วันเวลาปัจจุบัน 08 พ.ค. 2024, 16:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2012, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนถามท่านผู้รู้ช่วยไขให้ด้วยค่ะ

อยากทราบว่า จะพูดหรือทำอย่างไรดีกับคนที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวผิด แต่ยังมองเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ยังดื้อดึง ดื้อเงียบ ตะแบงและแกล้งนิ่งเฉย ฝืนทำต่อไป โดยไม่แคร์คนรอบข้างและสังคม

คนเช่นนี้เป็นคนขวางโลก นึกว่าข้าแน่ ข้าเจ๋ง ประมาณนั้นรึป่าวคะ จะมีกฎแห่งกรรมข้อใดพอจะเปรียบเทียบเวรกรรมของคนเช่นนี้ได้บ้างคะ

ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2012, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 03:39
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Before trying to find explanation of other people 's faults, focus on your own faults.

I, myself, am doing it everyday.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2012, 01:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โค้ด:
Before trying to find explanation of other people 's faults, focus on your own faults.

I, myself, am doing it everyday.


ความมืดมนล้วนพยายามหาแสงสว่าง คำถามแม้ไม่ถูกที่ไม่ถูกใจ
แต่คำตอบและคำแนะนำที่ดีเพียงน้อยนิดจากการพยายามทำความเข้าใจ
ย่อมนำพาแสงสว่างแก่ผู้ถามและยังประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2012, 00:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่เดินไม่เคยก้มมองพื้นดิน ย่อมจะพบกับ ก้อนอิฐ ก้อนหิน หนาม เศษแก้ว หลุมลึก มากด้วย ฉันนั้น

อยู่อย่างไม่รู้จัก บาปบุญคุณโทษ วิบากต่างๆจะมาถึงเขาเอง ตามเหตุปัจจัยนั้นมาถึง หากยังไม่ตื่นมากมหน้ามองพื้นดิน วิบากนั้นก็ยิ่ง หนักตามเหตุปัจจัย ที่เขา กระทำเอง

เราอย่าเอาเขา มาทุกข์ร้อน เป็นพอ

ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2012, 21:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ย. 2005, 17:32
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


พิจารณาด้วยพรหมวิหาร 4 พยามบอก พยามสอน พยามเตือน หากทำได้ ก็สาธุเป็นกุศลทั้งเราและเขารวมไปถึงบุคคลรอบข้าง สุดท้ายถ้าไม่สามารถทำประการใดได้ก็ต้องยึดอุเบกขาครับ ส่วนตัวเราเองก็หันกลับมาดูจิตของตัวเองด้วยครับ ว่าเมื่อประสบเหตุการณ์นั้นๆแล้วจิตมันส่งอาการเช่นไร ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือถึงขั้นเกิดโทสะ ให้ลองมองดูว่าอาการแห่งจิตนั้นเป็นเช่นไร แล้วดับมันได้ไหม ขอบคุณเขาที่ทำให้เราได้มีโอกาสเห็นจิตของตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2012, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2010, 13:04
โพสต์: 33

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีหลายแบบนะครับ ลองวิเคราะห์ดูว่าคนๆนั้นดื้อเพราะเหตุใด

1 เขาไม่รู้ว่าผิด เพราะนั่นคือกรอบความรู้ของเขา ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าเขาถูก ด้วยการตัดสินใจแบบนั้น
เสมือนเราไปดูถูกคนจนไม่ได้ ทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น ก็เพราะกรอบความรู้เขาและนั่นน่าจะเป็นทางเลือกที่เขาคิดว่าดีที่สุดแล้วสำหรับเขา

ดังนั้น ดื้อแบบวิชชาก็คือมีความรู้บ้าง กับดื้อแบบอวิชชา คือดื้อด้วย ไม่รู้ด้วยก็จะไปสุดโต่งมากสำหรับการตัดสินใจผิดๆ

2เขารู้ว่าผิดแต่ก็ทำ
-1 เขาเป็นพวกไม่ชอบการบังคับให้ทำ เขาชอบคิดวิธีแบบเขาเอง แม้จะรู้ว่าวิธีที่ถูกอยู่ตรงหน้าก็ไม่ทำเป็นได้ทั้งคนทำงานระดับสูงดื้อรั้น กับเด็กใหม่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ
-2คนมีฟอร์มครับ ถ้าทำตามจะกลืนน้ำลายตัวเอง จะเสียเครดิตเพราะฉันเป็นหัวหน้า รู้น้อยกว่าลูกน้อง ฉันเป็นผู้ชาย ฉันเป็นพ่อ อัตตาทั้งนั้น

ซึ่งถ้ามีความดื้อระดับนี้ ยิ่งเราด่า ยิ่งไม่ทำตาม ยิ่งเตลิด เรายิ่งแก้ มันยิ่งแย่
การแก้ปัญหาคือ อย่าบอกว่าเขาผิด อย่าบอกว่าเขาจะต้องทำอะไร แค่เราพูดๆไปทางเลือกให้ฟัง ทำแบบนี้ได้ผลแบบนี้ ทำแบบนี้ให้ผลแบบนี้ ให้เขาตรองเอง ให้ทำเอง ไม่ต้องสั่งเขา

หรือแม้แต่เมื่อเขาไม่เชื่อฟัง แล้วอยู่ๆกลับมาทำตามเราแนะนำ ก็ไม่ต้องไปย้ำว่า นี่คือความเห็นเรา
คำแนะนำเรา เพราะเขาจะรู้สึกเหมือนโดนทวงบุญคุณ คนหยิ่งในฟอร์มไม่ชอบครับ เผลอๆหากเขากำลังจะกลับตัว เราไปพูดบ่นๆด่าๆนิดหน่อย ก็เตลิดอีก

ให้คำแนะนำเหมือนไม่ได้ให้ จะเหมาะมากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2012, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำพูดของคุณ Nothing โดนใจเข้าอย่างจังเลยค่ะ

มองไปรอบตัวดิฉันดูจะมีคนแบบนี้เยอะซะด้วยสิคะ ทราบค่ะว่าสันดานใครก็สันดานมัน (ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ) เปลี่ยนแปลงกันยาก หลายคนรู้ทั้งรู้ว่าทำผิด แต่เพราะอีโก้สูง รึไม่ก็ยังไม่เคยเห็นโลงศพ จึงยังไม่หลั่งน้ำตา ดิฉันเลยได้แต่ปลงอนิจจังว่า ก็ดี....คนเช่นนี้ต้องให้ได้เจอเข้ากับตัวเอง จึงจะรู้สึก เข้าทำนองว่า เราหัวเราะทีหลังดังกว่า เอาเป็นว่า จะคอยดูต่อไปค่ะ คนเราทำเวรทำกรรมกับใครไว้ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ต่อให้ตักเตือนยังไง ถ้ายังเป็นบัวจมน้ำอยู่ ก็ยังคงไม่โผล่ขึ้นมารับแสงสว่างอยู่วันยังค่ำ

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ สุดแล้วแต่มโนธรรมและจิตใต้สำนึกของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ ได้แต่สอนลูกหลานว่าอย่าได้ผิดศีล ๕ เห็นสังคมเสื่อมทรามลงทุกวันแล้วหวั่นถึงอนาคตประเทศชาติค่ะ

ขอขอบคุณทุกๆความเห็นนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2012, 20:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2012, 15:53
โพสต์: 410


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ผู้ที่เดินไม่เคยก้มมองพื้นดิน ย่อมจะพบกับ ก้อนอิฐ ก้อนหิน หนาม เศษแก้ว หลุมลึก มากด้วย ฉันนั้น

อยู่อย่างไม่รู้จัก บาปบุญคุณโทษ วิบากต่างๆจะมาถึงเขาเอง ตามเหตุปัจจัยนั้นมาถึง หากยังไม่ตื่นมากมหน้ามองพื้นดิน วิบากนั้นก็ยิ่ง หนักตามเหตุปัจจัย ที่เขา กระทำเอง

เราอย่าเอาเขา มาทุกข์ร้อน เป็นพอ

ครับ



ชอบคำพูดของคุณจังค่ะ เชื่อว่าทุกคนมีจิตสำนึก แต่จิตสำนึกนั้น ขึ้นอยู่กับว่า นึกขึ้นได้ หรือนึกขึ้นได้แต่ก็ทำ อันหลังนี้จะเป็นประเภท ดื้อด้านที่จะทำใช้มั้ยเจ้าค่ะ :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2012, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 15:47
โพสต์: 417

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: วิปัสนา-กรรมฐาน เล่ม 1-2
ชื่อเล่น: นา
อายุ: 44
ที่อยู่: 140/19 ถ.อภัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุกับทุกๆ คำตอบคะ คนสมัยนี้อีโก้สูงมีมากเสียด้วยคะ :b8:

.....................................................
อย่าแก้ไขคนอื่น จงแก้ไขตัวเราเอง

....................................................

เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เจ้ามาเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา

...................................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2013, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




ดอกบัวธรรมจักร 2.jpg
ดอกบัวธรรมจักร 2.jpg [ 10.46 KiB | เปิดดู 9396 ครั้ง ]
:b20: สัปปุริสธรรม 7 คือหลักธรรมของคนดีหรือหลักธรรมของสัตตบุรุษ 7 ประการ ได้แก่ รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักปฏิบัติ และรู้จักบุคคล :b20:

1. รู้จักเหตุหรือธัมมัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักวิเคราะห์หาสาเหตุของสิ่งต่าง ๆ

2. รู้จักผลหรืออัตถัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักผลที่จะเกิดขึ้นจากการ กระทำ

3. รู้จักตนหรืออัตตัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักตน ทั้งในด้านความรู้ คุณธรรม และความ สามารถ

4. รู้จักประมาณหรือมัตตัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักประมาณ รู้จักหลักของความพอดี การดำเนินชีวิต พอเหมาะพอควร

5. รู้จักกาลเวลาหรือกาลัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักกาลเวลา รู้จักเวลาไหนควรทำ อะไร แล้วปฏิบัติให้เหมาะสมกับเวลานั้น ๆ

6. รู้จักปฏิบัติหรือปริสัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักปฏิบัติ การปรับตน และแก้ไขตน ให้เหมาะสมกับสภาพของกลุ่มและชุมชน

7. รู้จักบุคคลหรือบุคคลัญญุตา หมายถึง ความเป็นผู้รู้จักปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันการที่บุคคลใดนำเอาหลักสัปปุริสธรรม 7 มาใช้ในการดำเนินชีวิต จะช่วยให้ ชีวิตพบกับความสุขในชีวิตได้


:b44: ♡(✿◠‿◠✿)♡ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน ขอให้ท่้านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ ♡(✿◠‿◠✿)♡ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2013, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


เตือนเขาจักที่เตือนได้ครับว่าอย่างไรดี อย่างไรไม่ดี อย่างไรบุญ อย่างไรบาป s004

ถ้าเราทำจนสุดความสามารถแล้วให้วางอุเบกขาครับ เพราะไม่งั้นจิตใจเราจะกังวลที่เขาจนหมองมัวไปเสียเปล่าครับ เพราะวันหนึ่งเขาก็ต้องรู้เองว่าบุญ-บาป มีจริงๆครับ

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่รู้ตัวว่าผิด แต่ยังฝืนทำนั้น แย่ยิ่งกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไป
ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วยังทำลงไป มีโทษหนักกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไปอีกค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
คนที่รู้ตัวว่าผิด แต่ยังฝืนทำนั้น แย่ยิ่งกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไป
ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วยังทำลงไป มีโทษหนักกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไปอีกค่ะ


ทางโลกกับทางธรรมไม่เหมือนกันนะ
ในทางโลกนั้นรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ยังฝืนทำ ถือว่าเป็นความจงใจทำ
มีความผิดมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่รู้กฎหมาย แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้กฎหมายทำไป
เพราะรู้เท่าไม่ถึงกาล คือไม่มีความจงใจทำ โทษหนักก็เป็นเบา

แต่ถ้าเป็นทางธรรม คนที่ไม่รู้ว่าผิดนั่นแหละมีโทษมากกว่าคนที่รู้
เช่น ว่าเด็กเห็นถ่านไฟก้อนแดงๆ เด็กไม่รู้ว่ามันร้อนเด็กจะจับอย่างเต็มที่
ก็จะร้อนเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคนที่รู้จักว่าถ่านไฟร้อน ถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องจับ
เขาก็จับแบบโหย่งๆแล้วรีบปล่อยมือ ความร้อนมีแต่ก็ร้อนไม่มาก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2013, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
SOAMUSA เขียน:
คนที่รู้ตัวว่าผิด แต่ยังฝืนทำนั้น แย่ยิ่งกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไป
ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วยังทำลงไป มีโทษหนักกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไปอีกค่ะ


ทางโลกกับทางธรรมไม่เหมือนกันนะ
ในทางโลกนั้นรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ยังฝืนทำ ถือว่าเป็นความจงใจทำ
มีความผิดมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่รู้กฎหมาย แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้กฎหมายทำไป
เพราะรู้เท่าไม่ถึงกาล คือไม่มีความจงใจทำ โทษหนักก็เป็นเบา

แต่ถ้าเป็นทางธรรม คนที่ไม่รู้ว่าผิดนั่นแหละมีโทษมากกว่าคนที่รู้
เช่น ว่าเด็กเห็นถ่านไฟก้อนแดงๆ เด็กไม่รู้ว่ามันร้อนเด็กจะจับอย่างเต็มที่
ก็จะร้อนเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคนที่รู้จักว่าถ่านไฟร้อน ถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องจับ
เขาก็จับแบบโหย่งๆแล้วรีบปล่อยมือ ความร้อนมีแต่ก็ร้อนไม่มาก


อย่างที่ลุงอธิบายนี้คือคนที่มีความเข้าใจ เชื่อในเรื่องกรรม ก็ทำไม่เต็มที่ จับแบบโหย่งๆ
แต่คนที่ไม่เชื่อในเรื่องกรรม ก็ทำทำไปตามปกติ มีทั้งทิฏฐิมานะ อุปาทานยึคในความคิดของตน
อย่างที่อธิบายไว้แล้วนั้น หนูเคยอ่านเจอหนังสือเค้าอธิบายไว้
หนูจะยกตัวอย่าง อย่างพระท่านรู้พระวินัย อะไรไม่ควรทำ แต่ท่านก็ทำผิดฉันเหล้าฉันข้าวเย็นทุกวัน
อย่างนี้ท่านฉันแค่ครึ่งจาน หรือฉันนเหล้าแค่ครึ่งขวด โทษมันจะเบาขึ้นมั้ยลุง

เอาไว้หนูเจอหนังสือที่อธิบายเมื่อไหร่จะนำมาอ้างอิงให้เป็นเรื่องเป็นราว
น่าจะเป็นหนังสือที่บ้าน แต่จำไม่ได้ว่าหน้าไหนเล่มไหน ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหล่ะลุง

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2013, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
SOAMUSA เขียน:
คนที่รู้ตัวว่าผิด แต่ยังฝืนทำนั้น แย่ยิ่งกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไป
ถ้ารู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วยังทำลงไป มีโทษหนักกว่า คนที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นผิดแล้วทำลงไปอีกค่ะ


ทางโลกกับทางธรรมไม่เหมือนกันนะ
ในทางโลกนั้นรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ยังฝืนทำ ถือว่าเป็นความจงใจทำ
มีความผิดมากขึ้นกว่าผู้ที่ไม่รู้กฎหมาย แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้กฎหมายทำไป
เพราะรู้เท่าไม่ถึงกาล คือไม่มีความจงใจทำ โทษหนักก็เป็นเบา

แต่ถ้าเป็นทางธรรม คนที่ไม่รู้ว่าผิดนั่นแหละมีโทษมากกว่าคนที่รู้
เช่น ว่าเด็กเห็นถ่านไฟก้อนแดงๆ เด็กไม่รู้ว่ามันร้อนเด็กจะจับอย่างเต็มที่
ก็จะร้อนเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคนที่รู้จักว่าถ่านไฟร้อน ถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องจับ
เขาก็จับแบบโหย่งๆแล้วรีบปล่อยมือ ความร้อนมีแต่ก็ร้อนไม่มาก



คุณลุงหมานค่ะ ความเห็นของดิฉันเหมือนกับคุณ SOAMUSA ค่ะ และก็ไม่เข้าใจว่า คนที่รู้ตัวว่าผิดแล้วฝืนทำ จะมีโทษน้อยกว่า คนที่ไม่รู้แล้วทำ ได้อย่างไร

ถ้าพูดกันถึงสามัญสำนึกของคน คนที่รู้ย่อมต้องผิดมากกว่าคนไม่รู้อยู่แล้ว ใช่ไหมคะ

ขออภัยหากต้องขอให้ช่วยอธิบายเพิ่มเติมเพื่อไขข้อข้องใจด้วยเถิดนะคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร