วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 17:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 01:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 01:02
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบว่า การทรงเจ้า มีจริงหรือเปล่าครับ หรือว่าเป็นสิ่งที่จิตสมมติขึ้นเอง เหมือนจิตสั่งให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ผมสงสัยมากครับ

ตัวผมเคยลงทรงเหมือนกัน ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่สติอยู่ครบ มีคนถามหวย แต่ผมตอบไม่ได้ เพราะ ตัวผมเองไม่รู้จริงๆ แต่กิริยาที่แสดงออกมาตอนนั้น กลับกลายเป็น "องค์" ที่เชื่อว่าอยู่ในตัวผม

เลยไม่ทราบครับ ว่า จริงๆ แล้ว ผมมีองค์ หรือว่า ผมเป็น โรคจิต...

และถ้าผมมีองค์จริงๆ...อยากทราบว่า เพราะอะไรผมถึงมีองค์ครับ...ทั้งๆที่ ร่างกายของผมไม่ได้สะอาดเลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 02:08
โพสต์: 65

ชื่อเล่น: ชาเขียว
อายุ: 24

 ข้อมูลส่วนตัว


บางสิ่งบางอย่าง มันไม่มี แต่เราคิดว่ามันมี มันก็ยังดูเหมือนมีเลย
บางสิ่งบางอย่าง มีอยู่แล้ว แต่เราคิดว่ามันไม่มี มันก็ยังดูเหมือนไม่มีเลย

อำนาจแห่งจิต ยากที่จะหยั่งถึง มันช่างลึกและกว้าง ไกลมากจริงๆ
จะตอบว่ามีจริง รึจะตอบว่าไม่มีแน่นอน ก็เกินวิสัยของเราๆท่านๆมากนะ

เอาเป็นว่าอย่าเอาสิ่งที่เราสงสัย มาทำให้สิ่งที่เราไม่ต้องสงสัยพลอยเสียไปด้วยละกัน
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 02:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านหนังสือธรรมะก็ตั้งเยอะไม่เห็นท่านกล่าวถึงคนที่มีองค์ลงหรือเข้าทรง ไม่เชื่อนะครับตัวผมเองและไม่กลัวด้วย ไม่สนับสนุนให้มีการเข้าทรง เหมือนคนที่ป่วยแล้วละเมอหาสาระใจความไม่ได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เคยเจอด้วยตัวเองสักที
เคยแต่ได้ยินเขาเล่ามา....

:b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 01:02
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อ่านหนังสือธรรมะก็ตั้งเยอะไม่เห็นท่านกล่าวถึงคนที่มีองค์ลงหรือเข้าทรง ไม่เชื่อนะครับตัวผมเองและไม่กลัวด้วย ไม่สนับสนุนให้มีการเข้าทรง เหมือนคนที่ป่วยแล้วละเมอหาสาระใจความไม่ได้


ครับ แล้วถ้าเป็น คนป่วย ที่สามารถมองเห็น หรือ บอกให้คนที่กำลังมีปัญหา กลุ้มใจ ไปแก้สิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปแล้ว หรือ กำลังจะทำ ให้วิถีชีวิตสะดวกขึ้นกว่าเดิมไม่มากก็น้อย ล่ะครับ จะถือว่าเป็นคนป่วยหรือเปล่า...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 02:08
โพสต์: 65

ชื่อเล่น: ชาเขียว
อายุ: 24

 ข้อมูลส่วนตัว


หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง เราต้องทำใจยอมรับเลยว่ามันเกินวิสัยของปุถุชน
อย่างเราๆท่านๆทั้งหลาย จะมาตั้งคำถาม แล้วหาคำถามจากปุถุชนด้วยกัน

ความเห็นส่วนตัวนะ คิดว่าข้อสงสัยทุกๆข้อ ถ้าเราเดินทางตามธรรมของพระพุทธองค์แล้ว
ในอนาคตกาลเราๆท่านๆทุกคนผู้ที่มีความสงสัยต่างๆ ต้องหายสงสัยในข้อสงสัยนั้นๆแน่นอนจ๊ะ

เราทุกคนมีโอกาสที่จะได้รู้แจ้งข้อสงสัยในใจเรา ได้ด้วยตนเองทุกคนจ๊ะ
จะเร็วรึช้าก็ขึ้นอยู่กะตัวของเรานี่แหล่ะ จะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด

เหมือนอย่างที่ว่า ตายแล้วไปไหน เรายังเป็นคนมีชีวิตก็เลยไม่รู้
แล้วก็ไปถามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็จะได้คำตอบต่างๆนาๆ
แต่วันใดที่เราตายแล้วเราจะหายสงสัยแน่นอนจ๊ะว่า ไปไหนกันแน่น๊า

ทุกคำตอบทุกข้อสงสัย ตัวเราเองจะให้คำตอบได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด
แต่จะช้ารึเร็วอยู่ที่ตัวเราว่ามีความพยายามที่จะรู้คำตอบที่เราสงสัยนั้นมากแค่ไหนกัน
จะกี่ภพกี่ชาตินี่ก็คือข้อสงสัยอีกเช่นเคย ตัวเราเองอีกนั่นแหล่ะจะรู้ดีที่สุดด้วยการปฎิบัติของเราเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 01:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 01:02
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สุทธจิตต์ เขียน:
หลายๆสิ่ง หลายๆอย่าง เราต้องทำใจยอมรับเลยว่ามันเกินวิสัยของปุถุชน
อย่างเราๆท่านๆทั้งหลาย จะมาตั้งคำถาม แล้วหาคำถามจากปุถุชนด้วยกัน

ความเห็นส่วนตัวนะ คิดว่าข้อสงสัยทุกๆข้อ ถ้าเราเดินทางตามธรรมของพระพุทธองค์แล้ว
ในอนาคตกาลเราๆท่านๆทุกคนผู้ที่มีความสงสัยต่างๆ ต้องหายสงสัยในข้อสงสัยนั้นๆแน่นอนจ๊ะ

เราทุกคนมีโอกาสที่จะได้รู้แจ้งข้อสงสัยในใจเรา ได้ด้วยตนเองทุกคนจ๊ะ
จะเร็วรึช้าก็ขึ้นอยู่กะตัวของเรานี่แหล่ะ จะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุด

เหมือนอย่างที่ว่า ตายแล้วไปไหน เรายังเป็นคนมีชีวิตก็เลยไม่รู้
แล้วก็ไปถามคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน ก็จะได้คำตอบต่างๆนาๆ
แต่วันใดที่เราตายแล้วเราจะหายสงสัยแน่นอนจ๊ะว่า ไปไหนกันแน่น๊า

ทุกคำตอบทุกข้อสงสัย ตัวเราเองจะให้คำตอบได้ดีที่สุดและถูกต้องที่สุด
แต่จะช้ารึเร็วอยู่ที่ตัวเราว่ามีความพยายามที่จะรู้คำตอบที่เราสงสัยนั้นมากแค่ไหนกัน
จะกี่ภพกี่ชาตินี่ก็คือข้อสงสัยอีกเช่นเคย ตัวเราเองอีกนั่นแหล่ะจะรู้ดีที่สุดด้วยการปฎิบัติของเราเอง



อนุโมทนาด้วยครับ...กระจ่างแล้วครับ.. :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อืม....

แสงสี ต่างๆ มีอยู่ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์มีอยู่

คนพิการทางตา ไม่สามารถมองเห็น จึงว่าไม่มี ....

คลื่นวิทยุมีอยู่ คลื่นไฟฟ้ามีอยู่ แม้คนตาดี ก็มองไม่เห็น

พลังงานต่าง ๆมีอยู่ ผู้สัมผัสไม่ได้ ว่าไม่มี ผู้อาจหาสิ่งตรวจสอบได้ ว่ามี

..............

ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี สิ่งนั้น ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ มีความแปรปรวน
บังคับควบคุมไม่ได้ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น และ
สุดท้าย ก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

:b53: :b53: :b53:

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะเราไม่ถือศีล เพราะเราไม่เจริญ สติปัฏฐาน ๔ เพราะเราไม่ประพฤติปฏิบัติ ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธศาสนาสอนให้ใช้เหตุผล และพิสูจน์ได้ด้วยการลงมือปฏิบัติ ด้วยตนเองถึงที่สุด..จนปรากฏผลขึ้นมาจริง..แลวสิ่งเหล่านี้จะให้คำตอบแก่ตัวเองโดยไม่ต้องสงสัยว่า จริงหรือไม่จริง?ใช่ หรือ ไม่ใช่?
โดยส่วนตัวของกระผม ไม่ลบหลู่ พิธี กรรมเหล่านี้ครับ แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะให้เชื่อ จนกว่าจะได้ลงมือปฏิบัติ พิจารณาพิสูจน์ด้วยสติสัมปชัญญะของตัวเองก่อน
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2010, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อยากทราบว่า การทรงเจ้า มีจริงหรือเปล่าครับ หรือว่าเป็นสิ่งที่จิตสมมติขึ้นเอง เหมือนจิตสั่งให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ผมสงสัยมากครับ


จริงก็มี ไม่จริงก็มีครับ..แต่ทั้งนั้นส่วนมากก็ทำไปเพื่อลาภสักการะ ไม่เป็นกุศลแต่ประการใด และเป็นทางสู่ความเสื่อมได้ง่าย

อ้างคำพูด:
ตัวผมเคย ลงทรงเหมือนกัน ควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่สติอยู่ครบ มีคนถามหวย แต่ผมตอบไม่ได้ เพราะ ตัวผมเองไม่รู้จริงๆ แต่กิริยาที่แสดงออกมาตอนนั้น กลับกลายเป็น "องค์" ที่เชื่อว่าอยู่ในตัวผม

เลยไม่ทราบครับ ว่า จริงๆ แล้ว ผมมีองค์ หรือว่า ผมเป็น โรคจิต...


ตรงนี้เรียกว่าไม่มีสติเลยครับ คนรู้ตัวและควบคุมตนได้จึงเรียกว่า"พอมีสติ"อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่สติที่ดีอะไร เพราะที่เรียกว่ามีสติจริงหมายถึงสติที่เป็นไปกับการทำพูดคิดที่เป็นกุศล..คนมีจิตหรือสติ"อ่อน"ย่อมถูกชักจูงและควบคุมโดยผู้อื่นได้ง่าย เพราะไม่มีกำลังต้านทาน..บางคนถูกสะกดจิตให้ทำกิริยาต่างๆก็มีให้เห็น หรืออนุญาตยินยอมให้สัตว์ในภูมิอื่น(ส่วนมากได้แกเปรต อสุรกาย)มาเข้าสิงก็ได้..เมื่อตนเอง"ยินยอม"ก็เท่ากับเปิดประตูรับเขาเข้ามาใช้อวัยวะร่างกายเพื่อประกอบกิจกรรมต่างๆตามใจชอบ.. เมื่อบังคับตนเองไม่ได้เพราะไม่มีสติแล้ว ก็สามารถกระทำการล่วงอกุศลกรรมบถ ทั้ง๑๐อันเป็นทางสู่ทุคตินรกอบายภูมิได้ง่าย...ก็คนที่ทำบาปโดยไม่รู้ตัวนั้น บาปหนักกว่าคนที่รู้ตัวมากนัก การขาดสตินี้ก็บาปมาชั้นหนึ่งแล้ว (เพราะทำเหตุเสียไว้มาก่อนจึงไม่มีสิคุ้มครองตน)..เมื่อทำบาปอื่นทับซ้อนก็ไม่รู้ตัวไม่มีความยับยั้งใดๆเหลือเลย จึงหนักหนายิ่งขึ้นอีก

คนส่วนมากพอเห็นสิ่งแปลกพิสดารก็เห็นเป็นสิ่งวิเศษพากันกราบไหว้สักการะด้วยหวังการได้ลาภหรือสิ่งอันตนปรารถนา มีการใบ้หวยหรือทายอนาคตฯลฯเป็นต้น........การเข้าร่วมกิจกรรมทรงเจ้านี้ เป็นเรื่องเสียหายแก่ตนและคนอื่น เพราะเป็นการทำตนเเละคนอื่นให้ตกจากที่พึ่งอันพึงมีพึงได้คือพระรัตนตรัย แต่เข้าถึงการเชื่อถือเจ้าหรือผี ...เป็นผู้เข้าถึงความมีมิจฉาทิฏฐิเพราะเข้าใจว่าตนจะได้สิ่งใดมาไม่ได้เกิดจากกรรมแต่ได้เพราะอำนาจเจ้าหรือองค์ที่เขามาบูชาสักการะ..ทำให้เข้าสู่ความหลงมืดบอดด้วยโมหะเพราะไม่เกิดปัญญารู้เหตุผลของธรรมชาติตามจริง เมื่อเสพส้องจนคุ้นชินย่อมเข้าถึงการสั่งสมนิสัยให้แก่กล้าพร้อมที่จะเข้าร่วมหรือดำเนินกิจกรรมเข้าทรง จนถึงกับตั้งสำนักเองก็ได้ เรียกว่าทำได้เองไม่ต้องให้ใครกระตุ้นชักชวน..บาปกรรมย่อมหนักขึ้นตามอำนาจเจตนานั้น...

อย่าว่าแต่ในภพนี้เลย แม้ในภพหน้าต่อๆไป เมื่อได้ปัจจัยพร้อมก็จะเข้าทรง ดังเช่นพวกพ่อมดหมอผีประจำชนเ่ผ่าในทวีปต่างๆอย่างที่เห็นทั่วโลกนั่นแหละ ทราบหรือไม่ว่า พวกเขาก็เคยทำเหตุอะไรมา? ก็ทำอย่างที่ท่านผู้ถามถามมานี่แหละครับ ไม่ได้เกิดมาปุ๊บเป็นปั๊บหรอก นี่แหละคืออำนาจการสั่งสม ความชำนาญ ที่มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบและวิเคราะห์ได้ จึงนำความรู้ของพระองค์มา บอกกันเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม... :b41:

อ้างคำพูด:
และถ้าผมมีองค์จริงๆ...อยากทราบว่า เพราะอะไรผมถึงมีองค์ครับ...ทั้งๆที่ ร่างกายของผมไม่ได้สะอาดเลย...


จึงควรทราบว่า สิ่งที่มาเข้าบังคับตนนั้นหาใช่เทวดาไม่ ถ้าจะเป็นได้ก็พวกอมนุษย์คือเปรต อสุรกายเท่านั้น....เหล่าเทวดาท่านมีบุญกุศลเป็นเสบียงเลี้ยงตน มีปัจจัยทิพย์อันแสนวิจิตร ท่านไปเกิดด้วยศีลอันงามของท่าน ท่านไม่มีกิจดิ้นรนอันใด ที่จะต้องมาเกลือกกลั้วด้วยการสิงร่างเน่าเหม็นของมนุษย์หรอกครับ โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่มีศีล..ท่านไม่จำต้องมานั่งบอกหวยทายอนาคตชะตาใคร เพราะท่านมีสิ่งวิเศษเพื่อเสพสุขอันประณีตในภพของท่านแล้วโดยบริบูรณ์... :b41: :b41: เอาง่ายๆว่า ถ้าใครมาเชิญให้คุณผู้ร่ำรวยมหาศาล อาศัยบนปราสาท๗ชั้น อบร่ำด้วยกลิ่นดอกไม้สวรรค์ ไปนั่งในสลัมที่รายล้อมด้วยขยะเพียง ๑๐นาที จะไปใหมครับ ..? คงคิดหนักทีเดียวเชียวละครับ.. :b5: :b7: :b1:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 07 พ.ค. 2010, 13:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2010, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ได้เห็นพิธีกรรมนี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะคุณยายเป็นคนทรงเจ้า แต่คุณยายจะเข้าทรงเฉพาะวันไหว้ครู ที่บ้านคุณยายจะมีศาลปู่ที่คุณยายทรงตั้งอยู่ คุณยายเล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนท่านเคยไม่สบายมากหมอไม่สามารถรักษาให้หายได้ มีคนแก่มาเข้าฝัีนให้รับองค์แล้วคุณยายจะหาย ตื่นเช้ามาคุณยายก็ทำพิธีรับองค์หลังจากนั้นคุณยายก็ไม่เคยป่วยอีกเลย หลังจากรับองค์แล้วแต่ก่อนคุณยายไม่เคยทำบายศรีแต่สามารถทำได้และมีความสวยงามจนทุกวันนี้เวลาที่วัดมีงานคุณยายก็จะมีหน้าที่ทำบายศรี แล้วคุณยายจะนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล กินเจ เข้าวัดทำบุญตลอด วันพระหรือช่วงเข้าพรรษาก็จะนอนอยู่ที่วัด ตัวเองตั้่งแต่โตมาจะเห็นภาพคุณยายนุ่งขาว ห่มขาวเป็นประจำ :b16:

แต่อันนี้ก็เป็นความเชื่อของแต่ละคนนะคะ แต่เท่าที่ทราบมาหลวงพ่อท่านเคยเทศน์ให้ฟังว่า จริงไม่จริงอยู่ที่ใจเรา ถ้าเรารับเข้ามาเราเชื่อก็เป็นเรื่องจริง ถ้าเราไม่เชื่อเราไม่รับก็ไม่ใช่เรื่องจริง
:b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูนัดคงเชื่อว่าที่คุณยายหายป่วยเพราะอำนาจของ"องค์"ที่คุณยายรับกระมัง หากเป็นเช่นนั้น "องค์"คงเก่งกว่ากรรมแน่เลย เพราะสามารถบันดาลอะไรๆได้.. ไม่ทราบว่าหนูนัดเชื่อเช่นนั้นหรือเปล่าครับ.. หากเชื่อเช่นนั้นก็อันตรายแล้วครับ..:b1: :b20: ..
-------------------------------------------------------------------------------------------


สำหรับธารณะชน: พึงทราบว่าหากไม่มี"กรรมดี"มาก่อนแล้ว ที่คนจะไม่ป่วยหรือหายป่วยด้วยอำนาจลึกลับอื่นใดก็ไม่ใช่ฐานะที่จะเป็นได้..หากใครสามารถเสกเป่าบันดาลอะไรได้จริง พระพุทธเจ้า แม้เมื่อทรงประชวรด้วยโรคภัย ย่อมทรงสามารถปัดเป่าด้วยอำนาจคุณวิเศษของพระองค์ ซึ่งวิเศษพิสดารเหนือกว่าสรรพสัตว์ทั้งปวงได้เองแล้ว ...แต่เท่าที่พบในพระไตรปิฎก.. พระองค์ยังทรงต้องเผชิญทุกข์ด้วยโรคาพาธมีอาการปวดพระเศียรบ้าง ปวดพระปฤษฎางค์(หลังบ้าง)ฯลฯ ..

การเชื่อมั่นในสิ่งอื่นที่มีความวิเศษนอกเหนือจากพระรัตนตรัยนั้น ย่อมไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษมปลอดภัย... มีแต่จะไหลเรื่อยไปสู่คลองของมิจฉาทิฏฐิ นอกจากจะเป็นผู้ตกจากพระรัตนตรัยเพราะถือผีบูชาเจ้าอื่นๆแทนแล้วยังไม่มี"กัมมสกตาทิฏฐิ"ในขณะที่เข้าเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเข้าทรง ไม่อาจพึ่งตนเองได้เพราะเข้าใจว่ามีตัวตนภายนอกที่เรียกว่า"องค์"เป็นที่พึ่ง...บุคคลที่สั่งสมอุปนิสัยในเรื่องนี้มาแล้ว ย่อมเข้าถึงกิจกรรมนี้ได้อย่างง่ายดาย..โดยไม่ต้องมีใครกระตุ้นชักชวน..เมื่อกระทำบ่อยจนชำนาญเรียกว่าเป็นอาจิณกรรม ย่อมมีกำลังนำไปเกิดได้ในภพใหม่ได้..ก็เพราะทำเหตุคือการชักนำใครๆให้ตกไปจากพระรัตนตรัย และสัมมาทิฏฐิแล้ว ผลที่ได้คือการเข้าถึงลัทธิเชื่อเจ้าหรือผี ไม่อาจรู้จักสัมมาทิฏฐิได้เลย เรียกว่า เป็นภัยใหญ่เสียหายแก่ตนเองแล้วในสังสารวัฏ ..

ผู้ที่มีพระรันตรัยเป็นที่พึ่งมั่นคง ย่อมไม่นับถือหรือบูชาสิ่งอื่นใดอีก...ย่อมไม่เวียนไปเพื่อแหงนหน้าหาศาสดาใหม่ๆไปเรื่อยจนออกจากสังสารวัฏไม่ได้..บุคคลเหล่านี้ มีตั้งแต่พระโสดาบันบุคคลเป็นต้นไป ปุถุชนทั้งหลายนั้นแม้จะมั่นคงในพระรัตนตรัยในปัจจุบัน ก็ยังไม่แน่นอนว่าจะได้เกิดมาพบสิ่งวิเศษคือพระพุทธศาสนาในภพต่อไป จึงพึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมเสี่ยงเช่นนี้เสีย..

:b46: :b47: :b48: :b49: :b50:

ขอบุญกุศลใดที่พึงมีในการแสดงความเห็นนี้แก่ธารณชน พึงเป็นปัจจัยแก่การเข้าถึงความมีสัมมาทิฏฐิ ความมีศรัทธามั่นคงไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัย และความมีปัญญาเพื่อความพ้นทุกข์ตามคำสอนที่ถูกต้องของพระพุทธเจ้า แก่ข้าพเจ้าแลผู้ร่วมทุกข์ทั้งหลายตลอดไปจนกว่าจะได้บรรลุถึงพระนิพพานเทอญ

:b44: :b51: :b53: :b51: :b44:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
หนูนัดคงเชื่อว่าที่คุณยายหายป่วยเพราะอำนาจของ"องค์"ที่คุณยายรับกระมัง หากเป็นเช่นนั้น "องค์"คงเก่งกว่ากรรมแน่เลย เพราะสามารถบันดาลอะไรๆได้.. ไม่ทราบว่าหนูนัดเชื่อเช่นนั้นหรือเปล่าครับ.. หากเชื่อเช่นนั้นก็อันตรายแล้วครับ..:b1: :b20: ..



ส่วนตัวแล้วไม่ได้เชื่อเช่นนั้นหรอกค่ะ แต่คิดว่าคุณยายท่านเชื่อ ก็เลยมีกำลังใจโรคภัยต่างๆ ก็หายไป เพราะสุดท้ายแล้วทุกวันนี้เนื่องจากคุณยายอยู่กับควันธูปมาโดยตลอดตั้งแต่วัยสาวตอนที่รับองค์แล้ว จนทุกวันนี้อายุ 80 คุณยายจุดธูปกำใหญ่ไหว้มาโดยตลอดทุกวันมิได้ขาด ตอนนี้ท่านก็ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย แต่เนื่องจากท่านเป็นคนกินเจ หรือไม่ก็มังสวิรัติ และทานยาสมุนไพรอาการของโรคก็เลยไม่กำเริบขึ้น :b16:

แต่ถ้าถามว่าเชื่อไหมว่าคนทรงเจ้ามีจริงไหม อันจะตอบว่าเชื่อว่ามีจริง แต่จะจริงหรือไม่จริงนั้นมันก็อยู่ที่ีใจของแต่ละคน ถ้าเราคิดว่าจริงมันก็มีอยู่จริง แต่ถ้าเราคิดว่าไม่จริงมันก็ไม่มีอยู่ :b1:

หลวงพ่อจรัญท่านเคยเทศน์ให้ฟังว่าเขมรรบกับฝรั่งเศสแล้วปล่อยของแต่ฝรั่งเศสไม่เป็นไรเพราะไม่เชื่อ สุดท้ายเขมรก็แพ้ฝรั่งเศส แต่ถ้าเป็นคนชาติอื่นที่เชื่อเรื่องนี้พอโดนเข้าไปมันก็จะให้ผล ท่านจึงบอกว่าทุกอย่างอยู่ที่ใจ ใจเป็นใหญ่ใจเป็นประธาน :b48: :b48:

ขออนุโมทนา กับข้อความดีดีของคุณ dd นะคะ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b20:
...31 ภพภูมิมองด้วยตาเนื้อได้ 2ภพภูมิคือมนุษย์และสัตว์ดิรัจฉาน...
...ผู้มีหูแก้วตาทิพย์ก็มีอยู่...ท่านเหล่านั้นมองเห็นในภพภูมิอื่นได้ก็มีอยู่จริง...
...การเข้าทรงก็มีอยู่จริง...แต่จะเป็นเทพเจ้าเหล่าใดก็ขึ้นกับบารมีที่ได้สั่งสมมา...
...ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์...ไม่ใช่เชื่อแบบเลื่อนลอย...ไม่มีเหตุผลสมควร...
...สนใจอยากพิสูจน์เรื่องนี้เชิญที่ตำหนักปู่อัมรินทร์อินทราธิราช...(แม่รำไพ 089-5759212)
...ปู่ให้หวยแม่นมากๆมีคนถูกเป็นล้านอ่ะนะ...แต่งขันดูดวงค่าพิสูจน์แค่ 50 บาท แม่นดุจตาเห็น...
:b9: :b32:
:b11: :b11: :b11: :b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2010, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ใดพัฒนาจิต (สมถภาวนา) จนเข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิระดับฌานได้ เมื่อถอยจิตออกจากความทรงฌาน ผู้นั้นสามารถรู้ความเป็นไปของชีวิตบุคคลผู้เป็นปุถุชนได้ หรือผู้ใดยินยอมให้จิตวิญญาณอื่น มาใช้ร่างกายของตนกระทำกรรม (เข้าทรง) จิตวิญญาณที่มาอาศัยร่างทรง ย่อมรู้ความเป็นไปของชีวิตบุคคลผู้เป็นปุถุชนได้ โดยใช้ร่างนั้นสื่อให้รู้ด้วยการแสดงออกทางวาจาได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร