ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ครั้งที่ ๖ นรกขุม ๕ แดนหลุมพิษ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=28438 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 11 ม.ค. 2010, 18:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | ครั้งที่ ๖ นรกขุม ๕ แดนหลุมพิษ |
ครั้งที่ ๖ นรกขุม ๕ แดนหลุมพิษ โลภะคือความโลภ ด้วยความหลงผิดคิดอยากได้ในทรัพย์สินอันมิใช่ของของตนมาครอบครอง ด้วยอำนาจหน้าที่หรือการกระทำอันมิชอบแล้ว ผลกรรมที่จะได้รับดั่งเช่นอุทธาหรณ์ตัวอย่างจากการสัมภาษณ์วิญญาณในนรกนี้ มีปรากฏให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ กายธรรมกายปรากฏอยู่ ณ เบื้องล่างบนพื้นพิภพยมโลก ในนรกขุม ๕ บริเวณนั้นพื้นดินเป็นทางลูกรังสีแดง ฝุ่นละอองจากดินลอยคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณนั้น ข้างหลังผมมียมทูตสององค์เดินเข้ามาหาผม “เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกขุมนี้หน่อย” “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตก็นำทางผมเดินไปข้างหน้า เส้นทางข้างหน้าที่เดินไปนั้นมือพอสมควร แต่ก็พอที่จะมีแสงที่ช่วยให้มองเห็นเส้นทางได้รำไร ตรงข้างทางมีป้ายปักไว้ว่า “แดนหลุมพิษ” เมื่อเดินเข้าไปสักหน่อยก็มองเห็นเงาดำ ๆ สามสี่คนจมอยู่ในพื้นดิน ลำตัวของเขาจมอยู่ในพื้นดิน ส่วนหัวกับแขนโผล่อยู่เหนือพื้นดิน เมื่อผมมองอย่างเพ่งพินิจก็เห็นผีผู้ชายหลายคนอยู่ในดิน ผิวหนังตามแขนและใบหน้ามีแผลเป็นอยู่หลายแห่ง ชายเหล่านี้หายใจอย่างรวยรินเหมือนคนไม่มีแรง ผีทุกตัวมีชื่อว่า “ผีหลุมดิน” “วิญญาณเหล่านี้เป็นใคร” ผมถามยมทูต “วิญญาณเหล่านี้เป็นพวกที่กินสินบน พระพุทธเจ้าข้า” “เราคือ________________ได้รับพระบรมราชโองการจากสวรรค์ ให้แต่งหนังสือท่องนรกขึ้นจากการสัมภาษณ์วิญญาณบาปในภูมินรก วิญญาณบาปตนใดที่ให้สัมภาษณ์ถึงการกระทำของตนในโลกมนุษย์จะได้รับการลดหย่อนโทษจากสวรรค์” “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย อาศัยอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นข้าราชการชั้น ๓ ทำงานอยู่ที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง…มีคนเข้ามาติดต่อขอให้ข้าพระพุทธเจ้าช่วยจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เป็นของญาติเขาให้มาเป็นของเขา โดยเขาให้เงินตอบแทนข้าพระพุทธเจ้าจำนวนสามพันบาท และให้ใช้ชื่อของเขาว่าเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินโดยถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยกรรมอันนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับโทษในนรกขุมนี้” “เธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร” ผมถาม “ข้าพระพุทธเจ้าต้องกินกรวดกินดินห้าจานทุกวัน รสชาติของดินนั้นเหมือนกับกรวดทรายทั่วไป แต่เมื่อตกถึงท้องจะปวดท้อง ทรมานมาก เมื่อข้าพระพุทธเจ้าไม่กินก็ถูกยมทูตสองท่านนี้ลงโทษ” “เธอได้สารภาพถึงกรรมที่ได้ก่อไว้ตามความเป็นจริง เราตรวจดูกับบัญชีกรรมแล้วตรงกันกับที่เธอพูด เธอจะพ้นโทษตามสัญญาสวรรค์จ๊ะ เธอจงพนมมือขึ้นแล้วว่าตามเรา” “สาธุ ข้าพเจ้าให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าประพฤติตัวเป็นคนดี ไม่กินสินบนอีกต่อไป หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าต้องตก “นรกหมกไหม้” จนกว่า พระศรีอาริยเมตไตรตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า” ผีตนนี้กล่าวพร้อมกับพนมมือขึ้นจรดเหนือศรีษะ “ยมทูต นำตัวชายผู้นี้ไปนรกขุม ๙ ที่ “ศาลพิพากษา”” ยมทูตก็ได้นำตัววิญญาณตนนี้ไป จากนั้นผมก็เดินเลี้ยวขวาไปตามป้ายลูกศรชี้ ผมพบทางเข้าทางหนึ่งมีป้ายเขียนบอกไว้ว่า “แดนลงทัณฑ์๓” ผมเดินตรงเข้าไปตามทางเดินจนถึงสถานที่ลงทัณฑ์ มีวิญญาณบาปตนหนึ่งกำลังนอนกอดตำราดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนพื้น พร้อมกับร้องให้ไปด้วย ปากก็พูดแต่คำว่า “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้…” ผมดูตามวัยของวิญญาณตนนี้ก็ประมาณหกสิบกว่า ๆ รูปร่างเปลือยเปล่า ไร้สิ่งปกปิดร่างกาย ที่คอมีป้ายแขวนบอกชื่อไว้ว่า “ผีปุจฉา” “ยมทูต วิญญาณตนนี้ทำกรรมอะไรไว้หรือ” ผมถามยมทูต “พระพุทธเจ้าข้า” “ชายผู้นี้ในอดีตเคยบวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาพระธรรมจนนึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์กลับชาติมาเกิด จึงตั้งตัวเป็นอาจารย์สอนหลักธรรมผิดจากเดิม มักจะโต้แย้งหลักธรรมกับพระภิกษุสงฆ์หลายท่าน ด้วยเล่ห์กลทำให้พระภิกษุเหล่านั้นต้องขายหน้าและด้วยความลำพองฮึกเหิม ทำให้ต้องมารับกรรมอยู่ในนรกขุมนี้นาน ๙๐ ปี พระพุทธเจ้าข้า” “เธอทำกรรมอะไรไว้ จึงต้องมารับผลกรรมเช่นนี้ เธอจงเล่าไปตามความจริงเถอะจ๊ะ” “ข้าพระพุทธเจาเป็นชาวกรุงเทพฯ เคยบวชเรียนอยู่ที่วัด ด้วยความอวดตัวอวดฉลาดว่าตนเป็นผู้รู้บวชเรียนมาหลายพรรษา จึงถกเถียงหลักธรรมกับพระภิกษุรูปอื่นด้วยความคิดว่าตนเองคือพระอรหันต์กลับชาติมาเกิด จึงใช้คารมเอาชนะพระภิกษุอื่นด้วยเล่ห์และใช้ให้ลูกศิษย์ป่าวประกาศว่าข้าพระพุทธเจ้าคือ “พระโมคคัลลานะ” กลับชาติมาเกิดเพื่อช่วยมนุษย์ ทำให้คนแตกตื่นกันแล้วพากันมาหาข้าพระพุทธเจ้า ลาภสักการะต่าง ๆ มีมาไม่ขาดทำให้ข้าพระพุทธเจ้ามีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ด้วยกรรมดังกล่าวทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับผลกรรมที่ก่อไว้เช่นทุกวันนี้” ผีตนนี้สารภาพบาปพร้อมกับร้องให้ไปด้วย “เธอได้สารภาพถึงบาปกรรมที่เคยก่อไว้ตามความจริง เบื้องบนมีมติให้เราสัมภาษณ์วิญญาณบาปต่าง ๆ ที่ใช้กรรมอยู่ในนรก แล้ให้ช่วยเหลือเมื่อวิญญาณนั้นสารภาพถึงบาปกรรมที่ได้ก่อไว้ในอดีต” “หากวิญญาณนั้นเคยก่อกรรมในอดีตไว้มากมาย ทั้งยังอวดอ้างว่าตนคือพระอรหันต์กลับชาติมาเกิดเป็นการลบหลู่พระศาสนาอย่างมาก เราจึงไม่สามารถช่วยเธอให้พ้นจากนรกไปได้ ด้วยผลกรรมที่เธอได้สารภาพความจริงถึงบาปกรรมที่เธอได้ก่อเอาไว้ เราจะให้เธอได้ไปสู่นรกภูมิขุมที่ ๓ เพื่อให้เธอใช้กรรมที่เคยก่อไว้ให้หมด เมื่อนั้นเธอจะพ้นกรรม” ผมกล่าวกับผีตนนั้น “ยมทูต นำตัวชายผู้นี้ไปเผาไฟให้ไหม้เกรียมเพื่อใช้กรรมที่ได้ลบหลู่พระศาสนา ตามเวลาโทษแล้วนำตัวไปตัดสินใหม่” กายธรรมกายกลับสู่โลกมนุษย์ “กรรมให้ผลทันตา หลบหลีกไม่พ้น ใครก่อกรรมใดไว้ก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนองทุกคน จงอย่าเพลิดเพลินในกิเลสตัณหา รู้ไว้เถิดว่ากรรมสนองนั้นมีจริง ให้ผลทุกกัลป์กาล” |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 22 ม.ค. 2010, 21:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ครั้งที่ ๖ นรกขุม ๕ แดนหลุมพิษ |
![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |