ซื้อที่ปั๊มน้ำมัน ยังได้ และอาหารสดไปซื้อที่หน้าวัดได้เพิ่มเติมครับ
ใส่บาตรหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด กราบพบหลวงตา อยู่จน หลวงตาให้พร แล้วทยอยกันออกมานะครับ เราจะไม่อยู่รอจนหลวงตา และชาวบ้านทานอาหารกัน เพราะเรามีโปรแกรมแน่นครับ จะได้ถึง ภูทอก ไม่มืด และขึ้นเขาทัน ผมคิดว่า น่าจะประมาณ 8.00 ทยอยกันออก และรถออก ไม่น่าเกิน 8.15 น.ครับ

เราเดินทางไปวัดป่าอดุมสมพร ประมาณ 133 ก.ม. 2 ชั่วโมง สิบนาทีจาก กูเกิ้ลครับ

10.30 - 11.30 น. อยู่วัดป่า อุดมสมพร
เราอาจจะไปที่เจดีย์ หรือไม่ก็วัดป่า กำลังคิดว่าเพื่อนๆ จะอยากไปที่ใดมากกวั่น ถ้าเป็นที่ วัดป่า ตรงที่เป็นศาลาเก่า ของหลวงปู่ฝั้น เลยนะครับ มีรูปหล่อหลวงปู่อยู่ เราจะพัก อยู่ที่นี่ นั่งสมาธิ สักชั่วโมง ก็ได้
เราอยากจะให้ได้ บรรยากาศของวัดป่าครับ แต่ถ้าเพื่อน ชอบเจดีย์ ไปเจดีย์ก็ยังได้ แต่มีเวลาตรงน้ำจำกัดคือประมาณชั่วโมงเดียวครับ
12-13.00 น. เราทานอาหารที่ไก่ย่างพังโคน ครับ เราเดินทาง 18 ก.ม. ประมาณ 20 นาทีครับ
จากพังโคน เราไปภูทอกเลยครับ 109 ก.ม. 2 ชั่วโมง 2 นาที

น่าจะถึง ภูทอก 15.00 น.ครับ
เราเริ่มเป็นชาววัดกันจริงจังที่นี้เลยครับ
วัดถูทอก หรือวัดเจติยาคีรี
มีที่สนใจที่พวกเราควรไปอยู่สามสี่ที่คือ

1 พระเจดีย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตซึ่ง พระเจดีย์นี้เห็นชัด ไปง่ายที่สุด สามารถไปจงกรม นั่งสมาธิได้ อากาศเย็นสบาย
ท่านที่จะไม่ขึ้นเขา ควรไปนั่งสมาธิที่นี้ได้เลยครับ

2 ศาลาใหญ่ชั้นล่าง สวยงาม ที่คุณหญิง สุรีย์พันธุ์ ท่านรวบรวมกำลัง บริจาคไว้ให้ เราจะถวายพระไตรปิฎกที่นี่ ตอนกลางคืน หลวงตาแยง ก็มักจะสอนสมาธิ พวกเราที่นี่ ดังนั้นท่านที่จะไม่ขึ้นภู ตรงนี้ ก็นั่งสมาธิได้ครับ ตรงนี้จะเป็นที่ทำวัตรเช้าเย็น สำหรับคนไม่ขึ้นภูครับ

3 ศาลาชั้นห้า ซึ่งใหญ่มาก พระอาจารย์จวนท่านจะอยู่ตรงนี้มากที่สุด ท่านที่ขึ้นภู จะนอนกันในศาลานี้เป็นส่วนมาก และยังมี กุฏิเล็ก ชายเขา ใกล้ศาลาที่พอจะนอนได้แบ่ง เป็นกุฏิชาย และหญิง ตรงนี้จะเป็นที่ทำวัตรเช้าเย็น สำหรับคนบนภูครับ

4 พุทธวิหารชั้น สี่ ( มั้งครับ ขอคอนเฟิริมอีกที ) เป็นที่ ในอดีต พระปัจเจกพุทธเจ้า มานิพพานที่นี่ ( ซึ่งหลวงปู่ขาว อนาลโย ) ท่านได้บอกไว้ ) ( ลักษณะที่นี่ เป็นหินก้อนใหญ่บนศาลา รูปที่ถ่ายกันมาบ่อยๆ นั่นเองครับ )
ตรงนี้นั่งสมาธิได้ สิบคน ถึงยี่สิบคน อาจจะพอได้ ลมเย็นมาก เป็นที่ศักดิสิทธิมาก ไม่ควรนอน ถ้าจะอยู่ตรงนี้ทั้งคืนได้ แต่ควร เนสัชชิก คือ ไม่นอนทั้งคืน เช่น จงกรม สลับ นั่งสมาธิ ทั้งคืนเป็นต้นครับ

5 ระเบียงไม้ชั้นหก อัน สวยงาม ลือลัน มหัศจรรย์ จะอยู่สูงขึ้นไป บนชั้นหก ถ้าท่านขึ้นภู และพักที่ศาลาชั้นห้าได้ ไปชั้นหก ก็ง่ายนิดเดียวครับ ระเบียงนี้ที่พวกเรา ถ่ายรูปกันมานั่นเองครับ เวลาเดิน ให้เจริญสติ กับการเดิน มองไปข้างหน้า อย่ามองพื้น จะตาลาย จากลวดลายของกระดานที่เท้าครับ

ไปภูทอกครับ

ถึงภูทอกเย็น น่าจะประมาณ บ่ายสามบ่ายสี่
เราจะพัก กันก่อน เวลาถวายพระไตรปิฏก เป็น 20.00 น.ครับ เราได้ปรับเวลาใหม่ โทรบอกทางวัดแล้ว
เวลาช่วงนี้เราจะทำอะไร

1 ท่านที่แข็งแรง ขึ้นลงภูได้ดั่งใจ อย่างน้อยสองครั้งต่อวัน อาจจะพากันขึ้นไปชั้นหกเลยครับ ชมดูทุกสถานที่ แล้วลงมาอาบน้ำ รอเตรียมถวายพระไตรปิฏก
แล้วจะนอนที่ไหนก็ว่ากันอีกที จะขึ้น ภูอีกรอบ หรือจะนอนศาลา หรือในบ้านกุฏิ หลังใหญ่ข้างล่างก็ได้

2 ท่านที่แข็งแรง จะนอนบนชั้นห้า แต่ มีแรงพอขึ้นภูได้ครั้งเดียว ต่อวัน ให้อาบน้ำ และรอข้างล่าง ไปจงกรมนั่งสมาธิก็ได้
เมื่อถวายพระไตรปิฎกแล้วผมจะพาขึ้นเขา น่าจะสักสามสี่ทุ่มครับ ไปนอนบนนั้น ทำวัตร เช้า และตื่นเช้าลงมาใส่บาตรหลวงตา

3 ท่านทีไม่แข็งแรงมาก หรือเคยไปชั้นห้าแล้ว หรือคิดว่า ตัวเองอยู่ข้างล่างก็ได้ ไม่ต้องลำบาก ก็อยู่ชั้นล่างไปเลย ไม่ต้องขึ้นไป เวลานี้ ก็อาบน้ำ ทำสมาธิจงกรม ที่ศาลาใหญ่ หรือ พระเจดีย์พระอาจารย์จวนก็ได้ครับ แล้วรอถวายพระไตรปิฎก
เราไม่มีอาหารเย็น แต่วัดมีน้ำปานะ เลี้ยงครับ

ถวายพระไตรปิฎก 20.00 ที่วัด ภูทอก ชุดที่หนึ่งครับ

จากนั้น หลวงตาแยง ท่านคงจะนำนั่งสมาธิกลางคืน หรือใครจะขึ้นภู ไปนั่งบนภู หรือไป พุทธวิหาร ที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามาปรินิพพาน ก็ได้ครับ
หลวงตาจะนำนั่งสมาธิ หรือแสดงพระธรรมเทศนา ท่านอาจจะนำนั่งนานมาก จนเที่ยงคืนเลยทีเดียว ท่านที่จะนอนข้างบนเราก็อาจจะทยอยกันขึ้นไป เงียบ ๆนัดเวลา หน่อย เช่นอาจจะไปกัน ตอนสามสี่ทุ่ม และควรนั่งด้านหลัง เวลาลุกจะได้ไม่รบกวน

ส่วนท่านที่นอนข้างล่าง ไม่ขึ้นภู ควรไปนั่งข้างหน้า ใกล้ๆ หลวงตาเข้าไว้ครับ
ถือศีลแปดค้างภูทอก ท่านที่คิดว่า อาจจะหิว ให้เตรียม น้ำปานะของตนเองติดตัวไปหลายกล่อง ระหว่างใช้ชีวิต ในสองสามวันนี้นะครับ เพราะ น้ำปานะ ของวัด นั้นอยู่ชั้นล่าง ชั้นห้า มีแต่น้ำเปล่า ถ้านอนชั้นห้า ควรมีติดตัวไว้บ้าง ปกติ หลวงตาไม่ให้ทานอะไรบนชั้นห้าเลย แม้แต่น้ำปานะ แต่ครั้งที่แล้ว ท่านใจดี อนุโลมให้ทานได้ มีหนึ่งย่อมมีสอง ดังนั้นครั้งนี้ก็คงเช่นกันครับ

5 ธันวาคม

ตอนเช้า ตื่นมาทำวัตร แล้วลงมาทานอาหารใส่บาตรหลวงตาครับ
10.00 เราจะออกจากภูทอก ไปภูวัว ไปวัดถ้ำบูชา ถวายพระไตรปิฏก 11.00 ครับ

ถวายพระไตรปิฏกที่วัดถ้ำบูชา 11.00 เราไม่ได้รบกวนให้ทางวัดเตรียมอาหารกลางวันนะครับ ลองถือโอกาสถือาศีลแปดแบบทานมื้อเดียววันนี้ แต่ท่านใด จะทานสองมื้อ ให้นำโจ๊ก และมาม่าไปเองด้วยครับ

วัดนี้อยู่ติดน้ำตกเจ็ดสี มีกุฏิพระอาจารย์จวนบนยอดเขา เตี้ยๆ ซึ่งน่าไปที่สุดครับ

การจะไปกุฏิหลวงปู่จวนบนยอดเขา อาจะไปทางบันไดวัด อาจไปทางน้ำตก

ท่านที่อายุมาก นั่งสมาธิ เดินจงกลม รอบริเวณด้านล่าง ตรงไหนก็สงบเย็นทั้งสิ้นครับ

กลับ 16.00 มาค้างภูทอกต่อครับ

กิจกรรม เหมือนเดิม


6 ธันวาคม

ออกจากภูทอกตอนสายคือใส่บาตร แล้วกลับ ถึงกรุงเทพประมาณ สองสามทุ่มครับ วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยนะครับ

การเตรียมตัว

คือ เสื้อหนาว เสื้อ อยากให้เป็นเสื้อขาว ถ้ามี ส่วนกางเกงกระโปรงสีอะไรก็ได้ อย่าลืมเรื่องความหนาวเย็น
รองเท้า จะเป็นรองเท้าที่ถอดใส่ได้ง่าย จะเป็นผ้าใบ หรือแตะก็ได้ครับ เพราะมีการขึ้นเขา จะมีทั้งผ้าใบ และแตะ ก็ยิ่งดีใหญ่
เตรียม ไฟฉายทุกท่าน
ท่านที่นอนยาก อาจจะเตรียมถุงนอนไปด้วย ส่วนเต๊นท์นั่นไม่น่าต้องเอาไป แต่จะเอาไปก็ได้ เพื่อจะได้นอนตรงไหนก็ได้ที่เราชอบครับ
เตรียมอุปกรณ์ห้องน้ำไว้ มีถุงไว้แขวนในห้องน้ำด้วย วัดป่า มักไม่มีราว มีแต่ตะปูให้แขวน
มือถือทำเป็นสั่นเสมอ พูดให้เบาที่สุดครับ
สามารถเตรียมของไปถวายพระได้ตามใจชอบ ในทุกวัดที่เราไปครับ
อย่าลืม หมวก แว่นกันแดด ถ้ากลัวดำ หน้าดำ ก็เตรียมร่มไปได้ครับ
ยุงไม่มี ฝนไม่ตก ครับ ไม่น่ากังวลเรื่องนี้ แต่ใครแพ้ยุง จะเตรียมยาทาไปก็ดีครับ เรื่องยุง มันก็ไม่แน่เสมอไปครับ
อย่าลืมยาประจำตัว
ทำร่างกายให้แข็งแรง เริ่มบริหาร เดินสายพาน ปั่นจักรยานกันได้แล้วครับผม
ดูเหมือนว่ามีการขึ้นเขาเยอะแยะมากมาย ความจริงก็ใช่ แต่แล้วแต่เราครับ ถ้าไม่ป่วยหนัก ก็พอไปได้ครับ เพราะเราค่อยๆ เดิน เหนื่อยก็หยุด
ที่จะสถิตย์อยู่ข้างล่างจริงๆ ก็คือ ปวดเข่า เท่านั้นครับ

ต้องฝากบอกต่อๆ ด้วยว่า

ไม่มีค่าใช้จ่าย ทุกอย่างฟรีหมด ถือเป็นความสุขของผมและทีมงาน
ที่จะนำคนไปวัดครับ
ค่าใช้จ่ายจึงเป็นแล้วแต่ศรัทธา แต่ให้วัดหมดครับ

พอถึงเวลา จะถามทางวัดอีกทีว่า ค่าอาหารที่วัดทำให้เรามื้อเช้า สองมื้อ และนำปานะ เป็นเท่า ไร เราจะได้ประมาณ การบริจาคเพิ่มได้ถูกครับ

ที่ต้องออกเองบ้าง คือ ค่าค่าอาหารของท่านเองเป็นบางมื้อครับ เช่นตอนไปกินไก่ย่างพังโคน ( พูดแล้วหิวเลย ) หรือตอนแวะปั๊ม ก็ซื้อเสบียงเอง

ให้นำเงิน ที่คิดจะช่วยค่ารถราอะไรก็ตาม ทั้งหมดไปทำบุญกับวัด และร่วมบุญซื้อพระไตรปิฎก ถวายแก่วัด ที่เราไปกัน ให้หมดสิ้นเลยนะครับ

รายละเอียดของวัดถ้ำบูชา ภูวัว ให้ชมได้ที่นี่ครับ
http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=2284

และชม เวอร์ชัน ผจญภัยแบบ รพินเอ๊กไพรวัลย์ได้ที่นี้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 86.html#77
ส่วนเรื่องของภูทอก ชมได้ที่นี่อีกเช่นกันครับ
http://www.dhammathai.org/watthai/north ... phutok.php


ครั้งนี้เราเน้นการปฏิบัติ
เราจะได้อยู่ บนเขาภูทอก ซึ่งมีอากาศเย็นสบายอย่างยิ่ง อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ และ ได้ถวายพระไตรปิฏก ถึงสองวัด ได้สมาทานศีลแปด ได้ไปนั่งสมาธิ ที่สถานที่ปรินิพพาน พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยนะครับ ( เป็นวิหาร ที่มีหินใหญ่ ดังในรูป ) เราจะได้ขึ้นยอดภูสองภู ซึ่งพระอาจารย์จวน ศิษย์หลวงปู่มั่นได้ไปสร้างกุฏิ วิหารไว้ คือ ภูวัว และภูทอก

ทั้งหมดนี้หาได้ยากยิ่งครับ
ที่สำคัญ เราจะได้เพื่อนดี ที่ฝักใฝ่ในการทำบุญด้วยกันด้วยครับ
เรารอกันและกันอยู่

รักษาสุขภาพนะครับ

ถ้าท่านใดมาอ่านเจอกระทู้นี้ แล้วอยากจะไปแน่นอน ลงชื่อสำรองต่อในกระทู้นี้นะครับ
ตอนนี้ปิดแล้ว แต่ถ้าท่านอ่านเจอ อยากไปจริง ๆ ให้ลงสำรองไว้ก่อนครับ

สำหรับจุดนัดหมายเป็น
ลานจอดรถ ย้ำว่าลานจอดรถนะครับ
ของผู้ที่จะมาขึ้นรถไฟฟ้า สาขาต้นทางคือหมอชิต
อยู่ตรงข้าม กับสวนจตุจักรนะครับ ตรงข้าม ย้ำว่า ตรงข้ามครับ

ที่จอดรถ ที่เรามักจะนัดกันครับ
เพราะจอดรถได้ง่าย และ มาทางรถไฟฟ้า ก็ได้ง่าย

ในวันนั้น รถบัสอาจจะจอดได้สองที่คือ ทิศเหนือกับใต้สุด
เรามองหา กันวันนั้นนะครับ

เราจะมีพวกเราไปออกันตรงรถเองนั่นแหละครับ
มักจะหาไม่ยาก

เรานัดกัน 20.00 คืนวันที่ 3 ธันวาคม นะครับ
ผมขอเบอร์มือถือทุกท่านไว้ประสานงานด้วยครับ
กรุณาแจ้งเบอร์มือถือ และล๊อกอิน ของท่านทุกท่านเลยนะครับ ที่ Saradhammajak@hotmail.com ครับ

เบอร์มือถือของผม 081-372-8073 จดเก็บไว้เลยครับ จะได้ไม่ลืม
มือถือผม เปิดตลอด ถ้าไม่ปิดนะครับ
ถ้าปิดแสดงว่า สักครู่ก็จะเปิด
ถ้าโทรแล้วไม่รับสาย แสดงว่าผมทำเงียบไว้ แล้วผมจะโทรกลับทุกคนครับ
ถ้าผมไม่โทรกลับ แสดงว่าลืมไปแล้ว หรือมีคนโทรมาใหม่มากมาย จนเบลอ รบกวนท่านโทรมาใหม่นะครับ

นี้คือ แผนที่ จุดนัดพวกเรา กรุณาดูให้ละเอียดนะครับ

ตอนนี้จึงเป็น 155 คนแล้ว

ผมขอปิดการรับสมัครไว้แต่เพียงเท่านี้นะครับ
พวกเราที่ได้ไปแล้ว อย่าชวนใครเพิ่มนะครับ ให้เขามาเจอกระทู้เอง

เราไปกัน ตอนนี้ 155 คน สี่รถบัส และ 1 รถตู้ครับ
เราปิดรับคนแล้ว แต่ ถ้าท่านใดมาอ่านเจอกระทู้นี้ แล้วอยากจะไปแน่นอน ลงชื่อสำรองต่อในกระทู้นี้นะครับ

กำหนดการ
มีการเปลี่ยนแปลงครับ เราจำต้องตัดวัดถ้ำขามไป เพราะเวลาไม่ทัน แต่เราจะไปวัดป่าอุดมสมพร ของพระอาจารย์ฝั้นแทนครับ
เพื่อนๆ ช่วยกันดูนะครับ

3 ธันวาคม รถออกสองทุ่มครับ

บริเวณที่เดิม คือ ลานจอดรถ
เรานัดกันที่ลานจอดรถ ของ ผู้ที่จะมาขึ้นรถไฟฟ้า หมอชิต ต้นทาง
ลานจอดรถนี้อยู่ตางข้าม สวนจตุจักร และด้านเดียวกับ ที่รถไฟฟ้า จอด
รถอาจจะจอดด้านไหนก็ได้ คือด้านที่ใกล้ เซนทรัลลาดพร้าว หรือสะพานควาย ให้มองหาครับ
เป็นรถบัสสูง สี่คัน
รถตู้จะออกก่อนแต่เช้า และไปนอนที่อุดรรอครับ ทางทีมงานประสานกับคณะรถตู้แล้ว
รถบัส จะแวะปั๊มประมาณทุกสองชั่วโมง

4 ธันวาคมเช้า เริ่มสมาทานศีลแปด

( ศีลแปด เราจะทานสองมื้อก็ได้ แต่ที่วัด จะจัดให้มื้อเดียว เพื่อความสะดวกของทางวัดครับ ดังนั้นท่านที่จะทานกลางวัน ควราเตรียมส่วนตัวกันไปเอง หรือจะลองมื้อเดียวก็ได้ จะได้ผอมด้วย ) แต่วันที่ 4 ธันวาคม เราจะมีพาไปทานสองมื้อครับ
เราจะถึงอุดรประมาณ ตีสี่ครึ่งถึงห้าครึ่งทานอาหารเช้า พบปะด้วยกัน อย่างสนุกสนาน ที่ ธนิตารีสอร์ท ซึ่งพวกเราเคยไปทานกันครับ และสามารถ ล้างหน้าตา ใช้ห้องน้ำ อาบน้ำได้เลย ถ้าเราต้องการ และไม่สนเรื่องความหนาวเย็นนะครับ
ท่านที่ไปรถตู้จะนอนรออยู่ที่นี้แล้ว

เราควรจะออกจากรีสอร์ท ไม่เกิน 5.50 หรือสายสุดก็ 6.00 ครับ
จากนั้นไปใส่บาตรหลวงตาบัวกันครับ เราอาจจะเตรียมพวกน้ำผลไม้ นมกล่องไปนิดหน่อย ซื้อที่ปั๊มน้ำมัน ยังได้ และอาหารสดไปซื้อที่หน้าวัดได้เพิ่มเติมครับ
ใส่บาตรหลวงตาบัว วัดป่าบ้านตาด กราบพบหลวงตา อยู่จน หลวงตาให้พร แล้วทยอยกันออกมานะครับ เราจะไม่อยู่รอจนหลวงตา และชาวบ้านทานอาหารกัน เพราะเรามีโปรแกรมแน่นครับ จะได้ถึง ภูทอก ไม่มืด และขึ้นเขาทัน ผมคิดว่า น่าจะประมาณ 8.00 ทยอยกันออก และรถออก ไม่น่าเกิน 8.15 น.ครับ

เราเดินทางไปวัดป่าอดุมสมพร ประมาณ 133 ก.ม. 2 ชั่วโมง สิบนาทีจาก กูเกิ้ลครับ

10.30 - 11.30 น. อยู่วัดป่า อุดมสมพร
เราอาจจะไปที่เจดีย์ หรือไม่ก็วัดป่า กำลังคิดว่าเพื่อนๆ จะอยากไปที่ใดมากกวั่น ถ้าเป็นที่ วัดป่า ตรงที่เป็นศาลาเก่า ของหลวงปู่ฝั้น เลยนะครับ มีรูปหล่อหลวงปู่อยู่ เราจะพัก อยู่ที่นี่ นั่งสมาธิ สักชั่วโมง ก็ได้
เราอยากจะให้ได้ บรรยากาศของวัดป่าครับ แต่ถ้าเพื่อน ชอบเจดีย์ ไปเจดีย์ก็ยังได้ แต่มีเวลาตรงน้ำจำกัดคือประมาณชั่วโมงเดียวครับ
12-13.00 น. เราทานอาหารที่ไก่ย่างพังโคน ครับ เราเดินทาง 18 ก.ม. ประมาณ 20 นาทีครับ
จากพังโคน เราไปภูทอกเลยครับ 109 ก.ม. 2 ชั่วโมง 2 นาที

น่าจะถึง ภูทอก 15.00 น.ครับ
เราเริ่มเป็นชาววัดกันจริงจังที่นี้เลยครับ
วัดถูทอก หรือวัดเจติยาคีรี
มีที่สนใจที่พวกเราควรไปอยู่สามสี่ที่คือ

1 พระเจดีย์ พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตซึ่ง พระเจดีย์นี้เห็นชัด ไปง่ายที่สุด สามารถไปจงกรม นั่งสมาธิได้ อากาศเย็นสบาย
ท่านที่จะไม่ขึ้นเขา ควรไปนั่งสมาธิที่นี้ได้เลยครับ

2 ศาลาใหญ่ชั้นล่าง สวยงาม ที่คุณหญิง สุรีย์พันธุ์ ท่านรวบรวมกำลัง บริจาคไว้ให้ เราจะถวายพระไตรปิฎกที่นี่ ตอนกลางคืน หลวงตาแยง ก็มักจะสอนสมาธิ พวกเราที่นี่ ดังนั้นท่านที่จะไม่ขึ้นภู ตรงนี้ ก็นั่งสมาธิได้ครับ ตรงนี้จะเป็นที่ทำวัตรเช้าเย็น สำหรับคนไม่ขึ้นภูครับ

3 ศาลาชั้นห้า ซึ่งใหญ่มาก พระอาจารย์จวนท่านจะอยู่ตรงนี้มากที่สุด ท่านที่ขึ้นภู จะนอนกันในศาลานี้เป็นส่วนมาก และยังมี กุฏิเล็ก ชายเขา ใกล้ศาลาที่พอจะนอนได้แบ่ง เป็นกุฏิชาย และหญิง ตรงนี้จะเป็นที่ทำวัตรเช้าเย็น สำหรับคนบนภูครับ

4 พุทธวิหารชั้น สี่ ( มั้งครับ ขอคอนเฟิริมอีกที ) เป็นที่ ในอดีต พระปัจเจกพุทธเจ้า มานิพพานที่นี่ ( ซึ่งหลวงปู่ขาว อนาลโย ) ท่านได้บอกไว้ ) ( ลักษณะที่นี่ เป็นหินก้อนใหญ่บนศาลา รูปที่ถ่ายกันมาบ่อยๆ นั่นเองครับ )
ตรงนี้นั่งสมาธิได้ สิบคน ถึงยี่สิบคน อาจจะพอได้ ลมเย็นมาก เป็นที่ศักดิสิทธิมาก ไม่ควรนอน ถ้าจะอยู่ตรงนี้ทั้งคืนได้ แต่ควร เนสัชชิก คือ ไม่นอนทั้งคืน เช่น จงกรม สลับ นั่งสมาธิ ทั้งคืนเป็นต้นครับ

5 ระเบียงไม้ชั้นหก อัน สวยงาม ลือลัน มหัศจรรย์ จะอยู่สูงขึ้นไป บนชั้นหก ถ้าท่านขึ้นภู และพักที่ศาลาชั้นห้าได้ ไปชั้นหก ก็ง่ายนิดเดียวครับ ระเบียงนี้ที่พวกเรา ถ่ายรูปกันมานั่นเองครับ เวลาเดิน ให้เจริญสติ กับการเดิน มองไปข้างหน้า อย่ามองพื้น จะตาลาย จากลวดลายของกระดานที่เท้าครับ

ไปภูทอกครับ

ถึงภูทอกเย็น น่าจะประมาณ บ่ายสามบ่ายสี่
เราจะพัก กันก่อน เวลาถวายพระไตรปิฏก เป็น 20.00 น.ครับ เราได้ปรับเวลาใหม่ โทรบอกทางวัดแล้ว
เวลาช่วงนี้เราจะทำอะไร

1 ท่านที่แข็งแรง ขึ้นลงภูได้ดั่งใจ อย่างน้อยสองครั้งต่อวัน อาจจะพากันขึ้นไปชั้นหกเลยครับ ชมดูทุกสถานที่ แล้วลงมาอาบน้ำ รอเตรียมถวายพระไตรปิฏก
แล้วจะนอนที่ไหนก็ว่ากันอีกที จะขึ้น ภูอีกรอบ หรือจะนอนศาลา หรือในบ้านกุฏิ หลังใหญ่ข้างล่างก็ได้

2 ท่านที่แข็งแรง จะนอนบนชั้นห้า แต่ มีแรงพอขึ้นภูได้ครั้งเดียว ต่อวัน ให้อาบน้ำ และรอข้างล่าง ไปจงกรมนั่งสมาธิก็ได้
เมื่อถวายพระไตรปิฎกแล้วผมจะพาขึ้นเขา น่าจะสักสามสี่ทุ่มครับ ไปนอนบนนั้น ทำวัตร เช้า และตื่นเช้าลงมาใส่บาตรหลวงตา

3 ท่านทีไม่แข็งแรงมาก หรือเคยไปชั้นห้าแล้ว หรือคิดว่า ตัวเองอยู่ข้างล่างก็ได้ ไม่ต้องลำบาก ก็อยู่ชั้นล่างไปเลย ไม่ต้องขึ้นไป เวลานี้ ก็อาบน้ำ ทำสมาธิจงกรม ที่ศาลาใหญ่ หรือ พระเจดีย์พระอาจารย์จวนก็ได้ครับ แล้วรอถวายพระไตรปิฎก
เราไม่มีอาหารเย็น แต่วัดมีน้ำปานะ เลี้ยงครับ

ถวายพระไตรปิฎก 20.00 ที่วัด ภูทอก ชุดที่หนึ่งครับ

จากนั้น หลวงตาแยง ท่านคงจะนำนั่งสมาธิกลางคืน หรือใครจะขึ้นภู ไปนั่งบนภู หรือไป พุทธวิหาร ที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามาปรินิพพาน ก็ได้ครับ
หลวงตาจะนำนั่งสมาธิ หรือแสดงพระธรรมเทศนา ท่านอาจจะนำนั่งนานมาก จนเที่ยงคืนเลยทีเดียว ท่านที่จะนอนข้างบนเราก็อาจจะทยอยกันขึ้นไป เงียบ ๆนัดเวลา หน่อย เช่นอาจจะไปกัน ตอนสามสี่ทุ่ม และควรนั่งด้านหลัง เวลาลุกจะได้ไม่รบกวน

ส่วนท่านที่นอนข้างล่าง ไม่ขึ้นภู ควรไปนั่งข้างหน้า ใกล้ๆ หลวงตาเข้าไว้ครับ
ถือศีลแปดค้างภูทอก ท่านที่คิดว่า อาจจะหิว ให้เตรียม น้ำปานะของตนเองติดตัวไปหลายกล่อง ระหว่างใช้ชีวิต ในสองสามวันนี้นะครับ เพราะ น้ำปานะ ของวัด นั้นอยู่ชั้นล่าง ชั้นห้า มีแต่น้ำเปล่า ถ้านอนชั้นห้า ควรมีติดตัวไว้บ้าง ปกติ หลวงตาไม่ให้ทานอะไรบนชั้นห้าเลย แม้แต่น้ำปานะ แต่ครั้งที่แล้ว ท่านใจดี อนุโลมให้ทานได้ มีหนึ่งย่อมมีสอง ดังนั้นครั้งนี้ก็คงเช่นกันครับ

5 ธันวาคม

ตอนเช้า ตื่นมาทำวัตร แล้วลงมาทานอาหารใส่บาตรหลวงตาครับ
10.00 เราจะออกจากภูทอก ไปภูวัว ไปวัดถ้ำบูชา ถวายพระไตรปิฏก 11.00 ครับ

ถวายพระไตรปิฏกที่วัดถ้ำบูชา 11.00 เราไม่ได้รบกวนให้ทางวัดเตรียมอาหารกลางวันนะครับ ลองถือโอกาสถือาศีลแปดแบบทานมื้อเดียววันนี้ แต่ท่านใด จะทานสองมื้อ ให้นำโจ๊ก และมาม่าไปเองด้วยครับ

วัดนี้อยู่ติดน้ำตกเจ็ดสี มีกุฏิพระอาจารย์จวนบนยอดเขา เตี้ยๆ ซึ่งน่าไปที่สุดครับ

การจะไปกุฏิหลวงปู่จวนบนยอดเขา อาจะไปทางบันไดวัด อาจไปทางน้ำตก

ท่านที่อายุมาก นั่งสมาธิ เดินจงกลม รอบริเวณด้านล่าง ตรงไหนก็สงบเย็นทั้งสิ้นครับ

กลับ 16.00 มาค้างภูทอกต่อครับ

กิจกรรม เหมือนเดิม


6 ธันวาคม

ออกจากภูทอกตอนสายคือใส่บาตร แล้วกลับ ถึงกรุงเทพประมาณ สองสามทุ่มครับ วันนี้เป็นวันหยุดชดเชยนะครับ

การเตรียมตัว

คือ เสื้อหนาว เสื้อ อยากให้เป็นเสื้อขาว ถ้ามี ส่วนกางเกงกระโปรงสีอะไรก็ได้ อย่าลืมเรื่องความหนาวเย็น
รองเท้า จะเป็นรองเท้าที่ถอดใส่ได้ง่าย จะเป็นผ้าใบ หรือแตะก็ได้ครับ เพราะมีการขึ้นเขา จะมีทั้งผ้าใบ และแตะ ก็ยิ่งดีใหญ่
เตรียม ไฟฉายทุกท่าน
ท่านที่นอนยาก อาจจะเตรียมถุงนอนไปด้วย ส่วนเต๊นท์นั่นไม่น่าต้องเอาไป แต่จะเอาไปก็ได้ เพื่อจะได้นอนตรงไหนก็ได้ที่เราชอบครับ
เตรียมอุปกรณ์ห้องน้ำไว้ มีถุงไว้แขวนในห้องน้ำด้วย วัดป่า มักไม่มีราว มีแต่ตะปูให้แขวน
มือถือทำเป็นสั่นเสมอ พูดให้เบาที่สุดครับ
สามารถเตรียมของไปถวายพระได้ตามใจชอบ ในทุกวัดที่เราไปครับ
อย่าลืม หมวก แว่นกันแดด ถ้ากลัวดำ หน้าดำ ก็เตรียมร่มไปได้ครับ
ยุงไม่มี ฝนไม่ตก ครับ ไม่น่ากังวลเรื่องนี้ แต่ใครแพ้ยุง จะเตรียมยาทาไปก็ดีครับ เรื่องยุง มันก็ไม่แน่เสมอไปครับ
อย่าลืมยาประจำตัว
ทำร่างกายให้แข็งแรง เริ่มบริหาร เดินสายพาน ปั่นจักรยานกันได้แล้วครับผม
ดูเหมือนว่ามีการขึ้นเขาเยอะแยะมากมาย ความจริงก็ใช่ แต่แล้วแต่เราครับ ถ้าไม่ป่วยหนัก ก็พอไปได้ครับ เพราะเราค่อยๆ เดิน เหนื่อยก็หยุด
ที่จะสถิตย์อยู่ข้างล่างจริงๆ ก็คือ ปวดเข่า เท่านั้นครับ

ต้องฝากบอกต่อๆ ด้วยว่า

ไม่มีค่าใช้จ่าย ทุกอย่างฟรีหมด ถือเป็นความสุขของผมและทีมงาน
ที่จะนำคนไปวัดครับ
ค่าใช้จ่ายจึงเป็นแล้วแต่ศรัทธา แต่ให้วัดหมดครับ

พอถึงเวลา จะถามทางวัดอีกทีว่า ค่าอาหารที่วัดทำให้เรามื้อเช้า สองมื้อ และนำปานะ เป็นเท่า ไร เราจะได้ประมาณ การบริจาคเพิ่มได้ถูกครับ

ที่ต้องออกเองบ้าง คือ ค่าค่าอาหารของท่านเองเป็นบางมื้อครับ เช่นตอนไปกินไก่ย่างพังโคน ( พูดแล้วหิวเลย ) หรือตอนแวะปั๊ม ก็ซื้อเสบียงเอง

ให้นำเงิน ที่คิดจะช่วยค่ารถราอะไรก็ตาม ทั้งหมดไปทำบุญกับวัด และร่วมบุญซื้อพระไตรปิฎก ถวายแก่วัด ที่เราไปกัน ให้หมดสิ้นเลยนะครับ

รายละเอียดของวัดถ้ำบูชา ภูวัว ให้ชมได้ที่นี่ครับ
http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=2284

และชม เวอร์ชัน ผจญภัยแบบ รพินเอ๊กไพรวัลย์ได้ที่นี้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 86.html#77
ส่วนเรื่องของภูทอก ชมได้ที่นี่อีกเช่นกันครับ
http://www.dhammathai.org/watthai/north ... phutok.php


ครั้งนี้เราเน้นการปฏิบัติ
เราจะได้อยู่ บนเขาภูทอก ซึ่งมีอากาศเย็นสบายอย่างยิ่ง อยู่ใกล้ครูบาอาจารย์ และ ได้ถวายพระไตรปิฏก ถึงสองวัด ได้สมาทานศีลแปด ได้ไปนั่งสมาธิ ที่สถานที่ปรินิพพาน พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยนะครับ ( เป็นวิหาร ที่มีหินใหญ่ ดังในรูป ) เราจะได้ขึ้นยอดภูสองภู ซึ่งพระอาจารย์จวน ศิษย์หลวงปู่มั่นได้ไปสร้างกุฏิ วิหารไว้ คือ ภูวัว และภูทอก

ทั้งหมดนี้หาได้ยากยิ่งครับ
ที่สำคัญ เราจะได้เพื่อนดี ที่ฝักใฝ่ในการทำบุญด้วยกันด้วยครับ
เรารอกันและกันอยู่

รักษาสุขภาพนะครับ

ถ้าท่านใดมาอ่านเจอกระทู้นี้ แล้วอยากจะไปแน่นอน ลงชื่อสำรองต่อในกระทู้นี้นะครับ
ตอนนี้ปิดแล้ว แต่ถ้าท่านอ่านเจอ อยากไปจริง ๆ ให้ลงสำรองไว้ก่อนครับ

ไปวัดอุดมสมพร พากันไปนั้งสมาธิ ที่ศาลาก็ดีนะครับ ครั้งที่แล้ว คนอื่นอยู่ที่เจดีย์กันหมด ลงจากรถ ผมก็เดินดุ่มๆ เข้าไปในวัดเลย ข้างใน ร่มรื่น สงบ น่าภาวนามากๆ แต่ต้องระวังเรื่องเสียงดังเพราะคนหมู่มาก หากไม่มีระเบียบวินัย อาจจะพากันไปส่งเสียงรบกวน พระท่านได้ อันนี้คงต้องฝากคุณหมอช่วยกำชับ คนที่ยังไม่เคยไป อยากถ่ายรูปที่เจดีย์ ก็ให้อยู่ตามความสมัครใจ ส่วนคนที่เคยไปเจดีย์มาแล้ว แบบคุณหมอกับผม น่าจะอยากหาที่เงียบๆ ภาวนามากกกว่า

ขอบคุณ ครับ ผมว่า คราวนี้ เราจะให้เลือกโดยอิสระ ดีกว่าครับ อาจจะจอดรถไว้ระหว่าง ทั้งสองที่ ผมก็จำไม่ได้ว่า ไกลกันแค่ไหนด้วยครับ