ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=25935
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  bigheart [ 30 ก.ย. 2009, 20:57 ]
หัวข้อกระทู้:  เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

มีปัญหาในการทำงานกับคนในที่ทำงาน ดิฉันเป็นลูกเจ้าของบริษัทฯ(บริษัทฯ มีคนเพียง 7 คนเท่านั้น)

แต่มีผู้จัดการอีกท่านหนึ่งเป็นลูกน้องเก่าของบิดามาทำงานด้วยซึ่งมีผู้ช่วยตามมาอีก 2 ท่าน ขอเรียกว่าคุณน(อายุ 40ปี) คุณป (อายุ 32ปี)

โดยปัญหาเกิดจากลูกน้องของผู้จัดการคือ

เค้าไม่เคยช่วยงานในส่วนของดิฉันเลยแม้แต่การช่วยรับโทรศัพท์ที่ดังที่โต๊ะ(อันนี้ดิฉันทำใจได้นานมากแล้วเพราะเค้าคอยพูดใส่ดิฉันตลอดเวลาว่าเค้าไม่ใช่ลูกน้องดิฉัน ดิฉันเป็นหัวหน้าที่ไร้ลูกน้อง)

ทำงานเฉพาะในส่วนของตน บางส่วนทำงานดี แต่บางอย่างก็ทำแต่พอควร เช่น การรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบางที่ก็รับ บางที่ก็อ้างว่าโทรศัพท์เครื่องตัวเองโดนใช้งานอยู่ไม่สามารถมารับได้ ทั้งๆ ที่เดินไปสองก้าวก็ถึงโทรศัพท์อีกเครื่องที่ยังว่างอยู่ (ทั้งสองคนชอบสลับโทรศัพท์กันใช้)

ค่อนข้างเกียจคร้าน พูดจามากมายตลอดเวลา ในทุกเรื่อง ชอบสนทนาเรื่องบุคคลอื่นอย่างมากทั้งกับ

อยู่ทำงานมา 7 ปีแล้ว แต่พูดเสียดสีดิฉันทั้งต่อหน้าและลับหลังตลอดเวลา ดิฉันไม่เคยเล่าให้ใครฟังเพราะคิดว่ามันต้องเป็นปมในใจเค้าสักอย่างที่ตั้งหน้าตั้งตาทำกิจกรรมมาที่แจ้งไว้

ดิฉันสารภาพว่าตอนที่เข้ามาทำงานแรกๆ รับนิสัยเค้าไม่ได้ได้ว่ากล่าวไปหลายที คิดว่าเค้าน่าจะโกรธเคืองอย่างแรงมากมาตลอดเวลา

การให้ออกคงไม่เกิดในเร็ววันเนื่องจากคุณพ่อเกรงใจผู้จัดการเก่า

ดิฉันควรมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ เพราะคงอีกนานกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะจางหายไป เข้าใจว่ามันต้องเป็นกรรมเก่าแต่เราจะชดใช้อีกนานแค่ไหน เบื่อค่ะ

เจ้าของ:  bbb [ 01 ต.ค. 2009, 12:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

คิดเพียงว่าทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่าได้บกพร่อง

ความรู้สึกบวกจะดึงดูดความรู้สึกบวกเหมือนกัน

ถ้าเขาลบมา เราลบกลับ แน่นอน...ไม่มีผลดีแน่ครับ

มันจะดูดให้เราไปจบปลักอยู่แต่กับอารมณ์ร้าย ๆ

เขาทำไม่ดีกับเรา ถือว่า เป็นกรรมเก่า

แผ่เมตตาไปเลยนะ แผ่เยอะๆๆๆ เอาให้ความไม่ดีตั้งตัวอยู่ไม่ได้ไปเลย

สร้างความคิดบวก (ความดี) ให้มันมากกว่า ความคิดลบของเขา


:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  sasikarn [ 01 ต.ค. 2009, 12:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

:b6: :b6: :b6: คุณลองคุยกะผู้จัดการเก่า และลูกน้องคนนั้นดูสิคะเอาแบบปิดห้องประชุมคุยกัน 3 คน คุยแบบเปิดอก :b3: :b3: :b3: อิอิอิ...เฉพาะเรื่องงานนะคะ ให้คุณพูดต่อหน้าผู้จัดการ และลูกน้องเขาเลยว่า ลูกน้องเขามีข้อบกพร่องอะไรบ้าง อย่างน้อยตัวผู้จัดการจะได้รับทราบและถ้าเขาไม่ลำเอียงจนเกินไปเขาก็น่าจะต้องหาทางแก้ใขลูกน้องเขาเอง...แต่ถ้าหลังจากคุยแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น อันนี้คุณคงต้องทำใจอ่ะคะ...ปล่อยวาง และมีขันติให้มาก ๆ ยังไงก็ขอเอาใจช่วยคุณนะคะ :b4: :b4: :b4:

:b4: :b4: :b4: นู๋เอค่ะ

เจ้าของ:  -dd- [ 01 ต.ค. 2009, 13:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

ธีแก้ไขปัญหา ก็ต้องเข้าใจปัญหานะครับ

๑.ให้ลองกลับมาพิจารณาอุปนิสัยของตนเองว่า เคร่งครัดเกินไปหรือไม่ เพราะบางทีหัวหน้าเอาการเอางาน เจ้าระเบียบมาก ก็ทำให้คนในคณะ หรือในหมู่ที่หัวหน้าดูแลนั้น รอเจ้าตัวเกเร มาออกฤทธิ์ดูบ้าง เพราะคนอื่นๆ อาจจะอึดอัด แต่ไม่กล้าแสดงออก พอมีคนไหนเกเรออกฤทธิ์ออกเดช พวกเขาจะเหมือนพลอยได้ระบายไปบ้าง ดังนั้น แม้คนเกเรที่กำลังโยเยอยู่นั้น ก็ดูเหมือนว่า ชาวคณะไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร..เรื่องแบบนี้เคยมีมา ลองกลับไปดูนะครับ..

๒.หากในข้อแรกไม่มี ก็ให้ทิ้งไป มาดูกันว่า คนเกเรนั้น เขามีอะไรซ่อนไว้ในใจ
คนเกียจคร้านและเป็นคนพาล ย่อมอาศัยช่องที่จะทำให้ตนนั่นแหละ ได้หลบหลีกงาน พบได้มากในคนที่ทำงานพอไม่ดี ไม่สำเร็จ ก็เป็นที่ระอาของหัวหน้า ต่อไปหัวหน้าก็ไม่ค่อยจะฝากฝังงาน หันไปใช้คนขยันและตั้งใจดีกว่า
พอเป็นอย่างนี้ คนอยู่ใกล้ก็กลายเป็นคนที่ลำบาก เพราะต้องทำงานตามหัวหน้าสั่งมากกว่าคนขี้เกียจ ไม้นี้ คนเกียจคร้านชอบใช้เพราะได้ผลเสมอ
วิธีแก้ไข คนไหนเกเรเอาไว้ใกล้ตัว ใช้งานมากขึ้นกว่าเดิม จนไม่มีเวลาเกเร
แล้วใช้ความเมตตาพิจารณาเขาว่า เขามีปัญหาอะไร จากนั้นก็หาอุบายแก้ไขไปด้วย หลายคนก็หมดความเกเร เพราะเริ่มเห็นตบะ เดชะของหัวหน้า ก็เริ่มยอมรับ และสิ้นฤทธิ์
น้ำใจของหัวหน้า การให้ ความเอื้อเฟื้อ ไมตรีที่หัวหน้าแสดงออกต่อเขา ย่อมกำจัดรอยร้าวในใจของลูกน้องไปได้ในที่สุด สักวันหนึ่งคนอย่างนี้ หากไม่เกินแก้ไข บางคน กลายเป็นว่า รักหัวหน้ามากทีเดียว ความขุ่นเคืองที่ปรากฏแม้ด้วยสีหน้าและแววตา วาจาที่กล่าวออกมาด้วยความขึงเครียด รังแต่จะเพิ่มพายุอารมณ์เกเรของลูกน้องแบบนี้ เขาจะแกล้งใหญ่เลย
พบได้ว่า ในยามที่ใช้อุบายอย่างนี้ พอดีพอร้าย หากคนๆนั้นเหลือขอ โดยมากจะลาออกไปเอง เพราะเขาร้อน แต่หัวหน้าเย็น เขาเกเร แต่หัวหน้าดี ในที่สุด ก็ทนไม่ได้เพราะที่สุด ธรรมย่อมเป็นผู้ชนะอธรรมนะครับ

แต่เชื่อหรือไม่ว่า พอใช้อุบายนี้ ค่อยเป็นค่อยไป ได้ผลดีมาก เริ่มจากสังเกตว่า เขาชอบงานแบบไหน ? บางคนไม่ชอบงานเอกสาร ก็เบื่อพาลเกเร
เป็นคนชอบพูด อาจจะมอบหมายงานติดต่อให้..ชมเชยให้มากในงานที่เขาทำได้ดีขึ้นมา
คราวนี้ เขาจะเริ่มชอบหัวหน้าเพราะเห็นว่าตนเองมีประโยชน์และหัวหน้ามองเห็นคุณความดีของเขาขึ้นมา
จากเดิมเห็นแต่ความเกเร คราวนี้หัวหน้าเห็นทองแท้ของเรา ก็เลยเกิดความภูมิใจพยายามฉายแสงทองออกมาให้มาก จากนั้นแม้งานเอกสารที่จำเป็นที่ตนเคยไม่ชอบก็จะพยายามที่จะทำให้สำเร็จขึ้น มา
ความเป็นหัวหน้าก็ต้องมีอุบาย มีโยนิโสมนสิการที่จะขนาบลูกน้องด้วย
ขนาบด้วยการดุ แล้วได้ผลก็ต้องดุ
ขนาบด้วยการแนะนำด้วยเมตตา ก็ต้องทำไป
ขนาบด้วยการเพิ่มงาน ก็ให้เพิ่ม
ขนาบด้วยการชมเชยให้กำลังใจ ก็ต้องชมเชยและให้กำลังใจ

ดังนั้น คนที่เป็นหัวหน้าอาจจะพบได้ว่า ทำงานเองก็อาจจะไม่เก่งนัก แต่มองงานออก คุมคนได้ ใช้คนเป็น ให้งานที่ถูกกับความสามารถและอุปนิสัยของลูกน้อง ข้อสำคัญต้องมีพระคุณ และพระเดช
โดยมาก คนที่มีกำลังแห่งการเป็นหัวหน้า ก็ย่อมทำให้บริวารเคารพยำเกรง หากจะเกเรก็จะทำลับหลัง
ดังนั้น ต้องสำรวจศีลของตนเองให้ดีว่า มีช่องว่างให้ใครต่อใครตำหนิหรือไม่?
คนที่มีศีลดี ย่อมเสียงดังและใหญ่ทรงอำนาจ..หมายความว่า คำพูดใดๆ ของคนที่มีศีล ย่อมจะเป็นที่ใส่ใจรับฟังของคนอื่นๆ ย่อมอาศัยกำลังของศีลนั่นแหละ ครอบงำ น้อมนำบุคคลอื่นเข้ามาหาตน คนที่มีศีลจึงมีอำนาจที่น่าเกรงขามในตัว แต่ไม่น่าหวาดกลัวสำหรับใครๆนะครับ
ผู้คนที่ดีย่อมปรารถนาจะอยู่ใกล้คนที่มีศีลดี
ดังนั้น คำกล่าวของหัวหน้าที่ทรงอำนาจในตัว ย่อมเป็นที่รับฟังแม้แต่นายใหญ่ก็ยังย่อมเกรงใจ
คนเกเรที่พูดปาวๆ ตำหนิท่านผู้ถามในสิ่งที่เป็นเท็จ พูดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว ใครเล่าจะชอบใจ?
คนพูดเองนั่นแหละจะประสบความเดือดร้อนเป็นอันมาก เพราะแม้คนที่ตนพูดพาดพิงถึงจะไม่เอาเรื่องเอาราว แต่คนอื่นๆที่เขารู้ความจริง เขาจะออกโรงขึ้นมาปกป้องหัวหน้าเอง ธรรมชาติจะเป็นอย่างนี้
คนที่จะเป็นหัวหน้าที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะต้องแข็งแรง ทั้งผลงาน และอำนาจในตัว (ไม่ใช่การหลงอำนาจ) ต้องมีบริวารยอมรับรับรอง เปรียบเหมือนฐานสามเหลี่ยมย่อมจะใหญ่ในเบื้องล่าง เพื่อเป็นฐานที่หนักแน่นรองรับยอดตระหง่านข้างบนให้ยั่งยืน

การเป็นหัวหน้า คือ ยอดนั้นนั่นแหละ ลูกน้องบริวารเหมือนฐานสามเหลี่ยมใหญ่นั่นทีเดียว
ดังนั้น จะต้องไม่แบ่งแยก ฉลาดในการปรามและปกครอง มากด้วยเมตตาและความเสียสละเอื้อเฟื้อ
น้ำใจและน้ำคำ คือ งานใหญ่ของหัวหน้า..

ดังนั้นคนที่เป็นหัวหน้า ได้แก่ ส่วนที่เป็นยอดนั้น ก็จะต้องมีคุณสมบัติที่เยี่ยมยอดด้วยจึงจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
พึงสำรวจตนเองแล้วเริ่มปรับปรุง เพราะการปลดเขาออกไป ไม่ได้เป็นเครื่องหมายรองรับว่า เราจะไม่ต้องพบเจอคนแบบนี้อีก แต่อาจจะเป็นไปได้อย่างสูงว่า จะได้พบคนเกเรที่หนักกว่า ท่านผู้ถามจะหนีอีกสักกี่ทีเล่า?
ดังนั้น ลองๆ เผชิญหน้าเพื่อแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป บางทีจะได้ลุกน้องดีเพิ่มขึ้น และท่านผู้ถามนั่นแหละจะต้องภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขคนเกเร ให้กลับมาเป็นคนดี เป็นที่ต้องการของวงสังคมได้
ท่านผู้ถามจะทำอย่างนี้ได้ ก็จงหาทางแก้โจทย์
อย่าทิ้งโจทย์ หรือหนีโจทย์ เพราะระอา..คนเป็นหัวหน้าไม่ควรระอา

หากใครเกเรเหลือขอจนเกินรับ เขาก็ต้องสมควรถูกลงโทษในที่สุด แต่ก่อนหน้านั้น หัวหน้าก็สมควรใช้กระบวนยุทธ์ในการอบรมเขาเสียก่อน..ลองพิสูจน์ศักยภาพของตนเองดูครับ :b48: :b47: :b41:

เจ้าของ:  sasikarn [ 01 ต.ค. 2009, 13:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

:b4: :b4: :b4: เห็นด้วยกะคุณdd ค่ะ

:b16: :b16: :b16: นู๋เอค่ะ

เจ้าของ:  มหาราชันย์ [ 01 ต.ค. 2009, 20:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

bigheart เขียน:
ดิฉันควรมีมุมมองต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้างคะ เพราะคงอีกนานกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะจางหายไป เข้าใจว่ามันต้องเป็นกรรมเก่าแต่เราจะชดใช้อีกนานแค่ไหน เบื่อค่ะ



ลองปรึกษาพ่อแม่ขอแยกงานมาทำอีกที่หนึ่งเป็นส่วนตัวจะได้ไหม ?
บอกท่านว่าต้องการที่เป็นส่วนตัว
และจะดียิ่งขึ้นถ้าคุณสามารถรับเพื่อนหรือคนดีที่รู้ใจกันมาร่วมงานเพิ่มขึ้นอีกสักคน


ขอเป็นกำลังใจให้คุณมีความสุขความสำเร็จดังหวังครับ





พึงกำจัดความรำพัน
ความทะยานอยากและความโทมนัสของตน
พึงถอนลูกศร คือกิเลสของตนเสีย
เป็นผู้มีลูกศร คือ กิเลสอันถอนขึ้นแล้ว
อันตัณหาและทิฐิ ไม่อาศัยแล้ว
ถึงความสงบใจ ก้าวล่วงความเศร้าโศกได้ทั้งหมด
เป็นผู้ไม่มีความเศร้าโศกย่อมจักเยือกเย็น ฉะนี้แลฯ ”


เจริญในธรรมครับ

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 02 ต.ค. 2009, 01:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

bigheart เขียน:
มีปัญหาในการทำงานกับคนในที่ทำงาน ดิฉันเป็นลูกเจ้าของบริษัทฯ(บริษัทฯ มีคนเพียง 7 คนเท่านั้น)


เมื่อคุณ bigheart ช่วยงานของคุณพ่อ เป็นเวลา 7ปี คุณbigheart มีเป้าหมายต่อองค์กรของคุณพ่ออย่างไร?

ตำแหน่งของคุณ อยู่ในตำแหน่งของทายาท สืบต่อกิจการหรือไม่?
ตำแหน่งของคุณ เป็นลุกเจ้าของกิจการ

คุณพ่อคุณให้อำนาจหน้าที่ พร้อมความรับผิดชอบ ด้วยขอบเขตขนาดไหน?

คุณ bigheart ควรจะทบทวนจุดต่างๆ เหล่านี้ให้ดีก่อน จึงจะรู้ว่า ควรจะทำอย่างไรต่อไป

อย่ามัวลังเล แต่ต้องปรองดอง
เด็ดขาด แต่อ่อนโยน ซึ่งเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ในการบริหารงานในฐานะลูกเจ้าของกิจการ

เจ้าของ:  คุณเพชร [ 09 ต.ค. 2009, 11:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

ดิฉันเห็นด้วยกับคุณ dd และชอบวิธีการตอบกระทู้ของคุณ dd มากค่ะ ครอบคลุมและมองได้ทุกมุม ไม่ยึดติด ชอบตรงที่เราต้องมองข้อเสียที่ตัวเราเองก่อน และปรับปรุง แล้วค่อยมองคนอื่น

เจริญในธรรมนะค่ะ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 ต.ค. 2009, 01:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

อนุโมทนาค่ะคุณ-dd- คำตอบกว้าง ครอบคลุม และชัดเจนดี
สรุปก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่่างต้องแก้ไขที่"ตัวเราเอง" ก่อน ง่ายที่สุดค่ะ ขอให้โชคดีและผ่านพ้น
ปัญหาต่างๆไปได้ด้วยดีนะค่ะคุณ bigheart

เจริญในธรรมค่ะ :b41: :b41: :b43: :b41: :b41:

เจ้าของ:  หนอนน้อย [ 17 พ.ย. 2009, 12:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

อนุโมทนาครับ
:b16: :b16: :b16:

เจ้าของ:  Rosarin [ 01 ธ.ค. 2009, 15:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรียนขอคำปรึกษาและวิธีคิด

tongue
:b1:
...คุณbigheart...ต้องทำการสำรวจตัวเองเป็นอันดับแรกซะก่อนว่า...
...การสร้างสัมพันธภาพครั้งแรกในที่ทำงานของคุณกับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างไร...
...คุณbigheart...อายุอ่อนหรือแก่กว่าผู้จัการ...เราอ่อนน้อมถ่อมตนหรือไม่...
...อาการที่ทั้งคุณนและคุณปมี...เขาเรียกว่ามีอคติกับเราแบบชัดเจนแจ่มแจ้ง...

:b16:
...อย่างที่สอง...สำรวจว่าน้ำใจที่เรามีในที่ทำงานมีขนาดไหน...เช่นไปเที่ยวมา...
...หาขนม...ของฝากมาแจกคนในที่ทำงานเพื่อเชื่อมสัมพันธภาพเคยทำไหมคะ...
...เพราะบางครั้งการปกครองคน...มันต้องใช้เทคนิคที่มีทั้งพระเดชและพระคุณด้วย...

:b12:
...อย่างที่สาม...ถ้าเราทำครบถ้วนดีแล้ว...แต่พวกเขาก็ยังทำกิริยาที่ไม่งามนักกับเรา...
...แสดงว่าในที่ทำงานมีระบบการทำงานที่ค่อนข้างแย่...ปล่อยให้มีการเอาเปรียบกัน...
...มันแย่นา...คนที่ทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย...จะทนอยู่ได้นานสักแค่ไหนกันเชียว...

:b27:
...อย่างที่สี่...ทำแบบสำรวจความคิดเห็น...หาความต้องการของคนในหน่วยงานสิคะ...
...สำรวจความพึงพอใจของพนักงานทุกคน...จะได้ช่วยกันปรับพฤติกรรมการให้ดีขึ้น...
...ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ...คุณพ่อคุณbigheartไม่เคยทราบแล้วจะแก้ไขอะไรได้ล่ะ...

:b53: :b53: :b53:
...ขอเป็นกำลังใจให้ชนะมารผจญเจ้าค่ะ...
:b55: :b55: :b55:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/