วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 15:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

กรรมแห่งความริษยา

ความริษยาเกิดจากการขาดมุทิตา (ที่มีลักษณะคือความชื่นชม) หมายความว่า พลอยยินดีในความสุขหรือความสำเร็จของผู้อื่น มุทิตานี้ทำได้ยากกว่ากรุณา บางคนมีเมตตาปรารถนาดี มีความกรุณาสงสาร แต่เจริญมุทิตาไม่ได้ เพราะเราทุกคนมีอนุสัยกิเลสคือความริษยานอนเนืองอยู่ในกระแสจิต น้อยคนนักที่จะกำจัดความริษยานั้นได้

จะต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ จึงจะบรรเทาลงได้ การฝึกฝนนั้นก็ต้องประกอบด้วยโยนิโสมนสิการ คือทำความเข้าใจด้วยเหตุผลว่าความริษยาไม่ก่อให้เกิดคุณใดๆ ผู้มีความริษยานั้นจะได้รับผลคือขาดบริวาร แต่ผู้ที่เจริญมุทิตาโดยกำจัดความริษยาได้ย่อมจะได้รับอานิสงส์คือ มีบริวารห้อมล้อม มีมิตรสหายห้อมล้อม ความริษยานั้นก่อให้เกิดโทษในปัจจุบันและภพต่อไป ไม่ว่าเกิดกับผู้ใดก็ทำให้ผู้นั้นตกต่ำไปตลอด

ยกตัวอย่างกรรมแห่งความริษยาจากพระไตรปิฎก

มีเรื่องเล่าว่าในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์รูปหนึ่งนามว่า “โลสกติสสะ” ตอนท่านถือปฏิสนธิในครรภ์มารดา บิดามารดาก็ได้รับทุกข์แสนสาหัส บ้านของท่านเกิดไฟไหม้จนสิ้นเนื้อประดาตัว แต่พวกท่านก็อดทนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่รู้ความ เมื่อเดินไปไหนมาไหนได้ก็ถูกทอดทิ้งเป็นขอทานอยู่ข้างถนน

วันหนึ่งพระสารีบุตรเถระ เห็นเข้าก็สงสาร พระสารีบุตรได้หยั่งรู้ว่าเด็กคนนี้เคยสั่งสมบารมีธรรมมาในชาติปางก่อน จึงได้นำตัวมาวัดแล้วให้บวชเป็นสามเณร ต่อมาท่านอุปสมบทเป็นพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ ภายหลังเจริญวิปัสสนากรรมฐานแล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์

ตั้งแต่ท่านเกิดมาจนกระทั่งบรรลุอรหัตผล ไม่เคยกินอิ่มแม้สักวันหนึ่งเลย ทั้งนี้เพราะเวลาที่ท่านบิณฑบาตอยู่ เมื่อคนใส่บาตรท่านแล้วอาหารหายไปเองก็มี หรือแม้จะมีอาหารอยู่พียงเล็กน้อยแต่คนอื่นกลับเห็นอาหารอยู่เต็มบาตรเลยไม่ถวายอีกก็มี ซึ่งอกุศลกรรมนี้เป็นผลของความริษยา

เรื่องราวในอดีตชาติของพระภิกษุชื่อโลสกติสสะ มีว่า สมัยหนึ่งเมื่อพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก พระโลสกติสสะนี้เคยบวชเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ท่านเป็นภิกษุผู้ทรงศีล วันหนึ่งพบพระเถระรูปหนึ่งที่เป็นพระอรหันต์เดินทางมาจากแดนไกล พระโลสกติสสะไม่ทราบว่าพระรูปนี้สำเร็จสมณกิจแล้ว ท่านเกรงว่าโยมอุปฏฐากจะเลื่อมใสพระอาคันตุกะรูปใหม่ ด้วยความริษยาจึงแกล้งทำให้พระอาคันตุกะนั้นอดอาหารหนึ่งมื้อ ผลกรรมนี้ส่งผลให้ท่านตกนรกเป็นเวลานาน แล้วมาเกิดเป็นคนที่ไม่เคยกินอิ่มเลย

เมื่อท่านใกล้นิพพาน พระสารีบุตรหยั่งรู้ว่าท่านจะนิพพานในวันนั้น จึงใช้คนนำอาหารไปให้ท่าน เพื่อจะได้ฉันอาหารอิ่มก่อนนิพพาน แต่ด้วยผลกรรมเก่าทำให้คนนำอาหารลืมเสียแล้วเททิ้ง ต่อมาพระสารีบุตรนึกขึ้นได้ให้คนไปถามว่าฉันอาหารหรือยัง ท่านตอบว่าวันนี้ไม่ได้ฉันอะไร พระสารีบุตรจึงนำยาจตุมธุไปให้ท่านฉัน โดยพระสารีบุตรได้จับบาตรไว้ตลอดเวลาที่ท่านฉันอยู่ หากไม่จับไว้ยาจตุมธุอาจหายไปจากบาตรด้วยผลกรรม พระโลสกติสสะฉันอิ่มวันนั้นเพียงวันเดียวแล้วปรินิพพานในวันนั้นเอง

จะเห็นว่าผลของความริษยานั้นส่งผลในปัจจุบันและอนาคต สามารถติดตามให้ผลจนถึงช่วงเวลาที่จะนิพพานอีกด้วย และที่ผลของความริษยาที่เกิดขึ้นกับพระโลสกติสสะอย่างรุนแรง ทำให้ถึงกับตกนรกและมีผลมาจนถึงวันแห่งปรินิพพานนั้น เพราะท่านทำกรรมที่เกิดจากความริษยากับพระอรหันต์นั่นเอง

การทำกรรมไม่ดีกับผู้มีศีล ผู้มีบุญ ผู้มีคุณ ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์จึงเป็นบาปมากกว่าผู้ทุศีล ผู้ไม่มีบุญ ผู้ไม่มีคุณ แต่จะทำกรรมไม่ดีกับใครก็ตามเป็นบาปทั้งหมดจะบาปมากบาปน้อยก็แล้วแต่มีเจตนาหรือไม่มีเจตนา จะทำกับผู้มีคุณสูงหรือทำกับผู้ไม่มีคุณสูง ผลแห่งกรรมจะได้รับแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัยนั่นเอง


>>>>> จบ >>>>>




.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องอนุโมทนา ด้วยจิตยินดี ไม่ริษยา สาธุ :b8:

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ต.ค. 2008, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b20:

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ต.ค. 2008, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2008, 07:43
โพสต์: 567

ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขออนุโมทนา เจ้าคะ ที่ให้ความรู้
ความเข้าใจถึง กรรมแห่งความริษยา
onion

.....................................................
!!@ ธรรมะไม่กลับมา โลกาจะวินาศ มวลมนุยษ์จะลำบาก คนบาปจะครองเมื่อง @!! คำของท่านพุทธทาส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 10:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ย. 2008, 11:39
โพสต์: 316

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b42: :b42: ขออนุโมทนาสาธุ คับ :b8: :b8: :b8: เป็นสาระประโยชน์มากคับ :b20: :b20: :b20: :b35: :b35: :b35:

.....................................................
คิดดี พูดดี ทำดี มองเเต่ดีเถิด...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2008, 16:29 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2008, 17:29
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2011, 12:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2011, 11:47
โพสต์: 50


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2011, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าสงสารจังครับ :b2: :b20: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 12:36
โพสต์: 91

สิ่งที่ชื่นชอบ: หนังสือธรรมะทุกเล่ม
ชื่อเล่น: ก้อย
อายุ: 28
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเป็นคนหนึ่ง ที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมะมาตลอด แต่ช่วง1-2 ที่ผ่านมาไม่ได้ไปบวชชีที่วัดเลย เนื่องจากติดภาระกิจมากมาย แต่ก็ทำบุญด้านอื่นอยู่เป็นประจำ ณ ตอนนี้ ดิฉันกำลังตั้งครรภ์แก่ๆ ใกล้คลอดแล้ว ผู้ใหญ่ที่ทำงานเขาก็เมตตาให้ทำงานน้อยลงกว่าคนอื่น แต่เพื่อนๆรอบข้างมักอิจฉาเป็นประจำ แต่ดิฉันก็ไม่สนใจ อโหสิกรรมให้พวกเขา แต่ตอนนี้มีปัญหากับที่ทำงานเยอะ ดิฉันเป็นคนกลาง แฟนดิฉันเป็นคนใจร้อนมาก แฟนดิฉันไปหาเรื่องเพื่อนที่ทำงานดิฉัน ดิฉันก็ผิดเอง มีอะไรก็ระบายให้เขาฟัง เนื่องจากไม่รู้จะปรึกษาใคร ดิฉันผิดเอง และตอนนี้ก็สำนึกแล้ว ดิฉันหยุดแฟน และหยุดความคิดตัวเองแล้ว แต่พวกเขาไม่หยุดยิ่งมากขึ้นๆ ทำร้ายจิตใจดิฉันมากขึ้น ทั้งที่รู้ว่าดิฉันใกล้จะคลอดลูก พวกเขาก็ไม่เว้น เหน็บแนมกันทุกวัน ดิฉันจะลาคลอดช่วงนี้ก็ไม่ได้ เพราะมีภาระต้องใช้เงิน จึงต้องอดทนทำงานต่อไป แบบนี้ถ้าพวกเขายังไม่หยุด ดิฉันอยากรู้ว่าพวกเขาจะได้รับผลกรรมอย่างไรหรือไม่ แต่ดิฉันไม่ได้อาฆาตพวกเขานะค่ะ แค่อยากรู้ว่าพวกเขาจะสำนึกบ้างหรือไม่เท่านั้นเอง ตอนนี้ดิฉันก็ได้แต่ภาวนา และทำบุญให้มากขึ้นค่ะ เจ้ากรรมนายเวรจะได้หมดไป ก่อนหน้านี้ดิฉันดีกับพวกเขาสารพัส แต่ผลดีเยอะแยะนั้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความผิดพลาดแค่เพียง 1 ครั้งทำให้ทุกคนมองดิฉันเป็นคนเลวในสายตาพวกเขาไปเลย รบกวนขอความคิดเห็นทุกท่านด้วยนะค่ะ ว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรดีค่ะ

ขอขอบพระคุณมากค่ะ

.....................................................
"ใช้ใจมองคน" แล้วคุณจะรู้ว่า คนๆนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 12:36
โพสต์: 91

สิ่งที่ชื่นชอบ: หนังสือธรรมะทุกเล่ม
ชื่อเล่น: ก้อย
อายุ: 28
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ใช้ใจมองคน" แล้วคุณจะรู้ว่า คนๆนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเห็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2011, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มี.ค. 2011, 09:14
โพสต์: 10


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2011, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:18
โพสต์: 105

สิ่งที่ชื่นชอบ: การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus199.jpg
Lotus199.jpg [ 2.17 KiB | เปิดดู 8229 ครั้ง ]
ความริษยา : โรคร้ายที่กลืนกินความดี

ความริษยาหมายถึงความต้องการให้ใครคนใดคนหนึ่งถูกทำลายหรือไม่ต้องการให้คนอื่นได้ดีและถ้าหากตัวเองสามารถทำได้ คนริษยาก็จะลงมือทำลายคนที่ตนเองอิจฉา ความรู้สึกเช่นนี้แตกต่างไปจากความอิจฉาซึ่งหมายถึงต้องการให้ตัวเองได้ดีในขณะเดียวกันก็ต้องการให้คนอื่นได้ดีด้วย ความรู้สึกอิจฉาอย่างหลังนี้เป็นเรื่องดีเพราะมันนำไปสู่การแข่งขัน การแข่งขันไม่ใช่สิ่งที่น่าตำหนิ หากแต่เป็นเรื่องน่ายกย่องเสียด้วยซ้ำถ้าหากมันเป็นการแข่งขันไปสู่ความดี อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า : ?แน่นอน คนมีคุณธรรมจะได้อยู่ในความสุข พวกเขาจะนั่งอยู่บนเตียงสูงแล้วมองลงมาโดยรอบ สูเจ้าจะได้เห็นร่องรอยแห่งความสุขสำราญปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา พวกเขาจะได้ดื่มเหล้าองุ่นที่คัดเลือกมาอย่างดีและถูกปิดผนึกไว้โดยผนึกของมันทำด้วยชะมดเชียง บรรดาผู้ที่อยากจะทำดีให้เหนือกว่าคนอื่นก็ให้เขาพยายามแข่งขันในเรื่องนี้เถิด? (กุรอาน 83:26)

อัลลอฮฺทรงกล่าวไว้ถึงเรื่องความริษยาของผู้ปฏิเสธศรัทธา ผู้ตลบตะแลงและผู้คนโดยทั่วไป เมื่อพูดถึงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา อัลลอฮฺทรงกล่าวว่า : ?ส่วนมากของชาวคัมภีร์ต้องการที่จะหันสูเจ้ากลับมายังการปฏิเสธหลังจากการศรัทธาของสูเจ้า ทั้งนี้เนื่องด้วยความริษยาของพวกเขาหลังจากที่สัจธรรมได้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเขาแล้ว......? (กุรอาน 2:109)

นอกจากนี้ อัลลอฮฺยังทรงกล่าวอีกว่า :?หรือพวกเขาริษยาคนที่อัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา??(กุรอาน 4:54)

ความริษยาเป็นโรคร้ายของหัวใจที่นำไปสู่การกระทำที่เสียหายและพฤติกรรมที่ชั่วร้าย มันนำไปสู่ความเกลียดชัง การมีเจตนาร้ายต่อคนอื่น การใสร้าย การโกหกและอื่นๆ มันอาจทำให้คนที่ริษยาทำร้ายคนที่เขาริษยาและสามารถนำไปสู่การกระทำฆาตกรรมได้ ความริษยาถูกถือว่าเป็นโรคร้ายที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งของจิตใจและเป็นอันตรายที่สุดต่อศาสนาและชีวิตทางโลกของคนผู้นั้น

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า : ?จงอย่าริษยากันและกัน จงอย่าเกลียดชังกันและกัน จงอย่าหันหลังให้กันและกัน แต่จงเป็นบ่าวของอัลลอฮฺเหมือนพี่น้องกัน? (บุคอรีและมุสลิม)

อัลลอฮฺได้สั่งให้ผู้ศรัทธาขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากความชั่วของคนที่ริษยาและความชั่วโดยทั่วไปด้วย (ดูกุรอาน 113:5)

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวไว้อีกว่า ?แท้จริง ความริษยานั้นกินความดีเหมือนกับไฟที่กินฟืน? (อะหมัด)
ในคัมภีร์กุรอานมีเรื่องราวหลายตอนที่กล่าวถึงอันตรายและความชั่วร้ายของการริษยา เมื่อเราอ่านเรื่องราวของนบียูซุฟกับพี่ๆของท่าน เราจะเห็นได้ทันทีถึงอันตรายของความริษยาว่ามันทำให้คนตาบอดได้อย่างไร มันทำให้หัวใจของคนหมดความเมตตาปรานีอย่างไรและมันทำให้คนริษยาสร้างความเจ็บปวดแก่คนที่ถูกริษยาได้อย่างไร คัมภีร์กุรอานเล่าให้เราได้ทราบว่า : เมื่อพวกพี่ๆของเขากล่าวซึ่งกันและกันว่า ?ยูซุฟและน้องชายของเขาเป็นที่รักของพ่อมากกว่าพวกเราทั้งๆที่เรารักใคร่กลมเกลียวกันก็ตาม แน่นอนเลยว่าพ่อของเราคงจะมีจิตใจเอนเอียงแน่ๆ ดังนั้นพวกเราจงฆ่ายูซุฟเสียหรือไม่ก็เอาเขาไปโยนทิ้งเสียที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อที่พ่อของเจ้าจะได้หันมาให้ความสนใจพวกเราอย่างเดียว หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะกลายเป็นคนดี? (กุรอาน 12:8-9)

อีกเรื่องหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของความริษยาก็คือเรื่องราวของกอบีลและฮาบีลสองพี่น้องลูกชายของอาดัม
คัมภีร์กุรอานเล่าให้เราได้ทราบว่ากอบีลได้ฆ่าฮาบีลอย่างเหี้ยมโหดเพราะความริษยา ทั้งนี้เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรับการพลีถวายของฮาบีล แต่ไม่ทรงรับของกอบีล (กุรอาน 5:27-28,30)

ความริษยาที่น่าประณามก็คือความไม่ต้องการให้ผู้ถูกริษยาได้ดี ดังนั้น เมื่อใครเกลียดชังสิ่งใด เขาก็จะเจ็บปวดและเป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้น ความรู้สึกเช่นนี้จะกลายเป็นโรคร้ายในหัวใจของเขาถึงขนาดที่ว่าเขาจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเขาเห็นคนที่เขาริษยาไม่ได้รับความดี ถึงแม้ว่าเขาเองจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆก็ตามนอกจากความสบายใจที่เห็นคนอื่นไม่ได้ดี

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดก็ไมได้หมดไปจากคนริษยาเพราะเขาจะต้องคอยเฝ้าติดตามคนที่เขาริษยาอยู่ตลอดเวลาเพื่อความสบายใจที่จะได้เห็นคนที่เขาริษยาไมได้รับสิ่งดีงามและบางทีเขาอาจจะต้องเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกับคนที่ป่วยทางร่างกายเมื่อคนที่เขาริษยาได้รับความดีงามมากขึ้น

ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวว่า : ?ฉันขอสาบานด้วยพระองค์ผู้ทรงกำชีวิตของฉันไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ว่าพวกท่านจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าเขาจะรักเพื่อพี่น้องของเขาเช่นเดียวกับที่เขารักเพื่อตัวของเขาเอง? (บุคอรีและมุสลิม)

นอกจากนี้แล้ว ท่านรอซูลุลลอฮฺยังได้กล่าวว่า : ?ไม่มีการอิจฉาใครนอกไปจากสองกรณี นั่นคือ คนที่อัลลอฮฺได้ประทานวิทยปัญญาแก่เขาและเขาปกครองโดยสิ่งที่เขาได้รับและสอนมันแก่ผู้คน และคนที่อัลลอฮฺได้ประทานความมั่งคั่งและทรัพย์สินให้พร้อมกับอำนาจที่จะใช้จ่ายมันในหนทางแห่งสัจธรรม? (บุคอรีและมุสลิม)

อิบนุอุมัรฺได้กล่าวเพิ่มเติมคำพูดข้างต้นอีกว่า ?และคนที่อัลลอฮฺให้กุรอานและผู้ที่อ่านมันทั้งกลางคืนและกลางวัน และคนที่อัลลอฮฺได้ประทานความมั่งคั่งและทรัพย์สินที่เขานำไปบริจาคเป็นทานทั้งกลางคืนและกลางวัน?
ความริษยาอาจเกิดขึ้นเพราะความเกลียดชัง ความทะนงตน ความหลงใหลตัวเอง ความอยากเป็นผู้นำและความสกปรกของจิตใจ ในบรรดาสาเหตุเหล่านี้ ความเกลียดชังเป็นสาเหตุที่อันตรายที่สุด เพราะมันนำไปสู่ความอาฆาตมาดร้ายซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คนกระหายที่จะแก้แค้นและทำให้เขามองดูความหายนะของศัตรูหรือผู้ที่เขาริษยาด้วยความสุข
อิมามฆอซาลีได้กล่าไว้ในหนังสือ ?อัลอิฮฺยา? ที่มีชื่อเสียงว่า : ?จงระวังไว้ให้ดีว่าความอิจฉาริษยาเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่งของหัวใจและไม่มียารักษาสำหรับโรคของหัวใจนอกไปจากความรู้และการปฏิบัติ

ความรู้ที่จะรักษาโรคอิจฉาริษยาก็คือการรู้ว่าความอิจฉาเป็นพิษภัยร้ายแรงสำหรับชีวิตโลกนี้ของค เช่นเดียวกับศาสนาของเขาและการรู้ว่าผู้ถูกอิจฉาริษยานั้นจะไม่ได้รับอันตรายเกี่ยวกับชีวิตของเขาหรือศาสนาของเขา ในทางตรงกันข้าม ผู้ถูกอิจฉาริษยาจะได้รับประโยชน์จากมัน การที่ความอิจฉาริษยาเป็นอันตรายสำหรับศาสนาของผู้ที่อิจฉาริษยาก็เพราะความอิจฉาริษยานี้เองที่ทำให้เขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดไว้และความดีงามที่พระองค์ได้ทรงจัดแบ่งไว้ให้แก่บ่าวของพระองค์ นอกจากนี้แล้ว เขายังเกลียดชังความยุติธรรมของพระองค์ที่ได้ทรงสร้างไว้ในโลก ดังนั้น ผู้อิจฉาริษยาจึงต่อสู้และต่อต้านมันซึ่งเป็นการขัดกับความเชื่อในเอกภาพของอัลลอฮฺ นอกจากนี้แล้ว ผู้อิจฉาริษยาก็จะมีส่วนร่วมกับชัยฏอนและบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในการที่จะให้ความวิกฤตเกิดขึ้นแก่ผู้ศรัทธาและให้ความดีงามหมดสิ้นไปจากพวกเขา

สิ่งเหล่านี้คือความอิจฉาริษยาในหัวใจที่กลืนกินความดีและลบล้างมันเหมือนกับกลางคืนเข้ามาลบกลางวัน
คนที่เป็นทุกข์จากความอิจฉาริษยาในชีวิตจะเจ็บปวดเพราะความอิจฉาริษยาและเขาจะเศร้าโศกเสียใจทุกครั้งที่เขาเห็นคนที่เขาอิจฉาริษยาได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ?

บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน

.....................................................
“การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง”

เราต่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา...เพราะพระพุทธศาสนาจริง ๆ
ดีได้เพียงนี้ ไม่ดีน้อยกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
ร้ายเพียงเท่านี้ ไม่ร้ายไปกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
เราจะไม่เป็นเช่นนี้
“ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี”
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2011, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว




กุหลาบขาว.jpg
กุหลาบขาว.jpg [ 29.81 KiB | เปิดดู 8221 ครั้ง ]
tongue :b8: :b8: :b8: :b20: tongue

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร