ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
“บักงาลาก” ช้างพระโพธิสัตว์ที่ภูหลวง (หลวงปู่ลี กุสลธโร) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=62727 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 12 ต.ค. 2022, 10:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | “บักงาลาก” ช้างพระโพธิสัตว์ที่ภูหลวง (หลวงปู่ลี กุสลธโร) |
![]() “บักงาลาก” ช้างพระโพธิสัตว์ที่ภูหลวง หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง ![]() ![]() ![]() กราบเรียนถามท่านว่า “หลวงปู่ออกจากภูหอแล้ว เดินธุดงค์ไปทางไหนต่อ ?” “ต้นปี ๐๓ ไปภูหลวงพุ่นแหล่ว...กะขึ้นไปพุ้นไปอยู่บ้านไปอยู่ ขะเจ้าเฮ็ดฮ่านให้อยู่ เขาเอิ้นแก่งม่วง ทางตะวันตกภูหลวงน่ะ...ต้นปีพุทธศักราช ๒๕๐๓ จากภูหอแล้วเราไปต่อที่ภูหลวง ขึ้นไปทางด้านทิศตะวันตกของภูหลวงถึงบ้านแก่งม่วง ชาวบ้านสร้างเพิงพักให้อยู่อาศัย” “ภูหลวง” มีความหมายว่า ภูเขาที่ยิ่งใหญ่ หรือหมายถึงภูเขาของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งนับเป็นสิริมงคลนามที่บรรพบุรุษได้ตั้งชื่อไว้ ภูหลวงเกิดจากการยกตัวของพื้นผิวโลก และดินส่วนที่อ่อนถูกพัดพาลงสู่พื้นที่ส่วนต่ำ คงเหลือหินซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งไว้เป็นภูเขา “ตั้งตะกี้มันหลายเด้...ภูหลวง จังหวัดเลย หลายคือหยัง ซาวบ้านเขาเอิ้น บักงาลาก...ออกจากภูหอแล้วท่านจึงนำคณะธุดงค์ไปยังภูหลวงจังหวัดเลย สมัยก่อนที่ท่าน (ปู่ลี) ไปเที่ยวธุดงค์ภาวนามีช้างป่าเป็นจำนวนมาก ช้างเผือกใหญ่ตัวหัวหน้า เขาเรียกชื่อมันว่า “บักงาลาก” (ไอ้งาลากหรือไอ้งายาว) ช้างตัวนี้มีลักษณะพิเศษคืองาสวยงามและยาว เวลามันเดิน ถึงขนาดงาครูดไปกับพื้นดิน จึงเป็นที่ต้องการของนักล่างาช้างทั้งหลาย “มีอยู่ภูหลวงพุ่น ซ้างบ่เบียดเบียนพระและคนเด้ มันมีโพธิสัตว์อยู่หั่น มันเหยียบมันมาภูหอจั่งซี่ มันกะถกข้าวล้ม มันกะแปลงให้...ช้างตัวใหญ่ๆ เป็นช้างพระโพธิสัตว์ อยู่บนภูหลวง ไม่เบียดเบียนพระและคน มันเดินจากภูหลวงมาทางภูหอ ช้างบริวารรอบล้อมซ้ายขวาอารักขา เมื่อช้างบริวารเดินผ่านทุ่งนาทำข้าวกล้าชาวบ้านล้มเสียหาย มันจึงตามมาตกแต่งปลูกคืนให้อย่างดี ที่มาพระโพธิสัตว์จุติเป็นสัตว์ก็เพื่อบำเพ็ญบารมี” คำว่า “โพธิสัตว์” คือสัตว์ที่ยังข้องอยู่ในการสร้างบารมีเพื่อพระโพธิญาณ บำเพ็ญเพียรเพื่อความสุขแก่มหาชนเป็นอันมาก จะจุติเป็นสัตว์หรือมนุษย์ก็ตาม มีพระมหากรุณาแก่สัตว์ทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง มีบริวารมาก บรรเทาภัยให้มหาชน ขวนขวายคุ้มครอง พระโพธิสัตว์สร้างบารมี ไม่ทิ้งเมตตา เพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามวัฏสงสาร ตัดโลกธรรมใหญ่ จึงสร้างพระบารมีอย่างใหญ่ เกิดๆ ตายๆ ให้เต็มแล้วตรัสรู้ ขนสัตว์ขึ้นสวรรค์นิพพาน ท่านอดทนมีขันติมากที่สุด ไม่เอาแง่เอางอนกับมนุษย์และสัตว์ มีศีลธรรมทุกชาติไป ด้วยมหาเมตตามหากรุณา เต็มเปี่ยมในพระทัย หลวงปู่ลีท่านเล่าต่อว่า “ช้างตัวนี้เป็นพญาช้าง นัยน์ตาทั้งคู่สวยงามราวกับแก้วมณี มีกายสง่างาม พระโพธิสัตว์ปกครองช้างบริวารจำนวนมากให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุข” คราวหนึ่งมีฝูงช้างบริวารเหยียบย่ำนาข้าวของชาวบ้าน ช้างพระโพธิสัตว์เห็นดังนั้น จึงเอางวงจับข้าวกล้าที่ล้มระเนระนาด ทำให้ลำต้นตรงขึ้นใหม่ ช้างพระโพธิสัตว์ไม่ทำลายคน รู้ภาษาคน เวลาเดินขึ้นภู องอาจสง่างามเอางาถูกิ่งไม้ต้นไม้และพื้นดินเป็นทางยาว บริเวณทางเดินใดที่เป็นหลุมเป็นบ่อมันก็ใช้เท้าเกลี่ยให้สม่ำเสมอ “บักงาลาก...ไอ้งาลาก” มันเดินขึ้นภูเขา งามันยาวครูดดินขึ้นไปเป็นรอย...ช้างบริวารคอยเกลี่ยดินปิดร่องรอย พวกนายพรานคนบ้านแก่งม่วงซึ่งไม่ไกลจากภูหลวงไปนอนรอดักยิง “พวกพรานขึ้นภูหลวงพยายามเอาแท้ๆ กินหญ้าหมู่พวกอ้อมหมด...พวกพรานขึ้นภูหลวง พยายามล่าช้างตัวนี้หลายครั้งหลายหน พยายามมานาน แม้ขณะกินหญ้าพวกช้างบริวารแวดล้อมช้างพระโพธิสัตว์ไว้ทุกด้าน ด้วยความที่ช้างบริวารกลัวคนรู้ว่าเป็นพญาช้างเผือก ช้างบริวารทั้งหลายต่างเอาขี้โคลนทาตัวพญาช้างเผือกไว้เพื่อมิให้ใครรู้” แม้อารักขาขนาดนั้นพวกพรานก็ยังฆ่าจนได้ พอพวกมันฆ่าช้างใหญ่ได้แล้ว จึงตัดเอางา “งาใหญ่หลาย มันแบกบ่ไหว มัดเชือกเดินนำลำห้วยลงมา ช้างตัวนั้นช้างปรารถนาพระโพธิสัตว์เด้...งามันใหญ่และยาวเหลือเกิน พวกพรานแบกลงมาไม่ไหว จึงมัดเชือกหาบเดินลงมาตามลำห้วย” พรานที่ฆ่ามีชีวิตอยู่บนพื้นโลกมนุษย์ได้เพียง ๓ วันเท่านั้น ด้วยผลกรรมอันแรงกล้าฆ่าช้างพระโพธิสัตว์ ล้มตายกันทุกคน “เขาเสี่ยงอยู่เดี๋ยวนี้ บ่เปิดเผยใคร ยาวหลาย...ปัจจุบันเขาเอางาช้างไปซ่อนไว้ ไม่ยอมเปิดเผย ไม่บอกใคร งามันยาวมาก” ...ถึงเป็นช้างพระโพธิสัตว์แต่ก็ยังมีกรรม ยังไปถูกฆ่า เหมือนพระเทวทัตกับพระพุทธเจ้า ตามจองล้างจองผลาญหมายเอาชีวิตพระพุทธเจ้าในหลายภพชาติ “ตั้งแต่ซ้างโพธิสัตว์โตนั้นตายแล้ว ซ้างบริวารมันไปกะกินแหล่ว มันบ่มีหัวหน้าห้ามเด้...ตั้งแต่ช้างพระโพธิสัตว์ล้มตายลงเพราะฝีมือนายพรานผู้ใจบาป จากนั้นมาช้างบริวารทั้งหลายไม่มีหัวหน้าคอยควบคุมอบรมสั่งสอน จึงดื้อรั้นลงมาทำลายข้าวกล้า สิ่งปลูกสร้าง ผลผลิตการเกษตร และทำร้ายผู้คน” พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ในหมู่มนุษย์หรือหมู่สัตว์ต้องมีผู้นำที่ทรงธรรม จึงจักอยู่ร่มเย็นเป็นสุข” “กะนิทานพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นซ้างอยู่นั้นถวายฮอดงาซ้าง งาให้เขาตัด (หัวเราะ) พระเทวทัตตัดไปแล้วไปขออีก ให้ตัดอีก พุ่นประวัติโพธิสัตว์...ในนิทานชาดกมีกล่าวไว้แล้วว่า พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นช้างโพธิสัตว์ ถวายงาเป็นทาน พระเทวทัตเห็นแล้วอยากได้อีก พระองค์ก็ให้ตัดอีก...นั่นประวัติพระโพธิสัตว์ท่านแสดงไว้” ท่านบำเพ็ญไม่ปรารถนาอย่างอื่นเลย ปรารถนาโพธิญาณเท่านั้น !...เท่านั้น ! ไม่มีสอง หลวงปู่ท่านกล่าวด้วยความมุ่งมั่นเสียงดังฟังชัดมากว่า “เฮาอย่างอื่นบ่เอาเลย...เอาหลุดพ้นท่อนั่น...ฮู้ฮักษาตัวรอดเป็นยอดดี...ส่วนเราอย่างอื่นไม่เอา เอาตัวเองให้หลุดพ้นเท่านั้น รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี” ท่านกล่าวอย่างนั้นเราก็อดสาธุในใจไม่ได้ เพราะกับท่านพูดอะไรๆ ต้องใคร่ครวญให้ดี เพราะวิถีจิตของท่านมุ่งตรงไม่มีอะไรปิดบังท่านได้ อะไรที่เป็นการยกยอปอปั้นแบบโลกท่านตัดทิ้งหมด ไม่มีเหลือเยื่อใย แม้ในวันที่สนทนาธรรมกับท่านจะมีผู้คนมามากสักเท่าใด องค์ท่านนั่งเฉย ไม่ถามสักคำว่าใครมาบ้าง เพราะท่านไม่ให้ใครเข้าถึงองค์ท่านได้ง่าย มากราบก็กราบข้างนอก “มาเอาความดี มิใช่มาดูหน้าพระ” ท่านว่าอย่างนั้น เขานั่งรถอะไรมา เขาเป็นคนจนคนรวย ท่านก็ไม่ได้ไต่ถาม แต่ท่านแผ่เมตตาให้กับทุกคนเสมอภาคไม่มีประมาณ ท่านบอกว่าใครจะมาวัด “กำหนดรู้ก่อนแล้ว” องค์ท่านกล่าวย้ำท้ายๆ ในการสนทนาในวันนั้นว่า “ใจเอาแล้ว ทุกข์ปานใด๋มันกะบ่ทุกข์ดอก...คั่นใจเอาแล้ว...ถ้าหากพอใจที่จะทำแล้ว (ฉันทะ) ถึงเรื่องนั้นมันจะทุกข์สักปานใด มันก็เหมือนไม่มีความทุกข์” เป็นคำสอนที่กินใจสุดซึ้ง ยากจะอธิบายสำหรับผู้นั่งฟังเฉพาะหน้าที่ เห็นกิริยาอันผ่องงามขององค์ท่าน นี่ล่ะ ! ช้างพระโพธิสัตว์ซึ่งได้รับพุทธทำนายว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล เห็นแล้วก็น่าอัศจรรย์ในพุทธบารมี หลวงปู่ลีเล่าสรุปในเรื่องนี้ ![]() ![]() ![]() หนังสือ “ธรรมลี เศรษฐีธรรม” หลวงปู่ลี กุสลธโร พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเศรษฐีธรรม หน้า ๒๖๗-๒๗๐ วัดป่าเกษรศีลคุณธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=60423 |
เจ้าของ: | Duangtip [ 18 ก.พ. 2023, 10:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “บักงาลาก” ช้างพระโพธิสัตว์ที่ภูหลวง (หลวงปู่ลี กุสลธโร) |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | sirinpho [ 14 ก.พ. 2024, 22:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “บักงาลาก” ช้างพระโพธิสัตว์ที่ภูหลวง (หลวงปู่ลี กุสลธโร) |
![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |