ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
บุญไม่ช่วย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=24111 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 21 ก.ค. 2009, 11:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | บุญไม่ช่วย |
บุญไม่ช่วย ![]() คุณเคยคิดหรือไม่ว่า เมื่อคุณมีความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บ อกหัก รักคุด ถูกโกง ลัมเหลวทางธุรกิจ ถูกไล่ออก ตกงาน ฯลฯ ทำไมเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเราทั้งๆที่ชาตินี้เราก็ไม่เคยทำความชั่วใดๆ บุญที่เราเคยทำเหมือนไม่ส่งผลดีให้เราบ้างเลย หากท่านคิดเช่นนั้นเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างก็ได้ ในประเทศจีนสมัยโบราญ มีชายคนหนึ่งมีจิตใจดีงาม ชอบทำบุญทำกุศล เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อสมัยหนุ่มๆเคยร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีแต่ด้วยความศรัทธาในการทำบุญทำทาน ถ้าทราบว่า มีงานบุญ งานกุศลใดที่เป็นงานที่ดีมีประโยชน์แก่ชุมชนและพระศาสนา เมื่อเขาได้รู้เข้าด้วยใจที่เมตตาต่อทุกสรรพชีวิตเสมอกัน ก็มักจะมีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงมักเข้าร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญนั้นๆ เสมอ ทำโดยไม่หวังแก่หน้าแก่ตาของตนเองหรือประโยชน์อื่นใดแอบแฝง แถมทำบุญทีละมากๆ ทำอย่างเต็มที่ ทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ ไม่ช้าเงินทองทรัพย์สินที่หาไว้มากมาย ก็มีอันร่อยหลอลงไป มิหนำซ้ำสุดท้ายก็ยังนำทรัพย์สินออกขายเพื่อไปทำบุญอีก ไม่ช้าไม่นานเขาก็ยากจนลงจนไม่มีบ้านอยู่ แถมยังมีหนี้สินติดตัวมากมาย สุดท้ายจึงจำเป็นต้องนำภรรยาสุดที่รักไปใช้หนี้ โดยขายให้เป็นคนรับใช้ของเศรษฐีท่านหนึ่ง ก่อนจากกันด้วยความรักที่ภรรยามีต่อสามี นางจึงได้บอกแก่สามีว่า “อย่าเสียใจไปเลย ท่านพี่ น้องเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนของท่านพี่ ไม่ว่าอย่างไร ท่านพี่ ก็มีความรักเมตตาและดีต่อน้องเสมอมา น้องไม่เคยนึกเสียใจเลย การจากกันครั้งนี้เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ น้องเข้าใจ แต่น้องอยากจะเตือนพี่ว่า เงินที่เหลือจากการใช้หนี้สินครั้งนี้ น้องอยากให้พี่เก็บไว้ใช้ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น อย่านำไปทำบุญอีก เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งมีจำนวนเงินเหลืออยู่ไม่มาก ถ้าเงินหมดก็จะทำให้พี่ลำบากถึงที่สุด เพราะทรัพย์สินของท่านพี่ไม่มีเหลือแล้ว ญาตพี่น้องที่จะช่วยเหลือก็ไม่เห็นมี เชื่อน้องนะท่านพี่ น้องเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ” นางกล่าวทั้งน้ำตา ก้มหน้าแล้วเดินตามคนของเศรษฐีไป ชายคนนั้นยืนร้องไห้ ดูภรรยาเดินจากไปเป็นคนรับใช้ของเศรษฐีด้วยความเศร้าใจ แต่แล้วไม่นานชายคนนั้นก็นำเงินที่มีอยู่ไม่มากไปทำบุญอีก ตอนนี้จึงกลายสภาพเป็นขอทานหากินเร่ร่อนไปตามตลาด แหล่งชุมชน บ้านเรือน เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป และผู้รู้ถึงที่มาที่ไปของชายคนนั้น ต่างก็ร่ำลือกันไปว่าทำดีแล้วไม่เห็นจะมีความดีมาสนอง ซ้ำต้องกลับกลายเป็นยาจกเข็ญใจเสื้อผ้าขาดเก่ามอซอ ต้องอดมื้อกินมื้อเยี่ยงนี้ ต่อแต่นี้ไปคงไม่มีคนคิดทำความดีกันอีกแล้ว เรื่องนี้ร้อนไปถึงสวรรค์เบื้องบน บรรดาเทวดาที่ได้ยินคำร่ำลือ และ ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายคนนั้นก็มาร่วมประชุมกันหาทางที่จะช่วยเหลือ “ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายคนนี้ในอดีตชาติได้ทำกรรมหนักมากเอาไว้ สุด ที่จะแก้ไขได้ในชาตินี้และจะต้องทนทุกข์เวทนาแบบนี้ต่อไปทั้งหมดสามชาติ คือ ชาตินี้จะต้องอดตาย ชาติต่อมาจะถูกฟ้าผ่าตาย ชาติสุดท้ายก็จะถูกเสือกัดตาย น่าเวทนาจริงๆ” เหล่าเทวดาจึงลงมติกันว่า จะช่วยให้ชายผู้นี้ใช้กรรมให้หมดกันในชาตินี้เพียง ชาติเดียว เนื่องจากช่วงนั้นเกิดความแห้งแล้ง มิหนำซ้ำยังมีฝูงแมลงลงกัดกินพืชไร่ให้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงเกิดภาวะขาดแคลนอาหารอำเภอและหมู่บ้านใกล้เคียง ชาวบ้านต่างกระเสือกกระสนเอาตัวรอดไปวันๆ ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถขออาหารมากินได้อยู่หลายวัน ร่างกายซูบผอม จนแทบไร้เรี่ยวต้องนอนหมดแรงในที่พัก เขาตัดสินยังไงวันนี้ก็ต้องหาอาหารให้ได้ จึงรวมแรงทั้งหมดตัดสินใจเดินโซซัดโซเซ ออกจากที่พักเพื่อเดินไปสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหารกินประทังชีวิต ทันใดก็เกิดพายุเมฆฝนหอบเอาทั้งฟ้าทั้งฝนมาแบบไม่ตั้งตัว แล้วก็เกิดฟ้าร้องดังสนั่น พร้อมทั้งเกิดฟ้าผ่ามาถูกชายคนนั้นพอดี ร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ดำไหม้จากแรงฟ้าผ่า เขานอนสลบแน่นิ่งไปไม่ไหวติง เผอิญมีเสือตัวใหญ่ออกมาจากป่าข้างทางได้กลิ่นเนื้ออันหอมหวานและเห็นเหยื่อนอนนิ่งไร้ทางสู้ คิดแล้วจึงเห็นเป็นโอกาศดี จึงได้ตรงเข้าตะครุบและกัดลำคอจนชายผู้นั้นหมดลมหายใจ มันกัดกินร่างไร้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน จนร่างกระจุยกระจายดุจเป็นซากสัตว์เป็นภาพที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก ภรรยาของชายคนนั้นเมื่อได้มาอยู่บ้านเศรษฐีก็ทำหน้าที่แม่บ้าน มิได้มีลำบากอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังสุขสบายกว่าตอนที่ต้องเป็นหนี้สินอยู่กับชายคนนั้นเสียอีก แต่เมื่อครั้นได้ข่าวว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ก็มีความสงสาร จึงขออนุญาตเศรษฐีเพื่อเดินทางมาจัดงานศพให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย ในงานศพวันสุดท้าย ด้วยความเสียใจและสงสารสามี ก่อนจะนำศพลงฝังในหลุม นางได้เอ่ยขึ้นว่า “เวรกรรมอะไรกันหนอทำให้ท่านพี่ต้องเผชิญเคราะห์กรรมถึงเพียงนี้ บุญที่ท่านทำไว้ ไม่ได้ช่วยท่านพี่เลย ๆ” พูดพลางน้ำตานางก็ไหลเป็นทาง สะอึกสะอื้นด้วยความเวทนาอย่างสุดจะหักห้ามใจได้ นางตัดสินใจกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนที่หน้าผากสามีไว้ว่า “บุญ ไม่ ช่วย” แล้วจึงทำการฝังศพ และ นางได้อยู่จนจัดงานพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจึงกลับไปหาท่านเศรษฐีดังเดิม ต่อมาไม่นานฮ่องเต้ของแผ่นดินจีนท่านทรงดีพระทัยมาก ที่พระมเหสีได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก อันเป็นความหวังว่าจะได้สืบทอดราชบรรลังค์ของกษัตริย์สืบต่อไป แต่ไม่นานก็ทรงกังวลพระทัยเพราะทารกน้อยที่เกิดมา ทรงร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำบนหน้าผากก็มีอักษรเขียนไว้ด้วยว่า “บุญ ไม่ ช่วย” ไว้ด้วย ฮ่องเต้ได้ทรงปรึกษาโหรหลวง ๆ ก็ได้แนะนำให้ป่าวประกาศว่าผู้สามารถทำให้พระราชโอรสหยุดร้องไห้ได้ จะมอบรางวัลให้แล้วแต่จะขอ และ ยังได้บรรยายไว้ว่าบนหน้าผากทารกมีลักษณะพิเศษคือมีคำสามคำ คือ บุญ ไม่ ช่วย อยู่ด้วย ไม่นานข่าวก็มาถึงภรรยาของชายคนนั้น นางจึงได้เข้าเฝ้าและขอดูทารกเพื่อให้แน่ใจ เมื่อนางได้ดูตัวอักษรที่อยู่บนหน้าผากเป็นลายมือของตน จึงแน่ใจว่าชายผู้เป็นสามีได้มาเกิดเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์แล้ว จากการทำความดีชนิดหาคนเทียบไม่ได้เลย นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้ารู้แล้ว ๆบัดนี้บุญที่ท่านพี่ทำไว้ได้ส่งผลดีให้แล้ว เงียบเสียทีเถิด” ว่าพลางนางใช้มือลูบไปที่หน้าผาก พลันตัวอักษรก็หายไปในทันที ทารกก็หยุดร้องไห้ทันที เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ยืนดูอยู่ยิ่งนัก ฮ่องเต้มีสีหน้าพอพระทัยยิ่งนัก จึงเอ่ยถามว่า “เจ้าทำได้ดีมาก ท่านต้องการอะไร ข้าจะประทานให้ทุกอย่าง” “ข้าไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินสิ่งใด เพียงขอให้ได้ดูแลปรนนิบัติและคอยรับใช้ เจ้าชายน้อย ข้าก็พอใจมากแล้ว” นางตอบ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอแต่งตั้งเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของพระโอรสของข้า เจ้ามีอิสระสามารถจะเข้าออกส่วนต่างๆในวังได้ตลอดโดยไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด” ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของชายคนนั้นก็อยู่อย่างมีความสุข จากการเป็นอยู่ที่สุขสบายและได้ดูแลพระราชโอรสจนเติบใหญ่ขึ้นมา เมื่อกรรมชั่วที่ทำไว้ได้หมดสิ้นไปแล้ว ทุกคนล้วนต่างได้รับความสุขจากผลกรรมดีทีสร้างไว้ อันเป็นกรรมที่รอแต่เพียงเวลาที่จะให้ผลเท่านั้นเอง การทำกรรมชั่วซ้ำเติมตัวเอง หรือการคิดสั้นหนีปัญหา ในขณะที่มีความทุกข์หนักโดยคิดว่า "บุญไม่ช่วย"นั้นเป็นการทำร้ายตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะเรากำลังทำกรรมใหม่ที่จะให้ผลเสริมกรรมเก่าเหมือนสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่อย่างนั้น แทนที่ไฟกำลังใกล้มอดลงเพราะหมดเชื้อแห่งกรรมเก่า กลับลุกโชนขึ้นกว่าเดิมและส่งผลลุกไหม้ต่อเนื่องไปกันใหญ่ เพราะกรรมชั่วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการทำความดีก็ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและความเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะได้รับเคราะห์กรรมหนักหนาสักเพียงใด ขอให้ใช้ความอดทน อดกลั้น ใช้สติปัญญาแก้ไขไปตามความเหมาะสม ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน จงมีความหวังไว้เสมอ มีปกติของมนุษย์คือถือศีลห้าเป็นอย่างน้อย เร่งทำในสิ่งที่ถูกที่ควร และอย่าท้อแท้ในการทำความดีนะครับ ผลกรรมดีอาจรอตอบสนองท่านอีกไม่นานก็ได้ ที่มา อิกคิว เรียบเรียงจากเรื่องเล่าในหนังสือ กฎแห่งกรรม ของ คุณ ท.เลียงพิบุลย์ |
เจ้าของ: | เจ้านาง [ 21 ก.ค. 2009, 11:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 21 ก.ค. 2009, 12:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
อ่านเรื่องนี้ แล้วนึกถึงคำพูดหลวงพ่อเลยนะ กรรมเก่าต้องชดใช้ กรรมใหม่รอส่งผล ช่วงที่กรรมเก่าให้ผล ยังไม่หมดรอบกรรมของมัน เราก็พยายามทำบุญทำกุศลมาก แต่ไม่เหนผลสักที เลยท้อไม่ทำบุญ คิดว่าทำบุญไปแล้วเหมือนเดิมหรือยิ่งทำยิ่งแย่กว่า เดิมก้เพราะกรรมไม่ดีกำลังส่งผลอยู่ แต่เมื่อกรรมไม่ดีหมดวาระของมันแล้ว เท่านั้นแหละ กรรมดีที่ทำในชาตินี้จะส่งผลทันที อย่าไปท้อถอยในการทำบุญจะดีที่สุด ยิ่งตัวเองทุกข์ยิ่งต้อง ทำ ทำให้กับตัวเองก่อนก็ยังได้เลย ก้คือทำจิตให้ว่าง ปล่อยวางปลิโพธิกังวลให้หมดและแนะ นำสิ่งดีให้ตัวเอง และบอกคนอื่นต่อยังงี้ก็เป็นบุญแบบไม่เสียเงินนะ.......... ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 22 ก.ค. 2009, 11:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
ขอบคุณ คุณเจ้านาง คุณลูกโป่งที่เข้ามาอ่าน ![]() ขอบคุณ คุณ อินทรีย์ 5 ที่ช่วยขยายความเข้าใจให้กว้างขวางขึ้น ![]() เจริญธรรมทุกๆท่านนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | อมิตาพุทธ [ 22 ก.ค. 2009, 12:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
อนุโมทนา สาธุ ![]() |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 23 ก.ค. 2009, 17:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
เจริญธรรมเช่นกันนะครับ ![]() |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 23 ก.ค. 2009, 17:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
การทำกรรมชั่วซ้ำเติมตัวเองในขณะที่มีความทุกข์โดยคิดว่า "บุญไม่ช่วย"นั้น เป็นการทำร้ายตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะเรากำลังทำกรรมใหม่ที่จะให้ผลเสริมกรรมเก่า เหมือนสาดน้ำมันเข้าไปในกองไฟที่กำลังไหม้อยู่อย่างนั้น แทนที่ไฟกำลังใกล้มอดลงเพราะหมดเชื้อแห่งกรรมเก่า กลับลุกโชนขึ้นใหม่ เพราะกรรมชั่วในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการทำความดีควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัญญาและความเหมาะสมด้วย จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะได้ รับเคราะห์กรรมหนักหนาสักเพียงใด ขอให้ใช้ความอดทน ใช้สติปัญญาแก้ไขไปตามความเหมาะสม ความทุกข์เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะหาได้ ถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน จงมีความหวังไว้เสมอ มีศีลห้าเป็นอย่างน้อย เร่งทำในสิ่งที่ถูกที่ควร และอย่าท้อแท้ในการทำความดีนะครับ ผลกรรมดีอาจรอท่านอีกไม่นานก็ได้ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ ธรรมใดๆก็ไร้ค่า...ถ้าไม่ทำ ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | ภัทร์ไพบูลย์ [ 23 ก.ค. 2009, 18:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
ความรักคือความดีของมนุษย์โลกนั้นเราควรจะมองแบบธรรมคือรู้จักรักและรักต้องมีสติกำกับด้วยเพื่อจะได้ไม่หลงไปกับโลกของสมมุติครับความรักคือการมอบสิ่งดีๆที่ให้กันและกันทุกอย่างกับความรักคือรู้จักให้อภัยซึ่งกันและกันทุกอย่างก็ดูสวยงามครับ ธรรมชาติคือรู้จักรักและรักต้องมีสติด้วยครับ เทพบุตร |
เจ้าของ: | ชิโนะซึเกะ [ 23 ก.ค. 2009, 18:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 24 ก.ค. 2009, 11:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
ขอบคุณ คุณลูกโป่ง คุณภัทร์ไพบูลย์ คุณชิโนะซึเกะ ![]() ที่แวะเข้ามาอ่านและช่วยแสดงความเห็นอันเป็นประโยชน์ครับ ![]() |
เจ้าของ: | rawisada [ 24 ก.ค. 2009, 11:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
เกิดมาเป็นมนุษย์ปุถุชน ความทุกข์มิได้พ้นจนสักหน้า สุดแท้แต่กรรมที่ทำมา ถึงเวลาสิ้นสุขก็ทุกข์ไป ถ้าถึงคราวพ้นเข็ญที่เป็นทุกข์ ก็กลับมีความสุขสืบไปใหม่ เป็นธรรมดามานี้แต่ไรไร จะหวาดหวั่นพรั่นใจไม่ต้องการ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อนุโมทนาบุญจร้า ![]() ![]() |
เจ้าของ: | อิกคิว [ 24 ก.ค. 2009, 14:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: บุญไม่ช่วย |
ขอบคุณ คุณ rawisada ที่เอากลอนดีๆมาฝาก ![]() จากกลอนสรุปได้ดีมากครับ ได้แง่คิดว่าทุกข์นี้ก็เป็นธรรมดาของชีวิตอย่างหนึ่ง ![]() เดี๋ยวก็มีสุขทุกข์สลับกัน มีแต่ใจเรานี่แหละที่ไปให้ค่ามัน เมื่อทุกข์ก็ดิ้นทุรนทุราย ![]() ![]() แต่ถ้าจะสิ้นทุกข์จริงๆก็คงต้องภาวนา ตามแนวทางของพระศาสดาของเรานั่นเอง ![]() เจริญธรรมนะครับ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |