ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ครั้งที่ ๑๒ นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๖ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=28444 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 11 ม.ค. 2010, 18:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | ครั้งที่ ๑๒ นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๖ |
ครั้งที่ ๑๒ นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๖ รอบ ๆ บริเวณคอกสัตว์เป็นโคลนขึ้นแฉะ มียมทูตอยู่ข้างหน้าผมองค์หนึ่งกับวิญญาณบาปตนหนึ่ง ที่นี่คือ “คอกหมู” วิญญาณบาปที่ถูกนำตัวมาลงโทษที่นี่เป็นพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนชรา บรรพบุรุษของตน ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงให้ตก ระกำลำบาก จะต้องมาใช้กรรมในนรกขุม ๘ ในแดนนี้ก่อนจึงจะพ้นไปเกิดใหม่หรือใช้กรรมในนรกขุมอื่นต่อไป นรกขุมนี้จะเก็บสัตว์โลกที่ต้องใช้เวรกรรมกับสัตว์ด้วยกันเพื่อให้กรรมนั้นตอบสนอง และวิญญาณนั้นจะรับกรรมอยู่ในนรกนี้นานเท่าใดขึ้นอยู่กับกรรมที่ตนได้กระทำกับบุคคลอื่นเอาไว้ ฉะนั้น บุคคลที่ต้องมาใช้กรรมอยู่ในนรกขุมนี้ จะไปเกิดใหม่ได้ ต้องมารับผลกรรมให้หมดก่อน ผมกำลังยืนมองชายตนหนึ่งอยู่ด้วยความสงสัยว่าเขากำลังทำอะไร ชายตนนี้ใช้อาการของเขาทั้งหมดร่วมกับชีวิตในภพนี้ในร่างของเปรต เขาได้ใช้อาการของเขาใช้ปากคุ้ยเขี่ยอาหารอยู่กับพื้นด้วยความเอร็ดอร่อยเมื่อเสร็จสิ้นการกินนี้ เขาจะต้องไปกินขี้เพื่อเป็นการชดใช้บาปกรรมที่เขาได้ก่อขึ้นในภพมนุษย์ ที่คอของวิญญาณตนนี้มีป้ายแขวนบอกไว้ว่า “ผีหมี” หรือ “เปรตหมู” วิญญาณที่ทำบาปกรรมไว้มาก เขาจะต้องรับกรรมของเขาในยมโลกจนกว่าจะหมดกรรม และเขาจะต้องไปเกิดเป็นเปรต รอกว่าจะหมดร่างจากเปรตไปจึงจะไปเกิดเป็นผี นี่เป็นกรรมช่วงวาระที่มีในยมโลก วิญญาณบาปที่เกิดเป็นเปรต เขาจะต้องรับกรรมของเขาในยมโลกจนกว่าจะหมดกรรม และเขาจะต้องไปเกิดเป็นเปรต รอจนกว่าจะหมดร่างจากเปรตไปจึงจะไปเกิดเป็นผี นี่เป็นกรรมช่วงวาระที่มีในยมโลก วิญญาณบาปที่เกิดเป็นเปรต มีสภาพต่างกันในภาพของตนนิมิต (รูปร่างกายที่ตนนิมิตก่อนตาย) เมื่อหมดกรรมจากภพนี้ ดวงวิญญาณเขาก็จะแปรเปลี่ยนร่างตามกรรมวาระของตน นี่เป็นความหมายของผู้ที่เป็นเปรต ดวงวิญญาณบาปก่อนที่จะมาเกิดเป็นเปรตเขาได้อธิษฐานไว้ว่า หากแม้เขามีบุญ เขาจงได้ไปเกิดเป็นสัตว์ในภพภูมิมนุษย์เพื่อใช้กรรมให้หมดสิ้นโดยเร็ว แต่เขาต้องรับกรรมในภพมนุษย์แดนสองนี้เสียก่อน (แดนสองนี้เป็นแดนที่มีความเป็นอยู่คล้ายเคียงกับมนุษย์) ดวงวิญญาณของเขาก็จะพ้นกรรม สภาพของผีจะเป็นอยู่ในสภาพภูมินี้จนกว่าจะหมดกรรม นี่เป็นสภาพสิ้นสุดของภพภูมิ “ยมทูต เราอยากจะถามอะไรเขาสักหน่อย นำตัวเขามานี่ซิ” สักครู่ วิญญาณตนนั้นก็ได้ถูกนำมาเข้ามาหาผม “ข้าพระพุทธเจ้ากราบขอถวายบังคม …” นี่เป็นคำที่ยมทูตสอนให้ในชั้นต้น ดังนั้นผู้มีบาปทุกตนจึงได้ทราบการถวายบังคมโดยถูกต้องจากยมทูต “เธอทำกรรมอะไรไว้ เธอจึงต้องมารับผลกรรมอยู่ตอนนี้” “ข้าพระพุทธเจ้าทำร้ายน้าชายของตัว แล้วก็ผลักไสไล่ส่งเขาไปสถานรับเลี้ยงดูคนชรา และไม่สนใจความเป็นอยู่ของเขา ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทั้งกายและใจในสถานแห่งนั้น กรรมชั่วอันนี้ทำให้ข้าพระพุทธเจ้าต้องมารับผลกรรมนั้นอยู่ในแดนนี้” “แล้วเธอได้รับสิ่งใดเป็นอาหาร” “ข้าพระพุทธเจ้าได้รับข้าวหมูเน่าเศษอาหารที่มีก้อนกรวดผสมอยู่ ทุกวันต้องกินขี้กินเยี่ยวเข้าอีกด้วย” ชายผู้นี้กล่าวด้วยเสียงเครือ สองข้างตามีน้ำตาไหลรินออกมาเบาบาง “ยมทูต เราต้องการรู้ว่า ใครถือบัญชีกรรมในนรกขุมนี้” “ข้าพระพุทธเจ้าขอตอบ ท้าวนาคา นั่นคือผู้รักษาบัญชีกรรมในยมโลกขุมนี้ พระพุทธเจ้าข้า” “ไปตามเขามาพบเราหน่อยซิ ยมทูต” ยมทูตก็หายไปสักครู่ และกลับมาพร้อมกับชายผู้หนึ่ง เป็นผู้ชายที่มีฤทธิ์มากจากแสงรัศมีกายของเขา ผมมองเห็นอยู่มากมาย รูปกายของชายตนนี้มีสภาพร่างกายเหมือนเทพทั่วไป แต่ที่เศียรมีชฎารูปเศียรนาคสวมอยู่ ที่บ่าทั้งสองห้อยสังวาลย์สร้อยทองด้วยกันทั้งสองข้างและมีสายพาดลงมาสู่เอว ชายนี้สวมเสื้อสีแดงเข้มลายทองและสวมกางเกงขายาวระดับเข่าสีเขียว มีเครื่องประดับแต่งกายหลายชิ้นด้วยกัน “ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายบังคมพระพุทธเจ้าข้า” “เธอไม่รู้หรือว่าเราเป็นใคร” ชายผู้นั้นมองหน้าผมนิดหนึ่ง แล้วตอบว่า “ ข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ขอท่านช่วยเอ่ยนามออกมาด้วยเทอญ พระพุทธเจ้าข้า” “เรารู้ว่าเธอไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เอาหล่ะเราจะบอกให้ วันนี้เรามาสัมภาษณ์วิญาณบาปในนรกขุมนี้และต้องการพบเธอเพื่อสอบถามบัญชีกรรมให้ถูกต้องก่อนตัดสิน” “เราต้องการทราบบัญชีกรรมของชายตนนี้สักหน่อย” ชายองค์นี้มีนามว่า “ท้าวนาคา” สักครู่เขาก็เอาบัญชีกรรมมาให้ผมและอ่านให้ฟังว่า “ชายคนนี้ในอดีตได้ก่อกรรมเอาไว้กับญาติพี่น้องของเขา เขาได้ทอดทิ้งให้ญาติสนิทไปอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนชรา และปล่อยให้เขาอดอยากไม่มีข้าวจะกินญาติของเขาได้สาปแช่งเอาไว้ก่อนตายว่า จะขอล้างแค้นเขาผู้นี้ให้ได้ โดยได้ไปเกิดเป็นหมูอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี เขาขอให้เรา (ทางยมโลก ) ช่วยรับคำร้องของเขาและให้ญาติของเขาคนนี้ (เขาชี้มือไปที่ผีตนนั้น) ต้องรับกรรมที่ก่อไว้ในยมโลกด้วย เขาจึงจะอโหสิกรรมให้พระพุทธเจ้าข้า” เมื่อชายคนนี้ได้ตายลง เขาได้อาฆาตไว้ก่อนตายว่า จะขอสาปแช่งเขาให้ตายลงด้วยกัน แต่ไม่สามารถทำได้เพราะกรรมเก่าตามมาทัน ในอดีตชาติของชายคนนี้ (ชายคนที่ก่อเวรนี้) ได้เคยเป็นอาของเขามาก่อน และได้กลับชาติมาเกิดเป็นญาติของเขาในชาตินี้ ดังนั้นจึงเป็นการใช้กรรมเก่าในอดีตให้หมดสิ้น “เอาหล่ะ บัดนี้เบื้องบนได้บัญชาราชย์ให้เรามาจัดการเรื่องภพนี้ โดยให้เราสัมภาษณ์วิญญาณบาปที่ก่อเวรไว้ในภพมนุษย์และตายลงแล้วมาเกิดเป็นผีอยู่ในยมโลก จากการสัมภาษณ์เขาและให้เขียนเป็นหนังสือขึ้นเกี่ยวกับการท่องนรกของเรา และให้จัดแจงกรรมมาให้กับสัตว์ตนนั้นที่ได้ให้การสัมภาษณ์ หากสัตว์ตนใดให้การสัมภาษณ์ด้วยความเป็นจริง ปรากฏตรงกันตามบัญชีกรรม ก็ขอให้เราช่วยสัตว์ตนนั้นขึ้นจากพื้นนรก นี่เป็นสัญญาของสวรรค์” ผมกล่าวกับวิญญาณตนนั้นว่า “เธอจะสารภาพบาปกรรมได้ไหมว่า ชาติก่อนเธอเคยทำกรรมอะไรเอาไว้จึงต้องมาอยู่ในสภาพอย่างนี้ ถ้าเธอเล่ามาทุกอย่างตามความจริง เราจะช่วยเธอให้พ้นกรรมนี้ไป” เขาก็เล่าตามความจริง “ในอดีต ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยสร้างเวรกรรมเอาไว้กับน้าชายของข้าพระพุทธเจ้าทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานอยู่ในสถานรับเลี้ยงคนชราคนตาย ข้าพระพุทธเจ้ามีแม่ที่ต้องรับเลี้ยงดูอยู่สองคนเพราะว่าพ่อของข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนเจ้าชู้ จึงมีเมียหลายคน นับจากพ่อของข้าพระพุทธเจ้าตายไป สภาพทางบ้านก็ย่ำแย่ลงทุกวัน ข้าวก็ไม่ค่อยจะมีกิน ทั้งยังมีภาระเรื่องหนี้สินที่ต้องใช้อีกด้วย จึงต้องหลบหนี้หนีมาอยู่กับบ้านญาติญาติของข้าพระพุทธเจ้าคนนี้เป็นพ่อค้าขายเนื้อสดอยู่ในตลาด วันหนึ่งเขาถูกชนจนขาพิการ ไม่สามารถขายของได้อีกต่อไป ข้าพระพุทธเจ้าจึงต้องรับภาระเลี้ยงดูครอบครัวของเขาอีกด้วย หนี้สินที่รุงรังทำให้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นคนหงุดหงิดง่าย โมโหร้าย พาลเตะข้าวของในบ้านจนเสียหายเกือบหมด แต่ก็ไม่สำนึกตัว เพราะถือว่าตนเองเป็นผู้เลี้ยงครอบครัวอยู่ อยู่มาวันหนึ่งน้าชายของข้าพระพุทธเจ้าเมากลับบ้าน พูดจาหาเรื่องแม่ของข้าพระพุทธเจ้าทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทนไม่ไหวจึงว่าเขาแรง ๆ ว่า “ไอ้สัตว์ มึงว่าแม่กูทำไมวะ แน่จริงเจอกับกูตัวต่อตัวซิวะ ไอ้หน้าด้านรังแกแม้กระทั่งผู้หญิง” ด้วยความโมโห ข้าพระพุทธเจ้าจึงคว้ามีดในครัวไล่ฟันเขา เขาก็หนีเตลิดไปไม่กลับมานอนบ้าน ได้ข่าวว่า เขาพักอยู่ที่สถานรับเลี้ยงคนชรา จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย สุดท้ายเขาก็ตายลงด้วยโรคหัวใจวายตาย วิญญาณเขาสู่ยมโลกเข้าฟ้องร้องต่อท่านพญายม ให้ท่านลงโทษข้าพระพุทธเจ้าด้วย เขาจึงจะยอมไปเกิดใหม่ และจะอโหสิกรรมให้ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าตายลงด้วยโรคโลหิตเป็นพิษ วิญญาณก็ถูกนำตัวมาสู่นรกเพื่อตัดสินคดีกรรมในชาติปางก่อน ข้าพระพุทธเจ้าได้พบเขาในสภาพของผีเปรตที่รอคอยการใช้กรรม หลังจากนั้นข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ถูกตัดสินให้ไปเกิดเป็นผีเปรตอยู่ในนรกขุมนี้ พระพุทธเจ้าข้า” “เธอรับกรรมนี้มานานเท่าไหร่แล้ว” ผมถาม “ข้าพระพุทธเจ้ารับเบื้องกรรมนี้มานานห้าปีแล้ว พระพุทธเจ้าข้า” ผมหันไปถามเทพองค์นั้นว่า ชายคนนี้จะพ้นกรรมเมื่อไหร่ เขาตอบผมว่า “ชายคนนี้จะพ้นกรรมอีกสามชาติ พระพุทธเจ้าข้า” “เอาหล่ะ เราจะช่วยเธอ เธอจงกล่าวกรรมตามเราเถิด” เขาได้กล่าวตามผม “สาธุ ข้าพเจ้าขอให้คำสัตย์ต่อสวรรค์ว่า ข้าพเจ้าจะประพฤติตนเสียใหม่ ไม่ประพฤติตนเช่นเดิมอีก หากข้าพเจ้าผิดคำสัตย์ที่ให้ต่อสวรรค์ในครั้งนี้แล้ว ขอให้ข้าพเจ้าตายอย่างหมูอย่างหมา ไม่มีที่ฝังด้วยเถิด” และยกมือขึ้นจรดศีรษะ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม และกล่าวว่า “ ข้าพระพุทธเจ้ากราบเบื้องยุคลบาท พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระพุทธเจ้ายินดีน้อมรับกรรม สุดท้ายข้าพระพุทธเจ้าพ้นจากที่นี้ไปด้วยการกระทำของท่าน ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทานด้วยใจจริงและศรัทธา” นี่เป็นคำกล่าวของเขา “ยมทูต เอาตัวเขาไปให้องค์พญายม” ทุกองค์กราบลาผมกลับสู่โลกธรรมบท (โลกวิญญาณที่ต่อสู้กันด้วยกรรม) “สรรพสัตว์ทุกคนก่อกรรมใดไว้ ก็ได้รับผลกรรมนั้นตอบสนอง ไม่มีผู้ใดหลีกหนีไปได้ ขอให้ทุกคนจงสำนึกในบาปกรรมที่ตนก่อ แล้วหันหน้ามาปฏิบัติธรรมมุ่งมั่นสร้างกรรมดีเพื่อลบล้างบาปกรรมที่ตนได้ก่อขึ้นนั้นเถิด” |
เจ้าของ: | หลับอยุ่ [ 22 ม.ค. 2010, 22:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ครั้งที่ ๑๒ นรกขุม ๘ แดนลงทัณฑ์ ๖ |
![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |