วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 09:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2010, 21:58
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปี ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก มีเงิน มีสมบัติ แต่ประมาณปี 2546 ครอบครัวกับมีปัญหาเรื่องเงินทอง ต้องขายที่จนเกือบหมด พ่อแม่ต้องแยกทางกัน และตัวเราเองก็มีปัญหากับสามีต้องแยกทางกัน และงานการที่ทำอย่างมั่นคงก็ต้องออกเพราะรู้สึกไม่อยากทำ ออกจากงานเอง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ทำให้เรารู้สึกหมดหวัง ไม่อยากมีชิวิตอยู่ สภาพตอนนั้นก็เหมือนครอบครัวล้มละลาย งานการก็ไม่มีทำ พ่อก็ไม่มีเงินใช้ เวลาผ่านไปเกือบปี สามีก็กลับมาและเข้าใจเรา และเราก็เริ่มมีงานทำที่ดีเหมือนเดิม ครอบครัวฟื้นตัวขึ้นมา ปัจจุบันอยู่ในระดับปานกลาง แต่พ่อไม่ยอมยกโทษให้แม่ เพราะแม่เป็นต้นเหตุให้หมดทรัพย์สมบัติ อยากทราบว่าเป็นเพราะครอบครัวเราเคยทำกรรมอะไรไว้รึป่าวถึงเป็นแบบนี้ จะแก้กรรมได้อย่างไร และเรื่องนี้จะเกียวกันไหมมีหมอดูทักว่าเรามีกุมารติดตามเรามา ให้รับเขาเลี้ยงเขา เราก็กลัว ไม่รับเลี้ยง จนมีหมอดูทักอีกให้รับเลี้ยงกุมารที่ตามมาด้วย บอกว่ากุมารตามเรามานานกว่า 10 ปีแล้ว เขาอยู่ที่บ้านเรานั้นแหละ ก็เลยไปถามพ่อเกี่ยวกับประวัติบ้านของเรา พ่อเล่าว่า ย่าตายตั้งแต่พ่อยังเด็ก ตายท้องกลมพร้อมน้อง อีก 2 เดือนจะคลอด และที่บ้านเรามีปู่ยาตายายที่ตายมากมายในบ้านหลังนี้ ปัจจุบันก็เลยทำบุญให้มากขึ้นเมื่อก่อนก็ทำบุญค่ะ แต่ทำแบบไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก มันจะเกียวกันไหม และเราควรทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ เพราะชีวิตเหมือนจะดี แต่ก็มีอุปสรรคตลอดไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ช่วยให้คำแนะนำหน่อยค่ะ อยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเพราะแก่กันมากแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อยากทราบว่าเป็นเพราะครอบครัวเราเคยทำกรรมอะไรไว้รึป่าวถึงเป็นแบบนี้ จะแก้กรรมได้อย่างไร


พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า"สิ่งทั้งปวงล้วนไหลมาจากเหตุ" หมายความว่าสิ่งใดๆที่สรรพสัตว์ทั้งหลายประสบ มี เป็น ได้ เสีย กระทบทั้งนั้นย่อมมีมาจาก"เหตุ"ทั้งสิ้น ไม่มีคำว่า"บังเอิญ"ในหลักความจริงตามธรรมชาติ อีกทั้งไม่มีพระเจ้าที่ไหนๆมาบันดาลให้มีขึ้นได้...นี่คือสิ่งที่ท่านผู้ถามต้องทำความเห็นให้ถูกตรงก่อน มิฉะนั้นจะเข้าใจความจริงต่างๆผิดไป..

เมื่อหลักความจริงเป็นเช่นนี้ จึงตอบคำถามข้างบนได้ว่า เรื่องความวิบัติขัดข้องทั้งหลายที่ครอบครัวท่านผู้ถามได้รับมาแล้วและ/หรือกำลังเกิดอยู่ ก็ย่อมมาจาก"เหตุเก่าที่ไม่ดี"หลายประการ แม้ไม่ใช่ฐานะที่จะกล่าวได้ชัดตรงว่ามาจากกรรมอะไรก็พอประมาณเอาได้ว่ามาจากการล่วงศีลข้ออทินนามาเป็นหลัก จึงทำให้ทรัพย์สมบัติวิบัติไป..ด้วยอาการต่างๆ จะด้วยอาการใดๆก็ตามที มีการฉ้อโกงลักทรัพย์ตบทรัพย์หลอกลวงทำเล่ห์กลโกงเขาหรือทุจริตกินใต้โต๊ะฯลฯหรือวิธีสาระัพัดที่ทำให้ได้มา"โดยมิชอบ"


อ้างคำพูด:
และเรื่องนี้จะเกียวกันไหมมีหมอดูทักว่าเรามีกุมารติดตามเรามา ให้รับเขาเลี้ยงเขา เราก็กลัว ไม่รับเลี้ยง จนมีหมอดูทักอีกให้รับเลี้ยงกุมารที่ตามมาด้วย บอกว่ากุมารตามเรามานานกว่า 10 ปีแล้ว เขาอยู่ที่บ้านเรานั้นแหละ ก็เลยไปถามพ่อเกี่ยวกับประวัติบ้านของเรา พ่อเล่าว่า ย่าตายตั้งแต่พ่อยังเด็ก ตายท้องกลมพร้อมน้อง อีก 2 เดือนจะคลอด และที่บ้านเรามีปู่ยาตายายที่ตายมากมายในบ้านหลังนี้ ปัจจุบันก็เลยทำบุญให้มากขึ้นเมื่อก่อนก็ทำบุญค่ะ แต่ทำแบบไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก มันจะเกียวกันไหม


คนเราเมื่อถูกทุกข์กระทบแล้วก็ย่อมหาทางออก หรือที่พึ่ง เพราะขาดที่พึ่งที่แท้จริงคือตนเอง จึงไปหาที่พึ่งนอกตัว ที่นิยมคือการหาหมอดูหรือเจ้าพ่อเจ้าแม่คนทรงฯลฯ อันเป็นที่พึ่งที่ไม่เกษมปลอดภัย ซ้ำร้าย เป็นการต่อยอดเพิ่มพูนเพื่อตอกหมุดย้ำมิจฉาทิฏฐิให้แน่นหนาขึ้นไปอีก น่ากลัวกว่าการวิบัติทรัพย์ใดๆในโลกอีก..เพราะเขาย่อมเข้าใจว่าสิ่งต่างๆมิได้เกิดเพราะเหตุที่สมควรคือกรรมเป็นต้น แต่เกิดจากอำนาจบันดาลของอะไรๆอื่นๆนั่นเทียว..

การที่ใครๆจะทักว่ามีใครตามเราอยู่ ถามว่าเราเชื่อเขาได้หรือ? อะไรทำให้เชื่อเช่นนั้น?...เพราะความ"ไม่รู้"ของเรานั่นแหละที่ทำให้เชื่อเขาไปหมด โดยเฉพาะเรื่องแปลกๆลึกลับที่มองไม่เห็นนี่ชอบมากและ"พร้อมเสมอ"ที่จะเชื่อถือ..นี่มาจากอะไร อย่าลืมว่า"สิ่งทั้งปวงล้วนไหลมาจากเหตุ"..เหตุคือ การที่เราเคยคบคุ้นชอบใจที่จะเสพคุ้นกับการเข้าหาหมอดูทำนายโชคลักษณะนี้มาจนชำนาญอย่างสืบเนื่องยาวนานในสังสารวัฏอันหาเบื้องต้นไม่พบ..พอได้ปัจจัยคือมีทุกข์ขึ้น ความชำนาญก็ปรากฏให้ได้ไปหาหมอดูอีก และต่อๆไปก็จะแก้ได้ยากหรือหมดทางแก้ทีเดียวเพราะฝังรากลึก...

ทีนี้เจ้ากุมารนี้ก็ช่างกระไร ใยจึงมาตามเราอยู่ได้ไม่เบื่อหรือ :b10: หรือว่าว่างมาก เป็นกุมารก็ต้องเล่นครับ..แถมตามมาเป็น๑๐ปี ไม่ทำมาหากินแล้วอยู่อย่างไรกันล่ะนั่น.. :b10: :b14: จะว่ามีอาหารทิพย์กิน แล้วงั้นมาตามเราหาอะไรเล่า ก็อิ่มได้ด้วยตนเองแล้วมิใช่หรือ? เอ..หรือว่าอยากได้ของเล่น ถ้าเช่นนั้นเขาก็น่าจะมาบอกกันมั่ง ไม่เห็นว่าจะยากเย็น แล้วตอนมาเราก็ไม่ได้เชิญเขามา ใยเราต้อง"เลี้ยงเขา"ให้เป็นภาระด้วย ?ไม่ใช่ธุระหน้าที่อะไรของเราเลย ลำพังเลี้ยงตนเองก็แย่แล้วยังจะให้ดูแลอะไรๆที่มองไม่เห็นอีกหรือ... :b10: :b14: :b5: โอ้ะ! ดูท่าจะแปลกเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว แล้วถ้าเลี้ยงแล้วใครจะการันตีใหมว่าชาตินี้ชีวิตนี้จะเฮงไปตลอดไม่มีขาลงเลย.. :b33: :b34: :b7: ...จะเชื่อใครดีล่ะหนอ หรือจะพิสูจน์สักตั้ง รับเลี้ยงกุมารดูซิว่าเราจะเฮงไปได้นานเท่าไร..

แต่ถ้่าจะเชื่อใครหรือทำอะไร ขอให้อ่านต่อไปนี้ให้ดีก่อน..

ก็หากใครสักคนในโลกนี้ จะเข้าถึงความหายนะแล้วไซร้ ก็เพราะเหตุแห่งการล่วงศีล ประพฤติผิดศีล ศีลทะลุของเขา นั่นแหละ .....หาได้เกิดจากใครจะมามีอำนาจบันดาลให้ใครคนนั้น ประสบความเดือดร้อนเพราะ สิ่งนั้นไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจแก่เขาผู้มีอำนาจ ก็หาไม่

หากใครคนนั้น รักษาศีลด้วยดี ตั้งมั่นเดินทางแห่งชีวิต มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เข้าถึงการเป็นผู้ประพฤติธรรมด้วยดีแล้วไซร้...เหตุแห่งการไม่รับเลี้ยงกุมารของคนๆนั้น ก็หาได้ทำให้คนๆนั้นเข้าถึงความหายนะไม่..เขาคนนั้นย่อมร่าเริงบันเทิงใจ อยู่ด้วยบุญทั้งหลายที่เขาเพียรปฏิบัติ และพระธรรมย่อมคุ้มครองเขาคนนั้นให้ปลอดภัย

เชื่อเถอะ พิจารณาเหตุตามเหตุผลแห่งกรรม ให้ดี ท่านจะรู้ว่าท่านจะพบกับความสุขสงบเป็นอันมาก สามารถมีชีวิตอยู่ความปราศจากเครื่องเดือดร้อนนานาประการ

และ หมอดูทั้งหลายนั้น ตกนรกเป็นอันมาก เพราะเป็นคนที่เผยแพร่ "มิจฉาทิฏฐิ" แก่บุคคลอื่น....เป็นไป เพื่อลาภบ้าง เพื่อสักการะบ้าง หรือเพราะกลัว หรือเพราะไม่รู้ ก็ตามที....แต่หนทางเบื้องหน้าของพวกเขาเหล่านั้น ย่อมมีทุคติเป็นที่หวังได้

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์..หรืออะไรๆที่จะบันดาลผลหรอก /color]
..

[color=#008000]ก็เทวดาทั้งหลายที่ปกปักรักษาโลกมนุษย์นั้นมีอยู่ แต่ท่านก็หาได้สามารถบันดาลให้เกิด "ผล "คือ ความเป็นไป ตามใจท่านก็หาไม่ ....เพียงแต่ท่านอาจจะดลใจให้ชนทั้งหลายระลึกนึกถึง เข้าหาที่พึ่งอันเป็นคุณงามความดี เพื่อผลอันดีจะบังเกิดแก่ชนเหล่านั้นได้ หากผู้ใดไม่ทำให้ถูกทาง....ผลอันน่าชื่นใจก็หาได้เกิดแก่เขาเหล่านั้นไม่ พวกเขาก็ยังเป็นทุกข์เดือดร้อนใจอยู่นั่นแหละ

หมอดูนั้น ก็ไม่สามารถกำหนดกรรมของชนทั้งหลายได้.....

จริงอยู่ การทำนายนั้นเป็นวิชาคล้ายวิชาสถิติ หากแต่ว่าบุคคลใด ตั้งมั่นในหนทางที่ถูกแล้ว หมอดูก็ทำนายไม่ถูกหรอก..
เพราะชีวิตของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับดวงดาว แต่เขารู้ว่า ขึ้นอยู่แต่กรรมของตนเอง

หากเขาเพียรอยู่ในการประกอบกรรมดี แล้วไซร้ เขาก็ย่อมไม่หวั่นไหวกับคำทำนายเลย และแม้ทำนายในเรื่องร้าย ก็หาต้องได้เป็นไปตามคำกล่าวเหล่านั้นไม่

เพราะชนทั้งหลายเป็นอันมาก ขาดที่พึ่งทางใจ.... พวกเขาเหล่านั้นหวาดกลัวต่อมรณะภัย ความทุกข์ ความเดือดร้อนอันจะพึงมีพึงเป็นในวันข้างหน้า..... หรือไม่ก็เดือดร้อนเพราะอยากได้กุศลวิบากมาเชยชม พวกเขาก็วิ่งเข้าหาหมอดูกัน

โดยที่ หาได้ใส่ใจในการสร้างเหตุไม่แต่ประการใดไม่... ดังนั้น การสะเดาะห์เคราะห์ ก็เกิดขึ้น เป็นวิธีกำจัดความหวาดกลัวของพวกเขาเหล่านั้น

หากการสะเดาะห์เคราะห์ จะทำให้คนทั้งหลายหลีกพ้นกรรมของตนได้จริงแล้วไซร้ ประโยชน์อะไรแก่การกระทำความดีด้วยเล่า?... พอทำผิดก็เอายางลบมาลบความผิดด้วยการสะเดาะห์เคราะห์!

หากการสะเดาะห์เคราะห์ คือการทำบุญใส่บาตร ..จริงอยู่ นั้น...เป็นเรื่องดี แต่ก็เป็นไปด้วยกิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง ทำเพราะกลัวบ้าง ว่าตนนั้นมีเคราะห์ ทำเพราะอยากได้ในลาภ ยศบ้าง จึงทำ....

น่าแปลกไหม?...พวกเขาก็รู้ว่าบุญนั้นดี...แต่จะมีสักกี่คนที่ ตั้งใจเดินหน้า มุ่งหน้าทำกุศล ทำความดีอยู่อย่างนั้น...พวกเขาอยากได้ผลมาก แต่เวลาทำเหตุก็ทำเพียงเล็กน้อยแล้วปรารภผลมาก เป็นอย่างนี้เสมอ

ดังนั้นชนทั้งหลาย พึงเลิกหวั่นไหวกับสิ่งไม่เป็นสาระ สิ่งไม่เป็นที่พึ่ง ไม่เป็นไปเพื่อความสวัสดีเหล่านั้นเสีย...


อ้างคำพูด:
เราควรทำอย่างไรต่อไปดีค่ะ เพราะชีวิตเหมือนจะดี แต่ก็มีอุปสรรคตลอดไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ ช่วยให้คำแนะนำหน่อยค่ะ อยากให้พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเพราะแก่กันมากแล้ว


ท่านผู้ถาม พึงศึกษาคำสอน แล้วเดินหน้าปฏิบัติตามแผนที่ที่พระพุทธองค์ทรงมอบให้ อันปรากฏได้ยากในโลกนี้เป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นปัจจัยแก่"ปัญญา" เป็นยานพาหนะให้ท่านผู้ถามเดินถูกทาง เพื่อความพ้นจากทุกข์ในที่สุด

เหตุเก่าทำไปแล้วแก้ไม่ได้ครับ ทำเหตุปัจจุบันใหม่ให้ดี มีการถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่มีเจ้าเทพที่ไหนเป็นสรณะ ประพฤติศีลอย่างมั่นคง เจริญทานทั้งปวง เจริญภาวนาอย่างต่อเนื่องคือสวดมนตร์ไหว้พระ เจริญวิปัสสนา.สมาธิเนืองๆ ทำมากอานิสงค์ย่อมมาก อาจมีกำลังพอที่จะปัดเป่าเอาอกุศลวิบากให้ตกไปได้ในปัจจุบัน..แม้หากยังไม่ประสบผลที่ปรารถนาก็ไม่พึงท้อในการเจริญกุศลให้ถึงพร้อม ขึ้นชื่อว่ากุศลย่อมเป็นที่มาของความสุข ไม่อาจให้ผลเป็นทุกข์ได้เลย..

ขอให้สำเร็จในกุศลปรารถนาทั้งปวงครับ..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเรื่องวิบากกรรมเหมือนที่k dd ว่าไว้ครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมีปัจจัยต่างๆทำให้เกิดขึ้น
ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุและผล

ผมเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งถึงการประคับประคองชีวิตเมื่อเข้าสู่วิกฤตจนไร้หนทางแล้ว
ซึ่งต้องปฏิบัติเป็นประจำแล้วชีวิตจะผ่านช่วงที่เลวร้ายทั้งหมดนี้ไปได้ โดยเตรียมตัว
ดังนี้
1. จัดโต๊ะหมู่บูชา ให้สะอาดเป็นระเบียบ พร้อมมีดอกไม้ และน้ำสะอาด 1แก้ว ผ้าขาว และหมอน
สำหรับกราบ(ถ้าหากที้บ้านมีโต๊ะหมู่บูชา)
2. สวดมนต์เป็นประจำทุกวัน อาจเป้นเวลาไหนก้ได้อย่างน้อยวันละรอบ อาจเป้นทำวัตรเย็น 1จบ
หรือสวดบทที่เราชอบจริง เช่นสวดชินะบัญชร หรือ สวดพุทธคุณ หรือยอดพระกัณฑ์ ฯลฯ พร้อมแผ่
เมตตาให้สรรพสัตว์และเจ้ากรรมนายเวร
3. พยายามรักษาศีล5 ให้ครบทุกข้อ
4. ใช้สติสัมปชัญญะกำกับตัวเองให้ได้ ไม่โทษสิ่งใดสิ่งใดทั้งนั้นให้ ปลงให้ตกบ้าง และดำเนินชีวิต
ต่อไปถึงแม้เหตุการณ์จะแย่แค่ไหนก็ตาม และอดทนอดกลั้นให้ได้(เรียกว่าใจดีสู้เสือ)
5. พยายามทำบุญทำทานกับคนที่ยากไร้กว่าเรา หรือทำบุญกับพระสงฆ์ก้ได้(ด้วยยารักษาโรค)
เพื่อให้ไม่มีโรคภัยเบียดเบียนและทำให้อายุยืนด้วย

โดยทั้งหมดนี้ให้ทำติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน สิ่งต่างๆที่ไม่ดี จะกลับร้ายกลายเป็นดีได้ครับ


แต่ถ้าเป้นแบบสูตรฉบับของวัดอัมพวัน
จะใช้วิธีสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย+พาหุงมหากาฯ+ พุทธคุณเท่าอายุเกิน1+แผ่เมตตาแล้วอุทิศ่ส่วนกุศล ซึ่งก้คล้ายกับแบบแรกคือต้องทำทุกๆวันติดต่อกันให้ได้ ที่สวดแบบนี้เพื่อเป้นการยกระดับจิตใจ
ให้สูงขึ้นไป การที่เราประสบสิ่งไม่ดี สิ่งที่ทำให้เราเครียดและเกิดปัญหาอย่เรื่อยจิตคนเราจะตก การสวดมนต์เป็นประจำ และสวดนานๆพอสมควร เป้นการกันไม่ให้จิตตกไปในตัว และก้สามารถช่วยผู้นั้นได้จริง
ขออย่างเดียวคือต้องตั้งใจทำ ๆ ด้วยความเต้มที่ ไม่จำเป็นต้องไปสะเดาะเคราะห์ให้เสียเงินเสียทองเสมอไป ทำให้ติดต่อกันเป้นเดือนๆ ก้จะดีขึ้นเช่นกัน

จะทำแบบแรกหรือแบบหลังก้ดีทั้ง2 แบบครับ :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2010, 21:58
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างมาก รู้สึกสบายใจขึ้นและจะทำบุญ ทำดีต่อไป ไม่ท้อแท้ ตอนแรกรู้สึกท้อแท้อยู่บ้างค่ะ ตอนนี้ไม่ท้อแท้แล้วค่ะสู้ๆๆๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2010, 23:16
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะเพราะอะไร ไม่อาจหยั่งรู้ได้

ทำบุญให้มากไว้ ไม่ขาดทุน

บุญ เท่านั้น เป้นที่พึ่งในโลกนี้แล โลกหน้าแล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่แหละเขาว่าเกิดมาเป็นอะไรก็ต้องมาแก้ปัญหาตลอด สู้ไม่เกิดดีที่สุด

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่างเป็นไปตามกฏแห่งกรรมทั้งนั้นค่ะ สิ่งที่ทำได้คือวางอุเบกขายอมรับสิ่งที่เผชิญโดยดุษฎีและมีสติ สร้างความดีถือศีลทำสมาธิสะสมเป็นบุญเอาไว้สำหรับอนาคต ทำได้เท่านี้แหละค่ะเพราะกรรมกำหนดทุกอย่างไว้แล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 04:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2009, 14:42
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณพี่ddแนะนำได้อย่าง ผู้เข้าใจ และชำนาญในธรรมมากขอบคุณครับเพราะประชาชนทั่วไปอย่างกระผมอีกคนตีโจทย์ของปัญหาในชีวิตไม่แตกก็เลยคิดแบบปุถุชนทั่วไปครับก็เลยคิดแบบน้องใหม่อะครับกระผมขอฝากช่วยตอบคำถามผมหน่อยนะครับพอได้อ่านในเวปนี้เยอะจนกลัวสิ่งที่ตนเองเคยกระทำด้วยที่ห่างจากหลักธรรมและปล่อยชีวิตไปตามอารมอยู่นานพอได้เข้ามาในเวปนี้มีคำตอบมากมายและสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างดีทีเดียวผมติดในความคิดที่ว่าบางทีอยากจะสละในทางโลกตลอดชีวิตแต่กลัวว่าตัดสินใจไปแล้วกลัวปฏิบัติไม่ไหวกลัวผีกลัวว่าถ้าต้องกลับมาเป็นฆราวาสอีกต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ครับแต่ตอนนี้ก็ติดปัญหาชีวิตต้องส่งค่าบ้านช่วยพี่สาวแทนพี่เขยที่เขาเลิกกันและส่งตังให้แม่และหลานช่วยเพิ่มแทนพี่ชายและพี่สาวที่มีหลานแล้วเขาเลิกกัน3-4คนเพราะพี่ๆเขามีภาระแต่ผมมีน้อยเลยได้ช่วยเป็นกำลังอีกแรง ก็คือในทางโลกก็มีสิ่งที่ต้องกระทำและช่วยเหลือครอบครัวถ้าจะบวชก็กลัวไม่ตลอดรอดฝั่งผมชอบโลเลเปนนิจเลยครับฝากแนะนำด้วยนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 11:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว...ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมไม่ดี...ก็หาโอกาสมาให้ผลผู้กระทำ...
...ปัจจุบันเป็นสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่...ให้มีสติคิดดี พูดดี ทำดี...เพื่อให้กรรมไม่ดีมาส่งผลช้าออกไป...
...อนาคตก็ขึ้นอยู่กับกรรมที่ทำในปัจจุบันจะกำหนดชะตาชีวิตของเราตลอดไป...จงเลือกทำแต่สิ่งที่ดี...
:b6:
...ในทางศาสนาพุทธตามหลักโอวาทปาติโมกข์คือ ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส...
...ให้มีหิริโอตัปปะ...ละอายและเกรงกลัวต่อการทำความชั่วทั้งทางกาย วาจา ใจ...
...ยึดแนวทางสายกลางไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนคือไม่ตึงจนขาด ไม่หย่อนจนยาน...
:b16:
:b44: :b44:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร