วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 01:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านกรรมแห่งกรรมจากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=4



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2013, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 มี.ค. 2011, 13:32
โพสต์: 245


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ




วันนี้จะมีการเทศน์มหาชาติของพระพุทธเจ้า ครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร แปลว่า เป็นชาติที่ใหญ่ยิ่งของพระองค์ ที่ทรงก้าวผ่านวัฏสงสารมาด้วยทรงบำเพ็ญมหาทาน ซึ่งเป็นทานใหญ่และอัศจรรย์ แปลว่า ชาติสุดท้ายที่ทรงทุ่มเทพระกำลังลง เพื่อพระสัพพัญญูด้วยความกล้าหาญต่อแดนพ้นทุกข์ และแปลว่าการประมวลภพชาติซึ่งเป็นสมบัติของพระองค์ที่ทรงท่องเที่ยวมาเป็นเวลานาน ลงในพระชาติของพระเวสสันดรก็ได้ พระพุทธเจ้าครั้งเป็นพระเวสสันดร พระองค์ทรงทำอย่างไร ในพระคาถาของพระเวสสันดรชาดกมีมากมาย แต่จะยกมาแสดงเพียงย่อ ๆ ว่า ทานํ เทติ พระเวสสันดรท่านทรงให้ทาน สีลํ รกฺขติ พระเวสสันดรท่านทรงรักษาศีล ภาวนํ ภาเวตฺวา พระเวสสันดรท่านทรงเจริญภาวนา จึงเป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาและกลายเป็นศาสดาของโลกทั้งสาม นี่คือหลักธรรมเครื่องดำเนินของพระเวสสันดรที่ทรงดำเนินมาเป็นลำดับ จนบรรลุถึงความเป็นพระพุทธเจ้าอย่างสมบูรณ์


ธรรมทั้งนี้ท่านประทานไว้เพื่อพุทธบริษัท คือ พวกเราจะตามเสด็จพระองค์ท่านตามกำลังภูมินิสัยวาสนาของแต่ละท่าน ถ้าจะกล่าวถึงการบำเพ็ญและฝ่าฝืนความทุกข์ทรมานในคราวเป็นพระเวสสันดรนั้น จะเห็นได้ว่าเป็นการยากลำบากแสนสาหัส และไม่มีใครจะกล้าทำได้เหมือนอย่างพระองค์ การบำเพ็ญทานก็เป็นความอัศจรรย์ อาจจะกล่าวได้ว่าพระองค์ทรงคว้าประวัติศาสตร์แห่งการเสียสละของคนในสมัยนั้น โดยไม่มีใครจะสามารถเป็นคู่แข่งได้ ประหนึ่งฟ้าดินอันแสนกว้างจะถล่ม เพราะความเลื่องลือกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปทุกแห่งทุกหน ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง ชาวเมืองเกิดความไม่ยินดีและไม่พอใจในการบำเพ็ญของพระองค์ ถูกกล่าวหาว่าให้ทานช้างมงคลประจำเมืองและประจำแผ่นดิน จนเกิดฟ้องร้องกันขึ้น โดยตั้งข้อหาว่าพระเวสสันดรเป็นคนขวางโลก ไม่สมควรเป็นกษัตริย์ปกครองแผ่นดินต่อไป ถ้าฝืนให้อยู่บ้านเมืองและแผ่นดินจะล่มจม ฝ่ายพระบิดาซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งการรับฟ้องร้องของคนทั้งแผ่นดิน ด้วยพระปรีชาฉลาดก็ทรงบรรเทาเหตุร้ายซึ่งกำลังเกิดขึ้น โดยพระอุบายให้พระเวสสันดรพระลูกรักเหมือนดวงหทัย ขยับขยายออกจากเมืองตามเหตุการณ์ก่อน พอมีทางแก้เหตุร้ายให้สงบลง


ฝ่ายพระเวสสันดรหน่อพระสัพพัญญูผู้ทรงธรรม มีพระทัยอันเต็มไปด้วยพระเมตตาต่อสัตว์ผู้ยากจน และมีพระราชศรัทธาอันกว้างขวางเหมือนท้องฟ้ามหาสมุทร เมื่อทรงสดับพระดำรัสจากพระบิดาผู้บังเกิดเกล้าแล้ว ทรงน้อมพระเศียรรับและปฏิบัติตามด้วยความพอพระทัยมิได้ขัดขืน แม้เช่นนั้นก่อนจะเสด็จออกจากพระนคร ยังทรงขอยับยั้งไว้ชั่วกาล พอให้ได้บริจาคทานให้พอพระทัยก่อน แล้วก็เสด็จออกจากพระนครด้วยพระอาการอันยิ้มแย้มแจ่มพระทัย ซึ่งสมกับพระองค์เป็นพระเวสสันดรผู้เป็นจอมให้ทานในโลก อันไม่มีใครเสมอเหมือน ไม่ทรงมีพระอาการหวั่นไหว เพราะความไม่พอใจและการขับไล่ของชาวเมือง ทรงเปี่ยมด้วยพระราชศรัทธาทั้งการเสด็จไป เสด็จอยู่ในป่า และเสด็จกลับสู่พระนครตามคำทูลให้เสด็จกลับ


การเสด็จออกจากพระนคร มีพระนางมัทรีคู่พระบารมีและพระโอรสพระธิดาดวงหทัยตามเสด็จ การเสด็จออกจากพระนคร ทั้งนี้พระเวสสันดรทรงปฏิบัติให้เป็นที่พอใจของชาวเมือง แต่การบริจาคทานซึ่งเป็นธรรมประจำพระนิสัยของหน่อพระโพธิญาณ ผู้จะทรงรื้อขนสัตว์โลกให้ข้ามตามเสด็จ พระเวสสันดรไม่เคยลดหย่อนอ่อนพระทัยไปตามใครและทรงยอมอยู่ใต้อำนาจของผู้ใดทั้งนั้น แม้จะเสด็จเข้าอยู่ในดงหนาทึบแร้นแค้นกันดาร เหมือนแดนนรกอันใคร ๆ ไม่พึงปรารถนาก็ตาม พระองค์ยังทรงพอพระทัยในที่เช่นนั้น และทรงบำเพ็ญทานไม่เคยลดละ เมื่อไม่มีอะไรจะทรงบริจาคก็ทรงยกพระลูกรักทั้งสองบริจาคให้แก่พราหมณ์ผู้จนมุมมาร้องขอ ไม่ทรงถือพระลูกรักทั้งสองเป็นอุปสรรคต่อทานบารมีเพื่อความเป็นศาสดาของโลกเลย เมื่อทรงบริจาคไปแล้ว แม้พราหมณ์ผู้มีนิสัยใจโหดร้ายไร้ศีลธรรม จะเฆี่ยนตีพระลูกรักทั้งสองต่อพระพักตร์โดยไม่เกรงขามพระบารมีก็ตาม ก็ทรงทอดอาลัย ไม่ทรงกริ้วโกรธแก่พราหมณ์เลย เพราะทรงถือว่าเป็นทานที่บริจาคให้เป็นของคนอื่นด้วยความบริสุทธิ์พระทัยแล้ว ไม่เพียงพระลูกรักซึ่งเทียบกับพระเนตรทั้งสองที่บริจาคให้แก่พราหมณ์ไปแล้ว ยังทรงยกพระนางมัทรีคู่พระบารมี ผู้เปรียบเหมือนดวงหทัยให้แก่พราหมณ์ผู้มาร้องขอในอันดับต่อมาอีก ด้วยความพอพระทัย มิได้ทรงอิดเอื้อนซึ่งจะเป็นเหตุให้ปลีกแวะจากทานบารมีเพื่อพระโพธิญาณเลย และยังทรงอุทานเพื่อสละเลือดเนื้อและชีวิตทุกพระอาการแก่ผู้มุ่งมาขอทานอีก ไม่ทรงอาลัยในพระกายและจิตใจแม้แต่น้อย


การที่ทรงบำเพ็ญทานบารมีได้อย่างเต็มพระทัยนี้ เนื่องจากที่ทรงอาศัยอยู่ในสถานที่ที่โลกเห็นว่าเป็นที่อยู่ของบุคคลผู้จนมุม แต่สำหรับพระเวสสันดรกลับทรงเห็นว่า เป็นที่เวิ้งว้างจากภาระหนักและอารมณ์เครื่องกังวลใจ ทั้งการบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี ตลอดอุเบกขาบารมี ฯลฯ ซึ่งเป็นธรรมเครื่องส่งเสริมทุกประเภท พระเวสสันดรทรงมีโอกาสได้บำเพ็ญอย่างพอพระทัยในเวลานั้น การบำเพ็ญที่แสนยากลำบากและเต็มไปด้วยความชอกช้ำ เพราะการกระทบกระเทือนนานาประการ ทั้งเป็นการขัดขวางทางดำเนินของพระเวสสันดร หากกรรมดี กรรมชั่วจะเป็นไปตามความตำหนิติชมของบุคคลแล้ว พระเวสสันดรถึงกับต้องถูกเนรเทศเพราะการให้ทาน ก็ไม่ควรจะรอดจากเหตุการณ์อันรุนแรงนั้นกลายมาเป็นพระพุทธเจ้าให้โลกกราบไหว้ได้ เพราะผลแห่งทานอันเป็นต้นเหตุนั้น


เราทุกท่านผู้เป็นเจ้าของแห่งกรรมและนับถือพระพุทธศาสนา ที่แสดงเรื่องกรรมเป็นหลักใหญ่กว่าสิ่งทั้งปวง คงพอจะทราบได้ว่า ผลแห่งกรรมดีและกรรมชั่วเป็นธรรมชาติที่มีอำนาจเหนือสิ่งใด ๆ ในไตรโลกธาตุ จะไม่มีใครสามารถดัดแปลง และลบล้างผลเหล่านี้ให้สูญสิ้นไปจากโลกได้เมื่อยังพอใจก่อเหตุ คือ ทำดี ทำชั่วอยู่ และผลจำต้องสืบต่อกันวันยังค่ำ โดยไม่ฟังเสียงการตำหนิติชมจากผู้ใด จะต่างกันอยู่บ้างก็เพียงช้าหรือเร็วในกรรมบางประเภทเท่านั้น


ดังนั้นผู้เชื่อในกรรมและผลของกรรมว่าจะให้ผล จึงเป็นบุคคลผู้ไม่ประมาททั้งทางโลกและทางธรรม เพราะเป็นสิ่งจะเกิดขึ้นจากหลักของเหตุดีเหตุชั่วด้วยกัน ไม่มีทางอื่นเป็นที่เกิดขึ้น พอจะแสวงหาความมั่งมีดีเด่นและพ้นทุกข์ได้ จากการวาดภาพทางใจเอาเฉย ๆ โดยไม่สนใจในการงานอันเป็นที่ไหลมาแห่งโภคทรัพย์ คือเงินทองและกองกุศลอันเป็นผลที่พึงพอใจ ผู้ไม่ประมาทในการงาน อยู่ที่ใด ไปที่ใด ย่อมไม่อดอยากขาดแคลน ทั้งวันนี้และวันหน้า และโลกนี้โลกหน้า เพราะเป็นโลกที่สัตว์จะเป็นอยู่ด้วยกรรมและผลแห่งกรรมด้วยกัน ที่ผู้ทำทำไว้แต่ต้นทาง ดังพระเวสสันดรเป็นตัวอย่าง


การเทศน์มหาชาติมาเป็นลำดับนับแต่บรรพบุรุษมาถึงพวกเราฟังอยู่ขณะนี้ ก็เทศน์เพื่อเป็นคติสอนใจให้พวกเราดำเนินตามร่องรอยของท่านที่ได้รับผลมาแล้ว จนปรากฏเป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทุกชั้น เพราะประวัติของพระเวสสันดรที่ทรงดำเนินมาก็ดี ที่พระสิทธัตถราชกุมารทรงดำเนินมาก็ดี ได้กลายเป็นศาสนธรรมเครื่องประกาศสอนโลกทั้งสามให้ตื่นตัวเป็นลำดับมาจนถึงบัดนี้ ใครที่ตื่นตัวสะดุดใจในธรรมของท่าน เร็วหรือช้าก็เตรียมตัวตามเสด็จท่านทันกับเวลาก็มี ที่ตามเสด็จท่านในลำดับต่อมาก็มี ที่กำลังตามเสด็จอยู่ก็มี
ดังพุทธบริษัทซึ่งกำลังบำเพ็ญตนอยู่ ณ บัดนี้ด้วยความสงบเสงี่ยม อันเป็นที่น่าเลื่อมใสและอนุโมทนาอย่างยิ่ง และผู้ที่ยังหลับด้วยอำนาจโมหะครอบงำ ไม่อาจจะมองเห็นบุญและบาปว่าเป็นอย่างไร และจะเป็นของใครผู้จะคอยรับผลกรรมนั้นก็อาจมีอยู่ แต่พวกเราต่างก็มืดแปดทิศแปดด้านเพราะโมหะด้วยกัน จึงไม่อาจมองเห็นทั้งเรื่องของตัวและของท่าน ต่างท่านจึงต่างอุตส่าห์แหวกว่าย เพื่อข้ามพ้นจากห้วงแห่งความมืดมนอันนี้อย่างเต็มกำลังด้วยกัน ส่วนจะได้ถึงไหนนั้นขอนอบน้อมถวายไว้กับพระธรรมบทว่า ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ พระธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ไม่เคยลำเอียงต่อผู้ใด ให้เป็นผู้มีอำนาจพิพากษาต่อไป


ท่านสาธุชนผู้ใจบุญได้บำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาตามเยี่ยงอย่างของพระเวสสันดรท่าน แม้จะไม่ได้สมบูรณ์ตามแบบพิมพ์จนถึงความเลิศโลกอย่างท่าน ก็คงได้ตามแบบลูกของพระ คือพุทธบริษัทที่ทรงธรรมภายในใจ ประดับธรรมในทางมารยาท ความเคลื่อนไหวเป็นที่เย็นหูเย็นตาและไว้ใจของผู้ที่ได้คบค้าสมาคมกับผู้ถือ พุทฺธํ ธมฺมํ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ ประจำใจตามหลักผู้เชื่อถือกรรม เพราะหลักของการเชื่อกรรมที่ถูกต้อง ผู้ทำกรรมทุกประเภท ต้องเชื่อว่าทำเพื่อตัวเสมอ แม้จะทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นก็ต้องเพื่อความดีงามสำหรับตัวผู้ทำอยู่นั่นเอง ตามหลักธรรมที่สอนว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วต้องได้รับผลชั่ว ก็หมายถึงเรื่องของผู้ทำโดยตรง


ขอยกตัวอย่างเช่นวัดอรุณรังษี ซึ่งแต่ก่อนเป็นป่าเต็มไปด้วยสิ่งที่น่ากลัวนานาชนิด ผีตายในท้องที่นี้ แทบจะพูดได้ว่าเกือบทุกศพนำมาทิ้งกันตามบริเวณนี้เกลื่อนไปหมด ไม่มีใครกล้าสามารถมาแถวบริเวณนี้ได้ในเวลากลางคืน แม้กลางวันก็ยังเป็นสถานที่น่ากลัวอยู่นั่นเอง เพราะเงียบสงัดปราศจากผู้คนและเสียงต่าง ๆ นอกจากที่นี่จะเต็มไปด้วยผีตายทั้งนั้นแล้ว ยังกลัวผีหลอกอีกด้วย ไม่มีใครคาดฝันว่าสถานที่นี้จะปรากฏเป็นวัดขึ้นมา แต่เพราะอำนาจกำลังศรัทธาของท่านผู้ใจบุญมากท่านด้วยกัน สามารถรื้อขนสิ่งรกรุงรังออกได้ กลายเป็นโบสถ์ ศาลา กุฎีและวัดขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นสถานที่บำเพ็ญสมณธรรมของสงฆ์และประชาชนให้ได้รับความสะดวกขึ้น
ทั้งนี้เพราะความเชื่อมั่นว่าทำดีได้ดี สำหรับผู้ทำไม่เป็นอย่างอื่น คือผู้ทำจะเป็นผู้รับผลจากการกระทำของตน วัดก็ดี โบสถ์ก็ดี ศาลา และกุฎีก็ดี มิใช่เป็นผู้รับผลบุญและมิใช่เป็นผู้จะไปสวรรค์และนิพพาน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวเหตุที่เกิดจากผู้จัดทำเท่านั้น ส่วนผลคือบุญซึ่งเกิดจากการสร้างวัดนั้น เป็นสมบัติของผู้ทำ ฉะนั้นผลดีทั้งมวลจนสามารถยังผู้บำเพ็ญให้พ้นจากทุกข์ไปได้ จึงเป็นสมบัติของผู้บำเพ็ญเหตุโดยตรง เหมือนเราที่มีนาอยู่ในความครอบครอง เราทำการปักดำข้าวลงในนา ข้าวทุกต้นก็เป็นข้าวของเรา ผลเกิดจากนามากน้อยเป็นของเราทุกระยะ มิได้กลายเป็นสมบัติของนาแปลงใด ๆ จะเป็นผู้รับเสวยผลแม้แต่น้อย คำว่า วัด จึงเป็นบุญเขตของผู้สร้างวัดเพื่อบุญ ถึงกาลอันควรสิ่งก่อสร้างย่อมร่วงโรยไปตามสภาพของคติธรรมดา ส่วนผลบุญอันเกิดจากการนี้ มิได้ร่วงโรยไปตาม ย่อมตามสนองให้ผู้ทำได้รับผลเป็นสุขตลอดกาล



รูปภาพ






ที่มา : http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1951&CatID=9

.....................................................
"องค์ใดพระสัมพุทธ สุวิสุทธสันดาน ตัดมูลเกลศมาร บ มิหม่นมิหมองมัว
หนึ่งในพระทัยท่าน ก็เบิกบานคือดอกบัว ราคี บ พันพัว สุวคนธกำจร"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร