ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ครั้งที่ ๗ นรกขุม ๖ แดนประหาร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=28439 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 11 ม.ค. 2010, 18:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | ครั้งที่ ๗ นรกขุม ๖ แดนประหาร |
ครั้งที่ ๗ นรกขุม ๖ แดนประหาร เบื้องล่างบนพื้นดินพิภพยมโลก ที่นี่คือ นรกขุม ๖ ในแดนหนึ่งของนรกภูมิในอีกหลาย แดนนี้มีชื่อว่า “แดนประหาร” เป็นแดนที่มีการประหารวิญญาณบาปเพื่อให้ร่างเดิมแตกสลาย จิตวิญญาณของกายก็จะ แยกออกจากกายนั้นเพื่อจะ ไปเกิดใหม่ตามวาระกรรมของแต่ละบุคคล กายใหม่ที่แยกออกไปนี้จะเข้าสู่ภาวะดับจิตจนกว่าจะได้เกิดใหม่ ข้างหน้ามียมทูตเดินเข้ามาหาผมสององค์ เป็นยมทูตชาวโปรตุเกสทั้งสององค์ แต่งกายเหมือนยมทูตทั่วไปแต่สวมกางเกงสีแดง ไม่สวมเสื้อ ถือหอกเป็นอาวุธทั้งสององค์และมีห่วงเหล็กรัดอยู่รอบศีรษะเป็นเครื่องหมายบอกถึงตำแหน่งหน้าที่ที่ทำ ข้าพระพุทธเจ้าขอรับธรรมทาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ด้วยบารมีพระปกเกล้า ขอถวายบังคมเดชฤทธิ์อิทธิศรด้วยเกล้าบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมพระพุทธเจ้าข้า “เราต้องการสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ตกนรกขุมนี้หน่อย” “พระพุทธเจ้าข้า” ยมทูตนำทางผมไป จนถึงที่แห่งหนึ่ง ตรงหน้าผมมีชายรูปร่างใหญ่ยืนอยู่องค์หนึ่ง ดูจากรูปร่างและเครื่องแต่งกายไม่ใช่ยมทูตและวิญญาณบาปแน่นอน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ชายคนนั้นก็หันหน้ามาทางผม พร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “ท่านท้าวเวสสุวรรณ” ผมเอ่ยชื่อออกมา ท่านก็รับคำผมว่า “ใช่ เราคือเวสสุวรรณ” รูปลักษณะของท้าวเวสสุวรรณ เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเป็นยักษ์ สวมเสื้อผ้าสีเขียว ท่อนบนหรือเสื้อผ้าที่สวมอยู่ท่อนบนเป็นผ้าสีเขียวอ่อน และสวมผ้าโจงกระเบนสีเขียวแก่เนื้อผ้ามีลายทองบนเนื้อผ้าพราวระยิบระยับห้อยสังวาลย์เพชร พาดเฉียงซ้ายเป็นเครื่องประดับกายและใช้เป็นอาวุธด้วย เบื้องล่างของท่าน สวมรองเท้าทองคำปลายงอน ในมือถือบัญชีอยู่เล่มหนึ่ง “สวัสดี ________________ สบายดีหรือ” ท่านท้าวเวสสุวรรณถามผม “สบายดี …. (มีข้อความต่อจากนี้แต่ผมมีอาจเขียนได้) หลังจากลาท่านเวสสุวรรณแล้ว ผมก็อธิษฐานไปนรกขุม ๕ และผมก็เดินเลี้ยวขวาไปตามทางที่ยมทูตเดินนำทางอยู่ สักพักของเวลาก็ถึงสถานที่ลงทัณฑ์ ผมเห็นคนสองคนกำลังนอนอยู่บนพื้น ชายคนที่นอนอยู่ทางซ้ายสวมเสื้อยืดสีขาวเก่า ๆ สกปรก แต่ไม่สวมกางเกง อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิงไม่สวมเสื้อผ้า ลักษณะของคนทั้งสองคล้ายคนบ้า ที่คอของผีทั้งสองตนนี้มีป้ายบอกชื่อว่า “ผีปัญญาอ่อน” ผมจึงเรียกยมทูตมาถาม “ผีพวกนี้ทำกรรมอะไรไว้หรือ ยมทูต” “ผีพวกนี้ ชาติก่อนเป็นคนที่มีสติสมบูรณ์เช่นมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่สนใจที่จะศึกษาเล่าเรียน เอาแต่เที่ยวเตร่หาความสนุกไปวันๆ ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ทรมาน จึงต้องมาเกิดเป็นผีปัญญาอ่อน พระพุทธเจ้าข้า” “เราต้องการรู้ว่า ทำไมผีผู้ชายตัวนี้จึงมีเสื้อใส่” “แม่ของชายผู้นี้ เคยทำบุญและอุทิศบุญกุศลให้แก่เขา ด้วยผลบุญนั้นสนองให้ชายผู้นี้มีเสื้อใส่พระพุทธเจ้าข้า “แล้วผีผู้หญิงตัวนี้หล่ะ” ผมถาม “หญิงผู้นี้เคยเป็นหญิงคณิกามาก่อน แล้วถูกฆ่าข่มขืนจนตาย เนื่องจากในอดีตหญิงผู้นี้เคยหนีออกจากบ้าน เที่ยวเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ ถูกชายล่อลวงไปข่มขืนหลายครั้ง หนีพ้นมาได้ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ของหญิงผู้นี้ก็ได้ออกตามหาจนหมดเงินหมดทองไปหลายแสนบาท แต่ก็หาไม่พบ จึงแจ้งความต่อตำรวจท้องที่ หลายปีผ่านไป หญิงผู้นี้ก็ตายลงเนื่องจากถูกฆ่าข่มขืน บาปกรรมที่เธอได้ก่อไว้กับพ่อแม่ทำให้เธอต้องตกนรกขุมนี้ห้าสิบปีพระพุทธเจ้าข้า” พวกเธอสร้างบาปกรรมตามที่ยมทูตว่ามาจริงหรือไม่ ผีทั้งสองตัวพยักหน้าตอบรับ “พวกเธอทั้งสองได้สารภาพว่า บาปกรรมต่างๆ ที่ยมทูตเล่ามานั้นเป็นความจริงทุกประการ และพวกเธอก็ได้รับผลแห่งกรรมนั้นแล้ว เราจะช่วยพวกเธอให้พ้นจากนรกนี้ไป พวกเธอของพนมมือขึ้นแล้วว่าตามที่เราพูด” “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเป็นคนดีไม่เกเรดั่งเช่นก่อนอีก และจะพยายามสร้างบุญกุศลเพื่อลบล้างบาปกรรมที่เคยก่อไว้ในอดีต หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าได้ทุคติเป็นที่สุดเถิด” “ยมทูตเอา “น้ำคืนสติ” ให้พวกเขาดื่มซิ” น้ำคืนสตินี้จะช่วยให้ความทรงจำเก่ากลับคืนมาเหมือนเดิม |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 22 ม.ค. 2010, 21:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ครั้งที่ ๗ นรกขุม ๖ แดนประหาร |
![]() ไม่น่าใจแตก |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |