ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ครั้งที่ ๑ นรกขุมที่ ๗ แดนลงทัณฑ์ ๙ (พระภิกษุตกนรก)
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=28433
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ธรรมบุตร [ 11 ม.ค. 2010, 18:16 ]
หัวข้อกระทู้:  ครั้งที่ ๑ นรกขุมที่ ๗ แดนลงทัณฑ์ ๙ (พระภิกษุตกนรก)

ครั้งที่ ๑
นรกขุมที่ ๗ แดนลงทัณฑ์ ๙ (พระภิกษุตกนรก)
กายธรรมกายของผมพุ่งลงสู่นรกขุม ๗ บรรยากาศรอบ ๆ ตัวผมมีแต่ความมืดสลัว ทั่วบริเวณนั้นมีไอชื้นและมีกลิ่นเหม็นเน่าอับส่งกลิ่นอยู่ทั่วบริเวณนั้น ผมมองไปทางขวาของผมเห็นยมทูตองค์หนึ่งเดินตรงเข้ามาหาผมและหยุดยืนตรงหน้าผม นุ่งผ้าหนักรั้งสีแดงไม่สวมเสื้อ ที่แขนมีผ้าถักสีแดงสวมอยู่ที่แขน หน้าตาดุ และไว้หนวด
“ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศร ด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า” ยมทูต ก้มลงถวายบังคมด้วยความเคารพ
“เราอยากพบพระภิกษุที่ตกนรกอยู่ในขุมนี้สักหน่อย” ผมบอกความประสงค์กับยมทูต
“เชิญทางนี้ พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตพูดพร้อมกับเดินตรงไปข้างหน้า
ทางข้างหน้าที่เดินไป ยังคงเป็นสภาพเดิม บรรยากาศสลัวมืด มีกลิ่นเหม็นสาบคล้ายกลิ่นซากศพ จากทางนี้มองออกไปข้างหน้า มีแสงสว่างพอสลัวอยู่เบื้องหน้า ทางขวาของเส้นทางที่เดินไปมีป้ายปักเอาไว้ว่า “แดนมรณะ” ผมเดินไปอีกสักครู่ก็เห็นยมทูตสององค์กำลังนำตัวพระภิกษุรูปหนึ่งเดินตรงมาทางผม
พระภิกษุรูปนี้สวมจีวรสีเหลือง จากหน้าตาดูคร่าว ๆ ก็ประมาณอายุสักสามสิบกว่าปีเล็กน้อย ที่คอสวมสร้อยประคำ ร่างกายของพระภิกษุรูปนี้ดูอิดโรยและซีดเซียว ที่ตรงหน้าผากมีรอยสักด้วยหมึกแดงว่า “นรกขุม ๗”
“มึงทำกรรมชั่วอะไรเอาไว้บนโลกมนุษย์ มึงพูดไปให้หมด อย่างปิดบังนะมึง” ยมทูตตวาดภิกษุรูปนั้น
“ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนจังหวัดกาฬสินธุ์บวชเป็นพระมาประมาณ ๑๕ ปี กระทำความผิดไว้มากมาย ข้าพระพุทธเจ้าเคยล่อลวงหญิงสาวมาข่มขืนหนึ่งคนและทอดทิ้งเธอไปแล้วข้าพระพุทธเจ้าก็หนีมาบวช แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้ต้องสร้างบาปเอาไว้ในพระพุทธศาสนา ข้าพระพุทธเจ้าได้ขโมยเงินที่ชาวบ้านนำมาทำบุญไปใช้บำเรอความสุขส่วนตัวไม่สนใจกิจสงฆ์ในพุทธศาสนา ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องได้รับทุกข์กรรมเช่นนี้”
“ยังมีอีก มึงว่าไปให้หมด” ยมทูตตะคอกใส่พระภิกษุด้วยเสียงอันดัง
“ข้าพระพุทธเจ้าเคยข่มขืนตัวเองในขณะเป็นพระภิกษุ กรรมนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องถูกยมทูตลงโทษให้ใช้มือที่เคยทำข่มขืนตัวเองวันละ ๓ หน และให้กลืนน้ำเชื้อของตัวเองเข้าไป”
“เอาตัวพระรูปนี้ไปลงโทษตามกฎแห่งกรรม เราอยางเห็นสภาพตอนลงโทษเพื่อจะได้นำไปเขียนให้มนุษย์ได้รู้ถึงบาปกรรม”
ยมทูตทั้งสองก็เอาตัวพระภิกษุรูปนี้ไปลงโทษ เมื่อถึงที่ลงโทษยมทูตก็ดึงจีวรออก ทำให้ภิกษุรูปนั้นต้องมีสภาพเปลือยกาย หน้าตาของภิกษุรูปนั้นแสดงถึงความตกใจและหวาดกลัว ยมทูตได้ผลักภิกษุรูปนั้นล้มนอนลงบนพื้นดิน
“มึงทำอย่างที่มึงเคยทำ” ยมทูตออกคำสั่งกับภิกษุรูปนั้น
ภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็เอามือทั้งสองข้างจับอวัยวะเพศแล้วทำการข่มขืนตัวเอง จนน้ำเชื้อเคลื่อนออกแล้วภิกษุรูปนั้นก็เอามือป้ายน้ำเชื้อของตนแล้วเอามาเลีย ภิกษุรูปนี้ได้กระทำดังเดิมจนครบ ๓ หน
ทางด้านซ้ายมีสุนัขยืนอยู่ตัวหนึ่ง ตัวสูงเหนือเข่าเล็กน้อย ขนสีน้ำตาล ตาสีมันวาว ท่าทางดุร้าย มันได้วิ่งเข้าหาพระภิกษุรูปนั้นแล้วกัดอวัยวะเพศ
“โอ๊ย ๆ กลัวแล้วครับ ผมกลัวแล้วครับ” ภิกษุรูปนั้นร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังและดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวดและทรมาน อวัยวะเพศของพระภิกษุรูปนั้นถูกสุนัขกัดจนเหลวแหลก
แล้วยมทูตก็นำตัวสุนัขตัวนั้นจากไป เสียงพระภิกษุร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดและทรมานอย่างยิ่ง น้ำตารินไหลออกมาอาบแก้ม ยมทูตได้นำตัวภิกษุรูปนี้จากไปจากที่นี่ ผมเดินตามยมทูตไปจนถึงที่แห่งหนึ่ง ยมทูตก็ได้ผลักภิกษุรูปนั้นลงบนพื้น เบื้องหน้ามีแสงรัศมีสีน้ำตาลแผ่เป็นแสงสว่างออกมารอบ ๆ เมื่อรัศมีได้ส่องมาถูกตัวพระภิกษุรูปนั้น ภิกษุรูปนั้นก็ดินทุรนทุรายเหมือนได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ได้ส่งเสียงครวญครางอย่างโหยหวน เมื่อผมเพ่งไปในใจกลางรัศมีนั้นก็มองเห็นเป็นผลึกสีชาก้อนใหญ่วางอยู่บนหิน
“ยมทูต ทำไมพระรูปนี้รับรับกรรมแบบนี้หละ” ผมถามยมทูต
“ภิกษุรูปนี้ ไม่ปฏิบัติตามวินัยสงฆ์ ต้องอาบัติ จึงต้องได้รับกรรมเช่นนี้พระพุทธเจ้าข้า”
ยมทูตได้นำตัวภิกษุรูปนี้เดินตรงไปอีก สภาพข้างหน้าที่ปรากฏอยู่นั้นเป็นบ่อน้ำกรดหลายบ่อ มีคนอยู่ในบ่อมากมายในบริเวณนั้น ยมทูตได้ทิ้งตัวภิกษุรูปนั้นลงไปบนพื้นแล้วร้องสั่ง
“มึงเอามือแช่ลงไปในบ่อเดี๋ยวนี้ อย่าเอาขึ้นมาก่อนกูจะสั่งนะมึง” ยมทูตสั่งด้วยความเฉียบขาด
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังอยู่ทั่วบริเวณนั้น ทุกคนกำลังถูกยมทูตลงโทษอยู่ บางคนที่เอามือแช่ลงไปในบ่อได้รับความเจ็บปวดจนร้องออกมาด้วยเสียงอันดังและโหยหวน ตาเหลือกขึ้น หน้าตาบูดเบี้ยว เนื้อที่ติดกับกระดูกก็ละลายไปกับน้ำกรดเหลือแต่โครงกระดูกสีขาวโพลน
ภิกษุรูปนี้ถูกให้ใช้กรรมที่เขาได้นำเงินอันเป็นทรัพย์สินที่ประชาชนบริจาคให้กับวัดไปใช้ จึงต้องได้รับกรรมอย่างนี้
ความเจ็บปวดที่วิญญาณได้รับ เสียงร้องที่ดังโหยหวนเพราะความเจ็บปวดสภาพทุกขเวทนา มันเป็นผลกรรมที่ต้องได้รับ ผลแห่งกรรมที่ตนได้กระทำขึ้นมาเองทั้งสิ้น
“ยมทูต เอาตัวภิกษุรูปนี้ขึ้นมาซิ”
ยมทูตก็เอาตัวภิกษุรูปนั้นมาอยู่ตรงหน้าผม สภาพของภิกษุรูปนี้เสมือนซากศพเดินได้ก็ไม่ปาน
“เราอยากจะให้เธอบอกถึงความรู้สึกที่ต้องรับผลกรรมในนรกขุมนี้”
“มันสุดแสนจะทรมาน ข้าวก็ไม่ได้กิน ได้กินแต่ขี้วันละ ๕ ขัน ไม่กินก็ไม่ได้ ยมทูตก็บังคับ” ภิกษุบอกถึงความรู้สึกด้วยน้ำตานองหน้า
“เอาหล่ะ เมื่อเธอสารภาพความจริง ซึ่งก็ตรงตามที่บัญชาบ่งเอาไว้ เธอจะได้รับการผ่อนโทษนะ และเราจะแบ่งบุญให้เธอด้วย จงพนมมือขึ้น”
“เราขอแบ่งบุญให้แก่วิญญาณตนนี้…”
ฉับพลันนั้น เบื้องหน้าของภิกษุรูปนี้ก็มีอาหารวางอยู่ตรงหน้าพร้อมกับน้ำ นี่เป็นผลบุญที่วิญญาณตนนี้ได้รับตามที่ผมอธิษฐานไว้ด้วยความดีที่ภิกษุรูปนี้ได้สารภาพถึงบาปกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นโดยไม่ปิดบัง จึงได้รับการใช้โทษให้ไปรับกรรมในนรกขุม ๔ ต่อไป

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 22 ม.ค. 2010, 21:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ครั้งที่ ๑ นรกขุมที่ ๗ แดนลงทัณฑ์ ๙ (พระภิกษุตกนรก)

:b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/