ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ผลกรรมในชาตินี้ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=23112 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | tanaphomcinta [ 18 มิ.ย. 2009, 17:15 ] | ||||||
หัวข้อกระทู้: | ผลกรรมในชาตินี้ | ||||||
ผลกรรมในชาตินี้ เคยลงไปแล้วครั้งหนึ่งตั้งแต่ปีที่แล้วถ้าจำไม่ผิด ตอนนี้มีเวลาก็เลยจะนำมาลงให้ท่านได้ศึกษากันอิกที และมีของแถมเข้ามาอีกด้วยนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตนเอง นานมาแล้ว 40 กว่าปีแล้ว เมื่อสมัยเป็นหนุ่มอายุ 17-18 ปี ตัวเองชอบหากบและปลามาเลี้ยงครอบครัว เพราะเป็นลูกชายคนโตของคุณพ่อคุณแม่ จะมีหน้าที่ตั้งแต่ตักน้ำ (ต้องหาบน้ำ) เพราะน้ำก็อยู่ไกลหมู่บ้านประมาณ 1 กม. ตำข้าวด้วยมือ หุงข้าวด้วย ทุกอย่างเท่าที่จะช่วยคุณแม่ได้ เพราะเป็นครอบครัวที่ไม่รวย แต่ก็พออยู่ได้ ตั้งแต่จำความได้ก็ช่วยคุณพ่อคุณแม่โดยตลอด เพราะเป็นลูกคนโตอย่างที่บอกแล้ว ในเรื่องหาของมาใส่ ครอบครัวก็ต้องทำ จำได้ไม่เคยลืม แม้จะผ่านมาแล้ว 50 กว่าปี ก็ยังจำได้ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดกับตัว เอง ในราวปี 2526 ตอนนั้นอายุ 35 ปีแล้ว ได้เป็นช่างทำบ้านให้เขา ได้ขึ้นไปตัดไม้เชิงชายซึ่งเป็นคน สุดท้ายที่จะได้ตัดเพราะมีหลายคนที่ขึ้นไปอยู่บนหลังคา จำได้ว่าก่อนที่จะตัดไม้นั้นได้พันยาสูบด้วย กระดาษหนังสือพิมพ์ยาวประมาณคืบกว่าๆ หลังจากนั้นไม่ทราบว่าได้จุดไฟหรือไม่อย่างไร และก็ไม่รู้ ตอนที่ไปตัดไม้เชิงชายที่มันยาวกว่ากันให้เท่ากัน ไม่รู้ว่าตกตอนไหน ไม้เชิงชายหักตกจากหลังคาบ้าน เสาสูง 6 เมตร ตกลงพื้นดินเสียงดังมาก (เขาเล่าให้ฟัง) ตกตอนนั้นเวลา 08.00 น.โดยประมาณ ไปฟื้นที่ โรงพยาบาล 16.00 น. พอฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่มีความรู้สึกก็คือนึกเห็นเรื่องที่ตนเคยไปหากบ และเคยหักขากบ เคยเหวี่ยงกบให้ลอยขึ้นฟ้าและตกลงมาตาย แทนที่จะถามเรื่องเป็นอย่างไรทำไมถึงได้มานอนที่โรงพยาบาล กลับนึกเห็นกรรมที่เราได้ทำไว้เป็นอันดับแรก ตอนไปหากบนั้นเวลาได้กบมาก็จะหักขามัน พอเราหักขามัน มันก็จะเอาขาหน้าสองขามันเช็ดน้ำตามันไหลออกมา เราเห็นอย่างนั้นตอนหลังก็ไม่หักขามัน แต่ก็ต้องหากินอยู่ดี เพราะไม่หาก็ไม่มีกิน พอถึงบ้านก็บอกว่ากบไม่ได้หักขานะ ดูเอาเองนะ ตอนหากบนี้ก็จะหาแบบว่าใช้เบ็ดคันยาวๆ สายเอ็นก็ยาวใช้เหยื่อล่อให้กบมากินเยื่อพอมันกินเราก็กระตุกคันเบ็ด กบก็ติดเบ็ดขึ้นมาให้เราเอาใส่ตาข้อง ตอนหลังมานี้ไม่หักขามันอย่างว่ามาแล้ว พอหาได้มากแล้วจนไม่มีที่จะใส่จะกลับบ้านแล้ว ก็ทำเล่นด้วยความสนุก จะมองหาว่าหัวกบที่โผล่ขึ้นอยู่ในน้ำนั้น ตัวไหนใหญ่ก็จะโยนเหยื่อไปหามัน พอมันกินเบ็ดเราก็กระตุกเหวี่ยงอย่างแรงให้ขึ้นสูงที่สุดเท่าที่จะสูงได้ พอขึ้นสูงแล้วก็จะกระตุกให้เบ็ดหลุดออกจากกบ กบก็จะลอยขึ้นไปในอากาศ แล้วตกลงพื้นดินบ้างลงพื้นน้ำบ้าง ทุกรายที่ทำนั้นกบจะตายทุกราย ที่นำมาเล่าให้ฟังนี้ ทุกวันนี้เราได้รับผลของกรรมที่ทำมาแล้วนั้น กล่าวคือเราเป็นโรคกระเพาะอาหารมา 18-19 ปีแล้ว รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เพราะเป็นผลกรรมที่เคยทำเอาไว้ เคยทำเอาไว้อย่างไร ก็ตอนที่ไปหากบนั้น เมื่อได้กบมาตัวไหนใหญ่หน่อยก็จะเอาเบ็ดเกี่ยวเข้าไปที่ท้องของมัน แล้วเอาพุงมัน(กระเพาะมัน) ทำเป็นเหยื่อล่อตัวอื่นต่อไป เพราะจะทำให้ไม่ต้องหาเหยื่อบ่อยๆ ที่แรกจะเอาอะไรก็ได้ล้อมัน พอได้มาแล้วก็เอาพุงมันเป็นเหยื่อต่อไป ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 3-4 ปีเห็นจะได้ เพราะตอนโตอายุได้ 25 ปีก็แต่งงาน ในระว่างนี้แหละได้สร้างบาปไว้มาก ก็คือกับกบนี้แหละ ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารนี้ ก็คิดว่าคงเป็นเพราะเราทำไว้กับกบนั้นแน่เลย ไปหารักษามาแล้วทั่วไป ก็ไม่หายสักที ไม่เป็นมาก เป็นแต่เพียงทำให้เราทรมานจนทุกวันนี้ที่เขียนเรื่องนี้ก็เป็นอยู่ ที่ตกบ้านนั้นก็ทรมานอยู่เป็นเดือนเหมือนกัน เพราะซีกโครงหักไปสามซีก และในปีนั้นก็ตกที่สูงตั้ง 5 ครั้งด้วยกัน และทุกครั้งที่ตกจากที่สูงนั้นจิตมันจะนึกถึงเรื่องที่เราเคยทำกับกบทุกทีเลย ไม่ทราบว่าเพราะอะไรทำไมถึงเจาะจงจะต้องคิดถึงเรื่องนั้น ก็เลยนึกได้ว่า กรรมที่เราทำไว้นั้นเขาต้องการเอาคืน แม้ทุกวันนี้จะบวชมาแล้ว 25 พรรษาก็ตาม กรรมอันนั้นก็ตามอยู่ทุกวันนี้ เป็นโรคกระเพาะไม่หาย และก็เป็นโรคปวดหลังปวดเอวมาตลอดเลย จะต้องมีคนสงสัยว่า ก็แต่งงานแล้วทำไมต้องมาบวชทำไมไม่อยู่กับครอบครัว ใช่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะกรรมที่เราทำนั้นแหละ จะต้องแตกแยกกัน แต่ก็บอกกับภรรยาก่อนนะจึงตัดสินใจบวช บอกกันด้วยดี เขาก็อยู่ส่วนเขา เราก็อยู่ส่วนเรา ไม่เคยไปมาหาสู่กันเลยทุกวันนี้ เขาก็เข้าวัดทำบุญไปเที่ยวหาจำศีลปฏิบัติธรรมในที่ต่างๆ ตามข่าว ลูกสาวก็ทำงานเป็นลูกจ้างเขาอยู่ในกรุงเทพฯ เรื่องนี้ก็เหมือนกันแหละ เคยจำได้ตอนเป็นเด็กชอบเอาลูกนกมาเลี้ยง เห็นรังนกที่ไหนไม่ได้ ต้องขึ้นเอาลูกมัน พอมามีครอบครัวก็ต้องแตกแยกกันอย่างที่เราเคยทำไว้นั้นจริงๆ ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่สำหรับตัวเราเชื่อล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะเจอมากับตัวเอง เราเป็นคนแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ที่ชอบนึกถึงเรื่องเก่าๆ และเอามาเปรียบเทียบดู และดูคนอื่นที่เขาไม่ได้ทำกรรมเหมือนเรา หรือที่ทำกรรมเหมือนเรา ตอนบวชนี้แหละได้กลับบ้านเกิดที่จังหวัดสุรินทร์ ก็ได้ไปเจอกับ (ลุงทหารจีม) ท่านเคยเป็นทหารไปรบอินโดจีนมา ตอนที่เจอกันนั้นท่านนอนป่วยเป็นโรคที่หมอไม่มีปัญญารักษา ปากท่านเปื่อยหายขาดออกจากกันเป็นแผลหายไปเรื่อยเลย โดยไม่มีหนองไม่มีสะเก็ดอะไรเลย แต่จะหายไปเฉยๆ เป็นที่ริมปากด้านขวามือ ขาดหายออกไปเป็นรูกว้างจนมองเห็นข้างในหมดเลย นอนป่วยอยู่เป็นปีกว่าจึงมรณภาพ ได้มีโอกาสพูดคุยกะท่าน ถามท่านว่าตอนไปรบนั้นเคยจำได้ไหมว่าฆ่าคนไปเท่าไหร่ และที่จำได้มีบ้างไหม ท่านก็เล่าให้ฟังว่า การรบกันก็ต้องฆ่า ถ้าไม่ฆ่าเขา เขาก็จะฆ่าเราท่านว่า แต่จะฆ่าไปเท่าไหร่นั้นไม่รู้ ก็ถามว่าน่าจะมีสิ่งที่ทำให้ลุงเป็นอยู่นี้มีสาเหตุมาจากการรบแน่นอน ท่านก็บอกว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง รบกันยิงกันอยู่เป็นวันเป็นคืน ไม่มีฝ่ายไหนจะถอย พอไม่มีใครถอยใครก็เข้าประจันหน้ากัน พอเข้าประจันหน้ากันก็ลูกปืนก็ไม่มี เล่นเอาท้ายปืนตีกันเอา ท่านว่า พอตีกันไปกันมา มีคนหนึ่งเสียท่าล้มลง ท่านก็เอาปลายกระบอกปืนใส่เข้าไปในปากเขา เขาก็ยกมือไหว้ขอชีวิต แต่ท่านก็ได้ยิงเข้าปากเขาจนเขาตาย เพราะท่านก็มีลูกปืนอยู่นัดเดียวเท่านั้น ท่านบอกว่าที่จำได้แน่นอนเลยก็มีเท่านี้ นอกนั้นไม่รู้เพราะต่างคนต่างยิงกัน ก็เลยพูดกะท่านว่า กรรมอันนั้นแหละลุงที่ทำให้ลุงเป็นอย่างนี้ ท่านก็พูดว่า มันก็น่าจะจริง เพราะไม่เคยทำกรรมอย่างอื่น ฆ่าวัวควายหมูหมาท่านก็บอกว่าไม่เคย หลังจากพูดคุยกันแล้วก็พาท่านแผ่เมตตาให้เขาไป และเราก็กลับมาที่อยู่ประจำ ได้ยินข่าวว่าหลังจากนั้นไม่นานกี่วันท่านก็มรณภาพ เรื่องนี้ก็เหมือนกันเป็นเรื่องที่เราไปคุยกะตัวท่านเอง เพราะท่านเป็นเพื่อนเกลอกันกะคุณพ่อ พอมีโอกาสก็เลยถือโอกาสพูดคุยกัน เพราะเห็นศีรษะท่านเป็นหลุมลึกเข้าไป (ดูในภาพ) ก็ขอโอกาสท่านว่าจะเอาไปลงอินเทอร์เน็ตให้ชาวบ้านเขาได้รู้เรื่องด้วย ท่านก็ให้โอกาสและถามท่าน ตอนเป็นหนุ่มพอจำได้ไหมเคยทำอะไรเกี่ยวกับ หัว บ้าง ท่านก็บอกว่า ยิงนกที่ไรจะต้องให้โดนที่หัวอย่างเดียว ถ้าโดนที่อื่นจะต้องตามหาลำบาก ก็ต้องยิงแต่หัวมันอย่างเดียว ท่านว่าให้ฟัง ในปี 2535 ท่านได้ป่วยเป็นโรคประหลาดที่หมอไม่รู้จะรักษาอย่างไร ที่ศีรษะท่านที่ถ่ายรูปมาให้ดู เกิดเป็นแผลผุผองน้ำหนองไหลออกมา เป็นอยู่ปีกว่าๆ ไปรักษาที่ไหนก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาย จึงได้นอนรอความตายอยู่แต่ในบ้าน และที่เป็นนั้นก็ปวดในสมองตลอดเวลาทรมานเป็นอย่างมาก ท่านว่านึกถึงแต่สมัยที่เป็นหนุ่มเคยยิงนกที่หัวมัน และท่านก็แผ่เมตตาให้ทุกวันทุกคืนที่ไม่ได้ไปไหน โดยไม่ได้รักษาอะไรมากมาย กลับหายเป็นปกติแต่ศีรษะของท่านก็เป็นอย่างที่เห็น (ดูในภาพ) แถมสุดท้าย เรื่องตายแล้วได้เกิดอีกไหม? นี้ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกะคนที่ตายไปแล้ว และมาเกิดใหม่อีก ตอนนี้อายุได้ 41 ปีแล้วและมีลูก 2 คน แล้ว เอาชื่อเล่นของเธอก็แล้วกัน (ชื่อจริงเธอปราณี) น้อย อยู่ที่บ้านคอนสวรรค์ หมู่ที่ 5 ตำบลไผ่ อำเภอรัตน์บุรี จังหวัดสุรินทร์ เป็นชื่อบ้านในชาติที่แล้วของเธอนะ ปัจจุบันอยู่ที่ 72 หมู่ที่ 3 บ้านช่อง ตำบลไผ่ อำเภอรัตน์บุรี จังหวัดสุรินทร์ ในชาติก่อนเธอมีพี่น้องร่วมท้องด้วยกัน 8 คน เธอเป็นคนโต อายุได้ 8 ปี เมื่อปี พ.ศ 2510 เด็กหญิงสำเนียง (หรือน้อยในปัจจุบัน) ได้ถึงแก่ความตายด้วยการกินลูกตาลมากและปวดท้องจนตาย แต่ร่างกายไม่แข็งเหมือนคนตายทั่วไป ก่อนจะเอาไปป่าช้าก็เถียงกันอยู่ว่าเด็กมันยังไม่ตาย แต่ผลสุดท้ายก็เอาไปฝังที่ป่าช้า ตอนขากลับ เด็กหญิงสำเนียงที่ตายแล้วนั้นแปลงตัวเป็นนกเค้าแมว บินมาจับที่ไหล่ของพ่อเธอ พ่อเธอก็เอาไปปล่อยที่วัด เพราะเธอบอกว่าไม่สามารถจะเข้าร่างได้ เพราะร่างกายโดนฝังอยู่ในดินแล้ว บางที่เธอก็แปลงตัวเป็นหนูวิ่งเข้าไปในผ้าถุงของแม่ แต่ก็เข้าท้องแม่ไม่ได้ เพราะว่าแม่มีท้องอยู่แล้ว เมื่อเข้าไม่ได้ก็ได้ไปอยู่กับเพื่อนผีที่มีอยู่ข้างลำห้วยข้างหมู่บ้าน เธอบอกว่าอยู่กะเขานานพอดู เวลามีคนตายในหมู่บ้าน ก็จะชวนกันเข้าไปกินข้าว การกินข้าวก็แย่งกันกินมือไม้ก็ไม่ได้ล้าง เธอบอก แต่เธอไม่กล้ากินกะเขา เพราะมันน่าขยะแขยงมาก อยู่ไปอยู่มาเธอก็มานั่งเล่นอยู่ข้างบ่อน้ำ พอดีมีสามีภรรยาที่อยู่บ้านช่อง ไปหาข้าวที่บ้านคอนสวรรค์ มากินน้ำที่บ่อน้ำนั้น เธอได้โอกาสก็ขึ้นไปนั่งอยู่ที่บ่าของแม่คนปัจจุบันนี้ พอมาถึงบ้านแม่คนปัจจุบันนี้ก็กินน้ำ เธอได้โอกาสก็เข้าไปกับน้ำที่แม่กินนั้น จากปี 2510 ถึง ปี 2511 วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นางเทื่อม สีทา ก็ได้ให้กำเนิดเด็กหญิงปราณี (น้อย) เสียทีไม่ได้วันที่ ที่เธอตาย ได้แต่วันเกิด ทุกวันนี้เธอไปงานศพที่ไหนก็ตาม เธอจะไม่ยอมกินข้าวในบ้านนั้น เพราะเธอนึกเห็นสภาพตอนที่เธออยู่กับผีนั้น ไปช่วยงานเขาแล้วก็กลับมากินข้าวที่บ้านตัวเอง มีรายละเอียดมากอยู่แต่เอามาบอกพอเป็นแนวทางเท่านั้น เมื่อท่านอ่านจบแล้ว ถ้าหากว่าสิ่งไหนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ ก็นำเอาไปพิจารณาดู สิ่งไหนที่ผิดพลาดข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ถ้าหากเรื่องนี้พอจะเป็นประโยชน์เป็นบุญกุศลอยู่บ้าง ขอยกบุญกุศลนี้ให้แก่ นางปราณี (น้อย) และครอบครัว จงมีแต่ความสุขความเจริญ ขออุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่ คุณพ่อและคุณแม่ที่ได้จากเราไปแล้วตั้งนาน จงไปสู่สุคติตามที่ท่านสร้างไว้เทอญฯ หมายเหตุ ที่เรียกคุณพ่อและคุณแม่ทุกคำพูดนั้น เพื่อเป็นแบบอย่างคนทุกวันนี้ไม่ชอบเรียกคุณพ่อคุณแม่ และไม่ค่อยมีคำว่า ท่าน จะได้ยินมาก คือ ,เขา, แก ,พ่อแกก็อย่างนั้น, แม่แกก็อย่างนั้น, เราไม่อยากพูดถึงแก, ทำไมไม่ว่าคุณพ่อท่านก็อย่างนั้นแหละ , คุณแม่ท่านก็อย่างนั้นแหละ , ดูแล้วรู้สึกว่าคนทุกวันนี้จะอายในการพูดดีกะคุณพ่อคุณแม่ แต่กับคนอื่น คุณอย่างนั้น ท่านอย่างนี้ ,แหมคุณท่านก็ , แหมท่านก็, พอกับคุณพ่อคุณแม่ที่มีพระคุณแก่เรามากมายหาที่เปรียบไม่ได้กลับตรงกันข้าม กลับอายที่จะพูดดีอ่อนหวาน แต่กับคนอื่นแล้วอ่อนหวานมาก ยิ่งกะแฟนที่โตมาแล้วจึงเจอกันนี้ยิ่งกลัวผิดใจกันนัก และก็เชื่อใจหลงใหลจนโดนหลอกมามากต่อมาก ไม่รู้นะว่าจะมีสักกี่คนที่เป็นวัยรุ่นได้มาอ่านข้อความนี้บ้าง คงจะเข้าแต่เว็บที่ไม่ได้เรื่องนั้นแหละมากกว่า ส่วนที่มีประโยชน์สาระอย่างนี้คงไม่มีโอกาสได้เห็น แน่นอน ขอให้ทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญในหน้าที่การงานจงทุกท่านเทอญฯ เจริญพร ป.ล ที่ต้องเว้นลงมาอย่างนี้เพราะเคยโดนต่อว่า (แก้ไข: ตรวจคำผิด:)ตรวจแก้แล้วนะ ถ้าหากยังผิดอยู่ต้องขออภัยด้วย เพราะตาแก่แล้วฮิฮิฮิ
|
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 18 มิ.ย. 2009, 17:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
สาํธุ สาธุ สาธุค่ะ...ท่านtanaphomcinta กฎแห่งกรรม ยุติธรรมยิ่งนัก ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 20 มิ.ย. 2009, 00:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
อ่านแล้ว ตาลาย นิดหน่อยครับ ![]() อนุโมทนาสาธุครับ ท่าน tanaphomcinta ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชิโนะซึเกะ [ 20 มิ.ย. 2009, 19:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ |
เจ้าของ: | tanaphomcinta [ 20 มิ.ย. 2009, 20:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
อ่านแล้ว ตาลาย นิดหน่อยครับ อนุโมทนาสาธุครับ ท่าน tanaphomcinta แหม ท่านก็ จะเอาอะรัยกะคน จ.ป.4 หน้อเล่าได้ส่ำนี้ก็แดวลี้ฮิฮิฮิ |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 20 มิ.ย. 2009, 20:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
![]() ![]() ![]() อนุโมทนาสาธุด้วยครับ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ [ 21 มิ.ย. 2009, 19:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
สาธุ |
เจ้าของ: | Bwitch [ 26 ก.ค. 2009, 11:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
![]() อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ |
เจ้าของ: | bonanza [ 26 ก.ค. 2009, 11:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
![]() |
เจ้าของ: | momiji [ 26 ก.ค. 2009, 13:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
![]() |
เจ้าของ: | vini [ 26 ก.ค. 2009, 14:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
ขออนุโมทนาครับ |
เจ้าของ: | น้องจ๋า [ 29 ก.ค. 2009, 16:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
![]() |
เจ้าของ: | เจ้าหญิงแห่งกาลเวลา [ 06 ส.ค. 2009, 22:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ผลกรรมในชาตินี้ |
กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ และไม่เคยปรานีใคร |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |