วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 04:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวว่า "เจ้ากรรมนายเวรหมายถึง บาปที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ ในอดีตชาติก็ดี ในชาติปัจจุบันก็ดี"

และว่า

"คนเรามีเจ้ากรรม นายเวรต่างกันมาก เจ้ากรรมนายเวรบางท่านก็ ไม่อาฆาตอะไร ขอแค่ทำบุญให้ แถมยังคอยคุ้มครองปกป้อง ลูกหนี้กรรมของตัวเองด้วย"

ตัวอย่างจากเรื่องทำแท้ง โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
http://tarot.is.in.th/?md=content&ma=show&id=332


พระยายมท่านถามหญิงคนนั้นว่า แม่หนู เธอทำแท้งหรือ

เธอรับว่า ใช่เจ้าค่ะ

ท่านถามว่า เมื่อทำแล้ว หลังจากนั้นทำบุญอะไรบ้าง

เธอบอกว่า ที่จำได้ดีเพราะทำเป็นประจำก็คือ บูชาพระ ว่านะโม 3 จบ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง และสวดอิติปิโส ภควา แล้วกรวดน้ำอุทิศให้ลูกที่ทำแท้ง ขออย่าจองเวรจองกรรมเลย เมื่อถึงปีก็เป็นเจ้าภาพบวชพระทุกปี อุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง

เธอพูดได้ชัดเจนชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหมือนรายอื่นๆ ที่พูดไม่ค่อยเต็มเสียง และมีมากรายไม่พูดเลย 1. พระยายมท่านบอกว่า บุญเธอมีมาก และเด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ เธอไปรับผลความดีก่อน คือไปสวรรค์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


เด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ

ก็คือ เจ้าทุกข์(ผู้ถูกละเมิด)ไม่เอาความ จึงไม่ต้องรับวิบากกรรมในปรโลก และเขาก็รับวิบากกรรมไปแล้วบนโลกตามกฎแห่งกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


คราวนี้ผมขอวิเคราะห์คำตัดสินของพระยายมเลยนะครับ

1. พระยายมท่านบอกว่า บุญเธอมีมาก และเด็กก็ไม่ได้จองเวรเธอ เธอไปรับผลความดีก่อน คือไปสวรรค์ และ 3. เทวทูตบอกว่าไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

....ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ย่อมต้องมีการทำผิดหรือบาปมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ผู้หญิงคนนี้ได้ทำการก้าวล่วงบาปกรรม หรือ การสำนึกบาปแล้ว วิบากกรรมในปรโลกของเธอจึงกลายเป็นเศษกรรมไป ส่วนผลบุญที่เธอทำมันใหญ่พอสมควร เธอจึงต้องไปรับผลบุญนั้น จะเห็นได้จากข้อ 2.ในกระทู้ทำแท้ง

2. แต่เมื่อฟังผู้ใหญ่พูดกันว่าคนทำแท้งนั้นบาปมาก เพราะฆ่าเด็กในครรภ์ จึงตั้งใจบูชาพระทุกวัน สวดมนต์ เมื่อจบแล้วก็นั่งหลับตานึกถึงลูกที่ตาย ขอให้มารับส่วนบุญและไม่จองเวร อ้อนวอนขอให้พระพุทธเจ้าช่วย ทำอย่างนี้เป็นปกติทุกวัน เมื่อถึงฤดูกาลบวชพระ ก็เป็นเจ้าภาพบวชพระให้ปีละองค์ทุกปี อุทิศให้ลูก

การที่เขาทำการล่วงบาปกรรม (สำนึกบาป) และยังทำบุญอุทิศให้วิญญาณเด็กประจำ เด็กซึ่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรเขาก็มิได้เอาเรื่องแล้ว ถ้าหญิงนั้นจะได้รับเศษกรรมก็คือ ชาติหน้าหลังจากออกจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว เขาอาจจะไปเกิดเป็นคน แต่แม่ของเขาอาจจะตาย ทำให้เขาเป็นเด็กกำพร้าแม่ (รับเศษกรรม) แต่ก็จะสุขสบาย ไม่มีผลอะไรมากกับชีวิต เพราะเธอทำบุญมามากนั่นเอง[/quote]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
ฯลฯ................................................................................................
เจ้ากรรมนายเวรบางส่วนก็ไปเกิดในสังสารวัฏฏ์ เวียนว่ายตายเกิดไปแล้ว แต่ กรรมที่เราก่อไว้กับเขาไม่ได้สลายไป มันบันทึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา เรียงคิว รอให้เรารับผลกรรม

ที่สำคัญ ตอนนี้เราพูดถึง เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณสิงอยู่ในร่างของเรา เพื่อบังคับจิตเรา ให้กระทำอะไรบางอย่างเพื่อรับผลกรรมที่เคยทำกับไว้กับพวกเขา

:b8:
ช่วยอธิบายเพิ่มเติมตรงที่ว่า
เจ้ากรรมนายเวรที่เป็น วิญญาณสิง อยู่ในร่างของเรา อีกนิดได้ไม๊คะ
สาธุค่ะ

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพลศักดิ์ ก็วิเคราะห้ได้ดีเหมือนกัน วิเคราะห์เป็นนี่ แต่ทำไม ชอบไปรับเอาแนวคิดแปลกๆที่แตก
ต่าง แหวกแนวมาโพสท์อยู่เรื่อยๆละครับ แล้วอีกอย่างก้ไม่รู้มันเป็นจริงแค่ไหน หรือว่าเป็นเพียง
ความเชื่อทางปรัชญาด้านใด ด้านหนึ่งครับ

1 ใน หัวข้อคำว่า อริยทรัพย์ คือ เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ แต่ถ้าคุณพลศักดิ์บอกว่านี่คือ สิ่งที่ควร
เชื่อ งั้นก็ตามใจครับ :b40:

แต่อีกข้อหนึ่งในอริยทรัพย์ บอกว่า มีปัญญา รอบรู้ทั้งในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้น หากมีข้อนี้ในใจ K พลศักดิ์ ก้จะเข้าใจอะไรๆในจิตในใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ครับ จะไม่มัว
มาหลงเถียงกับผู้รู้ในนี้ จนตัวเองเสียเวลาแล้วเสียเวลาเล่าอีก :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


แมวขาวมณี เขียน:
suwichai เขียน:
ฯลฯ................................................................................................
เจ้ากรรมนายเวรบางส่วนก็ไปเกิดในสังสารวัฏฏ์ เวียนว่ายตายเกิดไปแล้ว แต่ กรรมที่เราก่อไว้กับเขาไม่ได้สลายไป มันบันทึกอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา เรียงคิว รอให้เรารับผลกรรม

ที่สำคัญ ตอนนี้เราพูดถึง เจ้ากรรมนายเวรที่เป็นวิญญาณสิงอยู่ในร่างของเรา เพื่อบังคับจิตเรา ให้กระทำอะไรบางอย่างเพื่อรับผลกรรมที่เคยทำกับไว้กับพวกเขา

:b8:
ช่วยอธิบายเพิ่มเติมตรงที่ว่า
เจ้ากรรมนายเวรที่เป็น วิญญาณสิง อยู่ในร่างของเรา อีกนิดได้ไม๊คะ
สาธุค่ะ



แล้วตัวคุณเป็นใครล่ะครับ ตัวคุณก็คือ วิญญาณธาตุ ที่เข้ามาสิงในธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ
แล้วเจ้ากรรมนายเวรเป็นใครล่ะครับ เจ้ากรรมนายเวรก็คือ วิญญาณธาตุดวงอื่น ที่เข้ามาสิงในธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ

พอคุณไปทำกรรมของเขา เมื่อเขาตายลง ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ของเขาก็สลายลง พร้อมกับวิญญาณขันธ์ ที่วิญญาณธาตุเขาสร้างขึ้น แต่ตัววิญญาณธาตุไม่เคยตาย เขาจดบันทึกความเจ็บใจ ความแค้น ฯลฯ ที่คุณทำกับเขาไว้

พอวิญญาณธาตุของคุณมาเกิดใหม่ แต่วิญญาณธาตุของเขาไม่ได้มาเกิดด้วย วิญญาณธาตุบางดวงเมื่อถึงเวลาจะชำระความแค้นของเขา เขาก็สิงอยู่ในร่างของคุณเลย และชักนำให้คุณไปเจอวิบากกรรมแบบที่คุณทำกับเขา กฎแห่งกรรมทำงานอย่างนี้ ถ้าเขากลายเป็นโรคมะเม็ง เขาก็จะเป็นมะเร็งสิงในร่างของคุณ เมื่อถึงเวลาที่เขาจะล้างแค้น

แต่ถ้าบรรดาเจ้ากรรมนายเวรไปเกิดแล้วล่ะ เขาก็ฝากให้ผู้มีอำนาจในปรโลกจัดการ เพราะทุกอย่างที่คุณกระทำบันทึกอยู่ในจิตใต้สำนึก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 15:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
คุณพลศักดิ์ ก็วิเคราะห้ได้ดีเหมือนกัน วิเคราะห์เป็นนี่ แต่ทำไม ชอบไปรับเอาแนวคิดแปลกๆที่แตก
ต่าง แหวกแนวมาโพสท์อยู่เรื่อยๆละครับ แล้วอีกอย่างก้ไม่รู้มันเป็นจริงแค่ไหน หรือว่าเป็นเพียง
ความเชื่อทางปรัชญาด้านใด ด้านหนึ่งครับ



ชื่อดั้งเดิมของผมคือ ใบไม้นอกกำมือ(ของพระพุทธเจ้า)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพลศักดิ์มาถลาเล่นลมอยู่นี่เอง :b1:
มีคำถาม
ถามว่า "แยกกายแยกจิต" หมายถึงอะไร เขาแยกกายแยกจิตกันยังไง เห็นที่บอร์ดหนึ่ง
พูดถึงบ่อยๆ
คุณช่วยอธิบายให้แจ่มแจ้งทีเถอะ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณพลศักดิ์มาถลาเล่นลมอยู่นี่เอง :b1:
มีคำถาม
ถามว่า "แยกกายแยกจิต" หมายถึงอะไร เขาแยกกายแยกจิตกันยังไง เห็นที่บอร์ดหนึ่ง
พูดถึงบ่อยๆ
คุณช่วยอธิบายให้แจ่มแจ้งทีเถอะ :b8:


ผมยังไม่ค่อยแน่ใจคำถามของคุณ ผมขออธิบายอย่างนี้นะครับ

เราทุกคนมี กายทิพย์(อทิสมานกาย) หรือกายภายใน กายภายในตัวนี้ ก็คือกายฝันนั่นเอง นักอภิธรรมเรียกมันว่า นามธรรม แต่จริงๆ นามตัวนี้มีรูปด้วย จึงเป็นนามกาย จะเรียกว่า นามที่มีรูป รูปในนามก็ได้ เราเรียกว่า กายทิพย์(อทิสมานกาย) กายทิพย์(อทิสมานกาย)จะออกจากร่างเมื่อเราตายหรือนอนหลับแต่ไม่หลับสนิท อยู่ในภวังค์

เวลาเรานั่งสมาธิจนสงบนิ่งเข้าสู่ฌาน 4 แต่ยังมีสติอยู่ เราสามารถถอดกายทิพย์ หรือ กายฝัน ของเราได้

จิตวิญาณ หรือวิญญาณธาตุ หรือเจตภูต ผมคิดว่าก็คือ อทิสมานกาย นั่นเอง

วิธีแยกจิตวิญาณ หรือ เจตภูต หรือ อทิสมานกาย ออกจากขันธ์ 5 (รูปขันธ์ เวทนา สังขารขันธ์ สัญญาขันธ์ และวิญญาณขันธ์) ตอนที่คุณกึ่งหลับกึ่งตื่นในภวังค์หรือในฌาน คุณยังมีสติอยู่ เช่น มีวิญญาณในนรกเต็มไปหมด ทำมือและแขนเล็กๆ ยื่นมือพุ่งทะลุมิติมาที่ท้องของขันธ์ 5 ของผม ผมแค่คิดว่า ผมต้องออกไปนับมันดูว่า ผีนรกที่มาขอบคุณผมมันมีก็ดวงกันแน่

เท่านั้นเอง ก็เกิดผมอีกคนหนึ่ง เป็นตัวเล็กๆ เดินอยู่บนท้องของผม ไปนับมือต่างๆเหล่านั้น

วันหลังคุยกันต่อนะครับ ตอนนี้พอแค่นี้ก่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

เรียนกัลยาณมิตรและธรรมบัณฑิตทุกท่าน

คห.ต่อไปขอให้อยู่ในประเด็น และ ในหมวดนี้ด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

แมวขาวมณี

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร