วันเวลาปัจจุบัน 15 ก.ย. 2025, 06:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 117, 118, 119, 120, 121, 122, 123 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระโอรสของพระราชา เป็นใบ้เป็นหนวกเป็น-
ง่อยเปลี้ย เหมือนไม่มีพระมนัส พระราชาตรัสสั่ง
ข้าพเจ้าว่า ฝังลูกเราเสียในป่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปกฺโข แปลว่า คนง่อยเปลี้ย ก็ด้วย
คำว่า มูโค นั่นแหละ ย่อมสำเร็จแม้ความเป็นคนหนวกของเตมิยกุมาร
เพราะคนหนวกไม่สามารถกล่าวตอบได้. บทว่า อเจตโส ความว่า เหมือน
ไม่มีจิตใจ นายสารถีกล่าวอย่างนี้ เพราะเตมิยกุมารไม่พูดถึง ๑๖ ปี. บทว่า
สมิชฺฌิตฺโถ ความว่า พระราชามีรับสั่งส่งไปแล้ว. บทว่า นิกฺขนํ วเน
ความว่า พึงฝังเสียในป่า.
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์กล่าวกะนายสารถีว่า

ดูก่อนนายสารถี ข้าพเจ้ามิได้เป็นคนหนวก
มิได้เป็นคนใบ้ มิได้เป็นคนง่อยเปลี้ย มิได้มีอินทรีย์
วิกลวิการ ถ้าท่านฝังข้าพเจ้าในป่า ท่านก็ทำสิ่งที่ไม่
เป็นธรรม เชิญท่านดูขาและแขนของข้าพเจ้า และ
เชิญฟังคำภาษิตของข้าพเจ้า ถ้าท่านฝังข้าพเจ้าเสีย
ในป่า ท่านก็ทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พธิโร ความว่า พระมหาสัตว์ตรัสอย่างนี้
เพื่อแสดงว่า แน่ะนายสารถีเพื่อนรัก ถ้าพระราชามีรับสั่งให้ฝังพระโอรสนี้อย่าง
นั้น แต่เรามิได้เป็นอย่างนั้น. บทว่า ปิงฺคโล ได้แก่ มีอินทรีย์วิกลวิการ.
บทว่า มญฺเจ ตฺวํ นิกฺขนํ วเน ความว่า ถ้าท่านฝังเราผู้เว้นจากความ

เป็นคนหนวกเป็นต้นเห็นปานนี้เสียในป่า ท่านก็พึงทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม
เตมิยกุมารนั้นเห็นนายสารถี แม้ฟังคาถาแรกแล้วก็ไม่แลดูพระองค์เลย ทรง
ดำริว่า เราจักแสดงแก่นายสารถีนี้ว่า เราไม่หนวก ไม่ใบ้ ไม่ง่อยเปลี้ย ตก
แต่งสรีระแล้ว จึงตรัสคาถานี้ว่า อูรู เป็นต้น คาถานั้นมีเนื้อความว่า แน่ะ

นายสารถีเพื่อนรัก ท่านจงดูขาทั้งสองของเราคือของข้าพเจ้า ซึ่งเช่นกับลำต้น
กล้วยทองคำ และแขนทั้งสองของเราคือของข้าพเจ้า ซึ่งมีวรรณะดังใบกล้วย
ทองคำ และจงฟังคำอันไพเราะของเรา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แต่นั้น นายสารถีคิดว่า นี่ใครหนอ ตั้งแต่มาก็สรรเสริญแต่ตนเท่านั้น
เขาหยุดขุดหลุมเงยหน้าขึ้นดู ได้เห็นรูปสมบัติของพระมหาสัตว์ เมื่อยังไม่รู้จัก
พระมหาสัตว์ว่า ชายคนนี้เป็นมนุษย์หรือเทวดาหนอ จึงกล่าวคาถานี้ว่า
ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือเป็นท้าวสักก
เทวราชผู้ให้ทานในก่อน ท่านเป็นใคร หรือเป็นบุตร
ของใคร พวกเราจะรู้จักท่านได้อย่างไร.

ลำดับนั้น พระมหาสัตว์เมื่อจะสำแดงตนให้แจ้งและแสดงธรรม จึง
ตรัสคาถาว่า

เรามิใช่เทวดา มิใช่คนธรรพ์ มิใช่ท้าวสักกะ
ผู้ให้ทานในก่อน เราที่ท่านจะฆ่าเสียในหลุม เป็น
โอรสของพระเจ้ากาสิกราช เราเป็นโอรสของพระ-
ราชาผู้ที่ท่านพึ่งพระบารมีเลี้ยงชีพอยู่เสมอ แน่ะนาย
สารถี ถ้าท่านฝังเราเสียในป่า ท่านก็ทำสิ่งที่ไม่เป็น
ธรรม บุคคลนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่

พึงหักรานกิ่งของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตร
เป็นคนลามก พระราชาเป็นเหมือนต้นไม้ เราเป็น
เหมือนกิ่งไม้ ตัวท่านเป็นเหมือนคนอาศัยร่มเงา ถ้า
ท่านฝังเราเสียในป่า ท่านก็ทำสิ่งที่ไม่เป็นธรรม.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิหญฺญสิ แปลว่า จักฝัง พระมหาสัตว์
แสดงว่า ท่านขุดหลุมด้วยหมายว่า จักฝังผู้ใดในที่นี้ เราคือผู้นั้น แม้เมื่อ
พระมหาสัตว์ตรัสว่า เราเป็นพระราชโอรส นายสารถีนั้นก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง
แต่รู้ได้ด้วยมธุรกถาของพระมหาสัตว์นั้น จึงได้ยืนฟังธรรมอยู่. บทว่า มิตฺต-
ทุพฺโภ ได้แก่ คนฆ่ามิตร คือคนเบียดเบียนมิตรทั้งหลาย. บทว่า รุกฺขสฺส

ความว่า บุคคลหักราก ลำต้น ผล ใบ หรือหน่อ ของต้นไม้ที่มีร่มเงาอันตน
ได้ใช้สอยอยู่ ย่อมเป็นผู้ฆ่ามิตร คือเบียดเบียนมิตร. บทว่า ปาปโก ได้แก่
เป็นคนลามก ก็จะป่วยกล่าวไปไยถึงผู้ที่ฆ่ามนุษย์. ด้วยบทว่า ฉายูปโค
พระมหาสัตว์ตรัสว่า แน่ะนายสารถี ท่านอาศัยพระราชาเลี้ยงชีพอยู่ เหมือน
คนเข้าไปสู่ร่มเงาของต้นไม้ เพื่อต้องการจะใช้สอยฉะนั้น เมื่อพระโพธิสัตว์
แม้ตรัสถึงอย่างนี้ นายสารถีก็ยังไม่เชื่ออยู่นั่นเอง ลำดับนั้น พระมหาสัตว์


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ทรงดำริว่า เราจักทำให้นายสารถีนั้นเชื่อ ทรงทำป่าชัฏให้บันลือลั่นด้วยเสียง
สาธุการของเหล่าเทวดา และด้วยคำโฆษณาของพระองค์ เมื่อจะตรัสคาถาบูชา-
มิตร ๑๐ คาถา จึงตรัสว่า
๑. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร ชน
เป็นอันมากอาศัยบุคคลผู้นั้นเลี้ยงชีพ บุคคลผู้นั้นจาก
เรือนของตนไปที่ไหน ๆ ย่อมมีภักษาหารมากมาย.

๒. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นไปสู่ชนบท นิคม ราชธานีใด ๆ ย่อมเป็นผู้อัน
หมู่ชนในที่นั้น ๆ ทั้งหมดบูชา.
๓. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร โจร
ทั้งหลายไม่ข่มเหงบุคคลผู้นั้น กษัตริย์ก็มิได้ดูหมิ่น
บุคคลผู้นั้น บุคคลผู้นั้นย่อมข้ามพ้นหมู่อมิตรทั้งปวง.

๔. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นจะมาสู่เรือนของตนด้วยมิได้โกรธเคืองใคร ๆ มา
ได้ความยินดีปรีดาในสภาที่ประชุม เป็นผู้สูงสุดของ
หมู่ญาติ.

๕. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นสักการะคนอื่น ก็จะเป็นผู้อันคนอื่นสักการะตน
เคารพคนอื่น ก็จะเป็นผู้อันคนอื่นเคารพตน ย่อม
เป็นผู้ได้รับความยกย่องและเกียรติคุณ.

๖. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นบูชาผู้อื่น ก็ย่อมได้บูชาตอบ ไหว้ผู้อื่น ก็ย่อม
ได้ไหว้ตอบ และย่อมถึงยศและเกียรติ.
๗. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นย่อมรุ่งเรืองดุจกองเพลิง ย่อมไพโรจน์ดุจเทวดา
มีสิริประจำตัว.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 18:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
๘. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร โค
ทั้งหลายของบุคคลผู้นั้นย่อมเกิด พืชที่หว่านไว้ในนา
ย่อมงอกงาม บุคคลผู้นั้นย่อมได้บริโภคผลของพืชที่
หว่านไว้.
๙. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร บุคคล
ผู้นั้นตกเหว ตกภูเขา หรือตกต้นไม้ ย่อมได้ที่พึ่ง
อาศัยไม่เป็นอันตราย.

๑๐. บุคคลผู้ใดมิได้ประทุษร้ายเหล่ามิตร เหล่า-
อมิตรย่อมย่ำยีบุคคลผู้นั้นไม่ได้ ดุจต้นไทรมีรากและ
ย่านงอกงาม พายุไม่อาจพัดพานให้ล้มได้ ฉะนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พหุตพฺภกฺโข ได้แก่ ได้ภิกษามาง่าย.
บทว่า สกํฆรา ได้แก่ จากเรือนของตน อีกอย่างหนึ่ง ปาฐะก็อย่างนี้แหละ.
บทว่า น ทุพฺภติ แปลว่า ไม่ประทุษร้าย. บทว่า สพฺพตฺถ ปูชิโต โหติ
นี้ พึงพรรณนาด้วยเรื่องพระสีวลี. บทว่า นาสฺสโจรา ปสหนฺติ ความว่า
พวกโจรไม่อาจทำการข่มขี่ บทนี้พึงแสดงด้วยเรื่องสังกิจจสามเณร. บทว่า
นาติมญฺเญติ ขตฺติโย นี้ พึงแสดงด้วยเรื่องโชติกเศรษฐี. บทว่า ตรติ

ได้แก่ ย่อมก้าวล่วง. บทว่า สฆรํ เอติ ความว่า ผู้ประทุษร้ายมิตร แม้
มาเรือนของตน ก็มีจิตหงุดหงิดโกรธมา แต่ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตรนี้ ย่อมไม่
โกรธมาเรือนของตน. บทว่า ปฏินนฺทิโต ความว่า ย่อมกล่าวคุณกถาของ
ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตรในสถานที่ประชุมของคนเป็นอันมาก ผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร

นั้น ย่อมเป็นผู้ชื่นชมเบิกบานด้วยเหตุนั้น. บทว่า สกฺกตฺวา สกฺกโต โหติ
ความว่า สักการะผู้อื่นแล้ว แม้ตนเองก็เป็นผู้อันผู้อื่นทั้งหลายสักการะ. บทว่า
ครุ โหติ สคารโว ความว่า มีความเคารพในผู้อื่นทั้งหลาย แม้ตนเองก็
เป็นผู้อันผู้อื่นทั้งหลายเคารพ. บทว่า วณฺณกิตฺติภโต โหติ ความว่า ได้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 09 มี.ค. 2019, 18:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
รับยกย่องและสรรเสริญ คือยกคุณความดีและเสียงสรรเสริญเที่ยวป่าวประกาศ.
บทว่า ปูชโก ความว่า เป็นผู้บูชามิตรทั้งหลาย แม้ตนเองก็ย่อมได้การบูชา.
บทว่า วนฺทโก ความว่า ผู้ไหว้กัลยาณมิตรทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น
ย่อมได้ไหว้ตอบในภพใหม่. บทว่า ยโสกิตฺตึ ความว่า ย่อมถึงอิสริยยศ
และบริวารยศ และเสียงสรรเสริญคุณความดี พึงกล่าวเรื่องของจิตตคฤหบดี

ด้วยคาถานี้. บทว่า ปชฺชลติ ความว่า ย่อมรุ่งเรืองด้วยอิสริยยศ และ
บริวารยศ. ในบทว่า สิริยา อชฺชหิโต โหติ นี้ ควรกล่าวเรื่องของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี. บทว่า อสฺนาติ แปลว่า ย่อมบริโภค. บทว่า ปติฏฺฐํ
ลภติ พึงแสดงด้วยจุลปทุมชาดก. บทว่า วิรุฬฺหมูลสนฺตานํ แปลว่า มี
รากและย่านเจริญ. ในบทว่า อมิตฺตา นปฺปสหนฺติ นี้ พึงกล่าวเรื่องโจร
เข้าเรือนของมารดาพระโสณเถระในเรือนตระกูล.

สุนันทสารถีได้ฟังดังนั้น แม้พระมหาสัตว์ทรงแสดงธรรมด้วยคาถา
มีประมาณเท่านี้ ก็ยังจำพระองค์ไม่ได้ หยุดขุดหลุมด้วยคิดว่า คนนี้ใครหนอ
แล้วลุกขึ้นเดินไปใกล้รถ ไม่เห็นพระมหาสัตว์และห่อเครื่องประดับทั้งสอง
อย่าง จึงกลับมาแลดูพระองค์ก็จำพระองค์ได้ จึงหมอบลงแทบพระบาทแห่ง
พระมหาสัตว์ ประคองอัญชลีทูลวิงวอน กล่าวคาถานี้ว่า

ขอพระองค์เสด็จมาเถิด ข้าพระบาทจักนำ
พระองค์ซึ่งเป็นพระราชโอรสกลับสู่มณเฑียรของ
พระองค์ ขอพระองค์จงครองราชสมบัติ ขอพระองค์
จงทรงพระเจริญ พระองค์จักทรงทำอะไรในป่า.
ลำดับนั้น พระมหาสัตว์จึงตรัสกะนายสารถีว่า

แน่ะนายสารถี เราไม่ต้องการด้วยราชสมบัติที่
เราจะพึงได้ด้วยการประพฤติอธรรม พร้อมด้วยญาติ
และทรัพย์.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อลํ เป็นคำปฏิเสธ.
นายสารถีกราบทูลว่า

ข้าแต่พระราชบุตร พระองค์เสด็จกลับจากที่นี้
จะทำให้ข้าพระองค์ได้รางวัลเครื่องยินดี เมื่อพระองค์
เสด็จกลับไปแล้ว พระชนก และพระชนนี จะพระ-
ราชทานรางวัลเครื่องยินดีแก่ข้าพระองค์ ข้าแต่
พระราชบุตร เมื่อพระองค์เสด็จกลับไปแล้ว นางสนม
กุมาร พ่อค้า และพราหมณ์เหล่านั้นจะยินดีให้รางวัล
แก่ข้าพระองค์ ข้าแต่พระราชบุตร เมื่อพระองค์เสด็จ

กลับไปแล้ว กองทัพช้าง กองทัพม้า กองทัพรถ
กองทัพราบ แม้เหล่านั้นจะยินดีให้รางวัลแก่ข้า-
พระองค์ ข้าแต่พระราชบุตร เมื่อพระองค์เสด็จกลับ
ไปแล้ว ชาวชนบท ชาวนิคม ผู้มีธัญญาหารมาก
จะประชุมกันให้เครื่องบรรณาการแก่ข้าพระองค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุณฺณปตฺตํ ได้แก่ รางวัลเครื่องยินดี
คือของให้ที่น่ายินดี. บทว่า ทชฺชุํ ความว่า พึงให้รางวัลเครื่องยินดีที่ทำให้
ความมุ่งหมายของข้าพระองค์บริบูรณ์ ดุจหลั่งฝนคือรัตนะเจ็ดประการ ฉะนั้น
นายสารถีคิดว่า อย่างไรเสีย พระกุมารนี้ก็คงเสด็จกลับเพื่ออนุเคราะห์เรา จึง
ได้กล่าวคำนี้. บทว่า เวสิยา แปลว่า พ่อค้า. บทว่า อุปยานานิ แปลว่า
เครื่องบรรณาการ.

พระมหาสัตว์ทรงสดับดังนั้นแล้ว ตรัสว่า
พระชนกและพระชนนีสละเราแล้ว ชาว
แว่นแคว้น ชาวนิคมและกุมารทั้งปวงก็สละเราแล้ว
เราไม่มีเหย้าเรือนของตน พระชนนีทรงอนุญาตเรา
แล้ว พระชนกก็ทรงสละเราจริง ๆแล้ว เราจะบวช
อยู่ในป่าคนเดียว ไม่ปรารถนากามคุณทั้งหลาย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปิตุ มาตุ จ แปลว่า อันพระชนก
และพระชนนี. บทว่า จตฺโต แปลว่า สละขาด แล้ว แม้ในบทนอกนี้ ก็
นัยนี้เหมือนกัน. บทว่า มตฺยา ความว่า แน่ะนายสารถีเพื่อนรัก เราชื่อว่า
อันพระชนนีผู้รับพรกำหนดให้ครองราชสมบัติ ๗ วัน ทรงอนุญาตแล้ว. บทว่า
สญฺจตฺโต แปลว่า สละแล้วด้วยดี. บทว่า ปพฺพชิโต ความว่า ออกเพื่อ
ต้องการบวชอยู่ในป่า.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เมื่อพระมหาสัตว์ตรัสคุณธรรมของพระองค์อยู่อย่างนี้ พระปีติได้เกิด
ขึ้นแล้ว แต่นั้น เมื่อทรงเปล่งพระอุทานด้วยกำลังพระปีติ จึงตรัสว่า
ความหวังผลของเหล่าบุคคลผู้ไม่รีบร้อน ย่อม
สำเร็จแน่นอน เรามีพรหมจรรย์สำเร็จแล้ว ท่านจงรู้
อย่างนี้เถิด นายสารถี ประโยชน์โดยชอบของเหล่า-
บุคคลผู้ไม่รีบร้อน ย่อมให้ผลแน่นอน เรามี
พรหมจรรย์สำเร็จแล้ว ออกบวชแล้ว จะมีภัยแต่
ไหนเล่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ผลาสาว ความว่า พระมหาสัตว์ตรัสอย่างนี้
เพื่อแสดงว่า ผลแห่งความมุ่งหมายของเราผู้ไม่รีบร้อน สิบหกปีจึง
สำเร็จ. บทว่า วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ แปลว่า มีความปรารถนาถึงที่สุด
แล้ว. บทว่า สมฺมทตฺโถ วิปจฺจติ ความว่า ประเภทคุณวิเศษมีฌาน
เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจที่พึงทำ ย่อมสำเร็จโดยชอบ คือโดยอุบาย โดยการณ์.
นายสารถีกราบทูลว่า

พระองค์มีพระดำรัสไพเราะ และมีพระวาจา
สละสลวยอย่างนี้ เหตุไฉนจึงไม่ตรัสในสำนักแห่ง
พระชนกและพระชนนีในกาลนั้นเล่า.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วคฺคุกโถ แปลว่า มีพระดำรัสไพเราะ
คือมีพระดำรัสอ่อนหวาน.
แต่นั้น พระมหาสัตว์ตรัสว่า

เราเป็นง่อยเปลี้ย เพราะไม่มีเครื่องติดต่อก็หาไม่
เราเป็นหนวกเพราะไม่มีช่องหูก็หาไม่ เราเป็นใบ้
เพราะไม่มีลิ้นก็หาไม่ ท่านอย่าเข้าใจว่าเราเป็นใบ้
เราระลึกชาติปางก่อนที่เราเสวยราชสมบัติได้ เราได้
เสวยราชสมบัติในกาลนั้นแล้ว ต้องไปตกนรกอัน
กล้าแข็ง เราได้เสวยราชสมบัติในกาลนั้นยี่สิบปี ต้อง

หมกไหม้อยู่ในนรก ๘๐,๐๐๐ ปี เรากลัวจะต้องเสวย
ราชสมบัตินั้น ขอชนทั้งหลายอย่าพึงอภิเษกเราใน
ราชสมบัติเลย เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่พูดในสำนัก
ของพระชนกและพระชนนีในกาลนั้น พระชนกทรง
อุ้มเราให้นั่งบนพระเพลา แล้วตรัสสั่งข้อความว่า จง
ฆ่าโจรคนหนึ่ง จงจองจำโจรคนหนึ่ง จงเอาหอก


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แทงโจรคนหนึ่ง แล้วเอาน้ำแสบราดแผล จงเสียบโจร
คนหนึ่งบนหลาว ตรัสสั่งเจ้าหน้าที่นั้นอย่างนี้ เราได้
ฟังพระวาจาอันหยาบคายที่พระชนกตรัสนั้น จึงกลัว
การเสวยราชสมบัติ เรามิได้เป็นใบ้ ก็ทำเหมือนเป็น
ใบ้ มิได้เป็นง่อยเปลี้ย ก็ให้คนเข้าใจว่าง่อยเปลี้ย
แกล้งนอนเกลือกกลิ้งอยู่ในปัสสาวะและอุจจาระของ
ตน ชีวิตนั้นเป็นของลำบาก เป็นของน้อย ทั้ง

ประกอบด้วยทุกข์ ใครเล่าจะอาศัยชีวิตนี้ ทำเวรด้วย
เหตุการณ์หน่อยหนึ่ง ใครเล่าจะอาศัยชีวิตนี้ ทำเวร
ด้วยเหตุการณ์หน่อยหนึ่ง เพราะไม่ได้ปัญญา เพราะ
ไม่เห็นธรรม ความหวังผลของเหล่าบุคคลผู้ไม่
รีบร้อน ย่อมสำเร็จแน่นอน เรามีพรหมจรรย์สำเร็จ
แล้ว ท่านจงรู้อย่างนี้เถิด นายสารถี ประโยชน์โดย
ชอบของเหล่าบุคคลผู้ไม่รีบร้อน ย่อมให้ผลแน่นอน
เรามีพรหมจรรย์สำเร็จแล้ว ออกบวชแล้ว จะมีภัย
แต่ไหนเล่า.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อสนฺธิตา แปลว่า เพราะไม่มีที่ต่อ.
บทว่า อโสตตา แปลว่า เพราะไม่มีโสต. บทว่า อชิวฺหตา ความว่า
เรานั้นมิได้เป็นใบ้ เพราะไม่มีลิ้นสำหรับเปลี่ยนไปมาของคำพูด. บทว่า ยตฺถ
ความว่า ได้เสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสีนั่นแลในชาติใด. บทว่า ปาปตฺถํ
ความว่า พระมหาสัตว์ตรัสถึงความชั่วว่า พระองค์ได้ตกมาแล้ว. บทว่า

รชฺเชภิเสจยุํ แปลว่า พึงอภิเษกในราชสมบัติ. บทว่า นิสีทิตฺวา ความว่า
ให้นั่งแล้ว. บทว่า อตฺถานุสาสติ ความว่า ตรัสสั่งข้อความผิด. บทว่า
ขาราปตจฺฉกํ ความว่า จงเอาหอกแทงแล้วราดน้ำแสบที่แผล. บทว่า
อุพฺเพถ แปลว่า จงยกขึ้น คือจงเสียบ. บทว่า อิจฺจสฺส อนุสาสติ

ความว่า ตรัสสั่งข้อความแก่มหาชนนั้นอย่างนี้. บทว่า ตายาหํ ความว่า
เราได้ฟังพระวาจาเหล่านั้น. บทว่า ปกฺขสมฺมโต ความว่า ได้เป็นผู้อันชน
ทั้งหลายเข้าใจว่าเป็นง่อยเปลี้ย คือเป็นเหมือนคนง่อยเปลี้ย. บทว่า อจฺฉาหํ
ความว่า อยู่แล้ว คือเราอยู่แล้ว. บทว่า สํปริปลุโต ความว่า เป็นผู้


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เกลือกกลิ้ง คือจมลงแล้ว. บทว่า กสิรํ แปลว่า เป็นทุกข์. บทว่า ปริตฺตํ
แปลว่า น้อย คำนี้มีอธิบายว่า แน่ะนายสารถีเพื่อนรัก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย
ถ้าเป็นทุกข์ ก็จะพึงตั้งอยู่คือเป็นไปนานมาก ถ้านิดหน่อยก็จะพึงเป็นคือเป็น
ไปสบาย แต่ชีวิตนี้ ลำบากก็ตาม นิดหน่อยก็ตาม น้อยก็ตาม ย่อมประกอบ
คือเข้าไปทรงไว้พร้อมด้วยทุกข์ในวัฏฏะทั้งสิ้นทีเดียว คือ ถูกชาติ ชรา มรณะ

โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาสย่ำยี. บทว่า โกมํ ตัดบทเป็น
โก อิมํ. บทว่า เวรํ ได้แก่ เวรห้าอย่างมีปาณาติบาตเป็นต้น. บทว่า เกนจิ
ได้แก่ ด้วยเหตุไรๆ. บทว่า กยิราถ แปลว่า พึงกระทำ. บทว่า ปญฺญาย
ได้แก่ วิปัสสนาปัญญา. บทว่า ธมฺมสฺส ความว่า เพราะไม่เห็นโสดา-
ปัตติมรรค.

พระมหาสัตว์ได้ตรัสอุทานคาถาซ้ำอีก เพื่อประกาศความประสงค์ไม่
เสด็จกลับไปพระนครเป็นมั่นคง.

สุนันทสารถีได้ฟังดังนั้น คิดว่า พระกุมารนี้ ทิ้งสิริราชสมบัติเห็นปาน
นี้เหมือนทิ้งซากศพ ไม่ทำลายความตั้งใจมั่นของพระองค์ เข้าป่าด้วยหวังว่า
จักผนวช เราจะต้องการอะไรด้วยชีวิตอันไม่สมประกอบนี้ แม้เราก็จักบวช
กับด้วยพระกุมารนั้น คิดดังนี้แล้ว จึงกล่าวคาถาว่า

ข้าแต่พระราชบุตร แม้ข้าพระองค์ก็จักบวชใน
สำนักของพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดตรัสเรียกให้
ข้าพระองค์บวชด้วยเถิด ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
ข้าพระองค์ชอบบวช.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตวนฺติเก แปลว่า ในสำนักของท่าน.
บทว่า อวฺหยสฺสุ ความว่า ขอพระองค์โปรดตรัสเรียกข้าพระองค์ว่า เจ้าจง
มาบวชเถิด.

แม้นายสารถีทูลวิงวอนอย่างนี้ พระมหาสัตว์ทรงพระดำริว่า หากเรา
ให้นายสารถีบวชในบัดนี้ทีเดียว พระชนกพระชนนีของเราก็จักไม่เสด็จมาใน
ที่นี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเสื่อมจักมีแก่พระชนกและพระชนนีทั้งสอง ม้า รถ
และเครื่องประดับเหล่านี้ก็จักพินาศ แม้ความครหาก็จักเกิดขึ้นแก่เราว่า นาย
สารถีนั้นถูกพระราชกุมารผู้เป็นยักษ์กินเสียแล้ว ทรงพิจารณาเพื่อจะเปลื้อง

ความครหาของพระองค์ และพิจารณาถึงความเจริญแห่งพระชนกและพระชนนี
เมื่อทรงแสดงม้ารถและเครื่องประดับ ทำให้เป็นหนี้ของนายสารถีนั้น จึงตรัส
คาถาว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
แน่ะนายสารถี ท่านจงไปมอบคืนรถ แล้วเป็น
ผู้ไม่มีหนี้เถิด เพราะผู้ไม่มีหนี้จึงบวชได้ การบวชนั้น
ท่านผู้แสวงหาคุณอันยิ่งสรรเสริญแล้ว.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอตํ ได้แก่ การกระทำการบรรพชานั้น.
บทว่า อิสีภิ วณฺณิตํ ความว่า ท่านผู้แสวงหาคุณอันยิ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น
สรรเสริญแล้ว.

นายสารถีได้ฟังดังนั้น คิดว่า เมื่อเราไปสู่พระนคร ถ้าพระกุมารนี้
จะพึงเสด็จไปที่อื่น พระราชบิดาได้ทรงสดับข่าวนี้ แล้วเสด็จมาตรัสว่า จงแสดง
ลูกของเรา มิได้ทอดพระเนตรเห็นพระกุมารนี้ จะพึงลงราชทัณฑ์แก่เรา
เพราะฉะนั้น เราจะกล่าวคุณของตนแก่พระกุมารนี้ จักถือเอาคำปฏิญญาเพื่อ
ไม่เสด็จไปที่อื่น คิดดังนี้แล้ว จึงกล่าวคาถา ๒ คาถาว่า

ข้าพระองค์ได้ทำตามพระดำรัส ขอพระองค์จง
ทรงพระเจริญ พระองค์ควรจะทรงทำตามคำที่ข้า-
พระองค์ทูลวิงวอน ขอพระองค์จงประทับรออยู่ ณ
ที่นี้ จนกว่าข้าพระองค์จะนำพระราชาเสด็จมา อย่าง
ไรเสีย พระราชบิดาของพระองค์ทอดพระเนตรเห็น
แล้ว คงทรงพระปีติโสมนัสเป็นแน่.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เต ความว่า ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
พระดำรัสใดที่พระองค์ตรัสแล้วแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้กระทำตามพระ-
ดำรัสนั้นแล้ว พระองค์อันข้าพระองค์วิงวอนแล้ว ควรจะกระทำตามคำนั้น
เท่านั้น.
แต่นั้น พระมหาสัตว์ ตรัสว่า

แน่ะนายสารถี เราจะกระทำตามคำของท่าน
ที่ท่านกล่าวกะเรา แม้ตัวเราก็อยากเห็นพระชนกของ
เราเสด็จมาในที่นี้ จงกลับไปเถิดเพื่อนรัก ท่านจงทูล
แก่พระญาติทั้งหลายด้วยก็เป็นการดี ท่านเป็นผู้ที่เรา
สั่งแล้ว จงกราบทูลถวายบังคมพระชนกพระชนนี
ของเรา.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กโรมิ เต ตํ ความว่า เรากระทำตาม
คำนั้นของท่าน. บทว่า เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ ความว่า แน่ะนายสารถี
เพื่อนรัก ท่านจงไปในที่นั้น จงรีบกลับไปจากที่นี้ทีเดียว. บทว่า วุตฺโต
วชฺชาสิ ความว่า ท่านเป็นผู้ที่เรากล่าวสั่งแล้ว พึงกราบทูลถวายบังคมของ
เราว่า เตมิยกุมารพระโอรสของพระองค์ ถวายบังคมพระบาทยุคลของพระองค์.

ครั้นตรัสดังนี้แล้ว พระมหาสัตว์ได้น้อมพระองค์ดุจลำต้นกล้วยทองคำ
ผินพระพักตร์ไปทางกรุงพาราณสี ถวายบังคมพระชนกและพระชนนี ด้วย
เบญจางคประดิษฐ์ แล้วได้ประทานข่าวสาส์นแก่นายสารถี.
นายสารถีรับข่าวสาส์นแล้วทำประทักษิณพระกุมาร ถวายบังคมแทบ
พระยุคลบาทของพระกุมาร ขึ้นรถแล้วขับตรงไปยังกรุงพาราณสี.
พระศาสดาเมื่อทรงประกาศความข้อนั้น ตรัสว่า

นายสารถีจับพระบาททั้งสองของพระกุมาร
และกระทำประทักษิณพระกุมารแล้ว ขึ้นรถเข้าไปสู่
ประตูพระราชวัง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตสฺส เป็นต้น ความว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย นายสารถีนั้นจับที่พระบาททั้งสองของพระกุมารนั้น กระทำ
ประทักษิณแล้วขึ้นรถเข้าไปสู่ประตูพระราชวัง.

ในขณะนั้น พระนางจันทาเทวีเผยพระแกลคอยแล ดูการมาของนาย
สารถี ด้วยใคร่จะทรงทราบว่า ความเป็นไปของลูกเราเป็นอย่างไรหนอ พอ
ทอดพระเนตรเห็นนายสารถีกลับมาแต่ผู้เดียว ก็เป็นประหนึ่งพระหฤทัยจะแตก
ทำลายไป ทรงคร่ำครวญแล้ว.
พระศาสดาเมื่อทรงประกาศความข้อนั้น ตรัสว่า

พระชนนีทอดพระเนตรเห็นรถเปล่า มีแต่นาย
สารถีมาคนเดียว ก็มีพระเนตรทั้งสองนองไปด้วย
พระอัสสุชลทรงกันแสง ทอดพระเนตรดูนายสารถี
นั้นด้วยเข้าพระหฤทัยว่า นายสารถีนี้ฝังโอรสของเรา
เสียแล้ว โอรสของเรานายสารถีฝังเสียในแผ่นดิน
ถมแผ่นดินแล้วเป็นแน่ ปัจจามิตรทั้งหลายจะยินดี
ศัตรูทั้งหลายจะอิ่มใจเป็นแน่ เพราะเห็นนายสารถีมา
แล้ว เพราะฝังโอรสของเราแล้ว พระชนนีทอด-


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระเนตรเห็นรถเปล่า นายสารถีกลับมาแต่ผู้เดียว
ก็มีพระเนตรทั้งสองนองไปด้วยพระอัสสุชลทรง
กันแสง ตรัสสอบถามนายสารถีนั้นว่า โอรสของเรา
เป็นใบ้หรือ เป็นง่อยหรือ ตรัสอะไรบ้างหรือในเวลา
ที่ถูกท่านฝังในแผ่นดิน จงบอกเนื้อความนั้นแก่เรา
เถิด นายสารถี โอรสของเราเป็นใบ้เป็นง่อย เขา
กระดิกมือเท้าอย่างไรบ้างไหม ในเมื่อถูกท่านฝังใน
แผ่นดิน เราถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอกความนั้น
แก่เรา.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มาตา ได้แก่ พระชนนีของเตมิยกุมาร
โพธิสัตว์. บทว่า ปฐพฺยา ภูมิวฑฺฒโน ความว่า ลูกของเรานั้น ถูกฝัง
ในแผ่นดินถมพื้นดินเป็นแน่. บทว่า โรทนฺตี นํ ปริปุจฺฉติ ความว่า
พระนางจันทาเทวีตรัสสอบถามนายสารถีผู้หยุดรถไว้ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ขึ้นปราสาทถวายบังคมพระนางแล้วยืน ณ ที่ควรแห่งหนึ่ง. บทว่า กินฺนุ
ความว่า ลูกของเรานั้นเป็นใบ้และเป็นง่อยเปลี้ยจริงหรือ. บทว่า ตทา

ความว่า ในเวลาที่ท่านฝังเขาในหลุมแล้วเอาสันจอบทุบศีรษะ. บทว่า
นิหญฺญมาโน ภูมิยา ความว่า เมื่อถูกท่านฝังในพื้นดิน เขาพูดอย่างไร
บ้าง. บทว่า ตํ เม อกฺขาหิ ความว่า ท่านจงบอกเรื่องทั้งหมดนั้นอย่าให้
คลาดเคลื่อน. บทว่า วิวฏฺฏยิ ความว่า ลูกของเราเขาไหวมือ และเท้า
พร่ำกล่าวกะท่านว่า หลีกไปสารถี ท่านอย่าฆ่าเรา ดังนี้บ้างหรือไม่.

ลำดับนั้น นายสุนันทสารถี กราบทูลพระนางว่า
ข้าแต่พระแม่เจ้า ขอพระแม่เจ้าโปรดประทาน
อภัยแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอกราบทูลตามที่ได้
ฟังได้เห็นในสำนักพระราชโอรส แด่พระองค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทชฺชาสิ ความว่า ถ้าพระองค์จะพึง
ประทานอภัย นายสุนันทสารถี นั้นคิดว่า ถ้าเราจะกราบทูลว่า พระโอรส
ของพระองค์ไม่เป็นคนใบ้ ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย ไม่เป็นหนวก มีพระดำรัส
ไพเราะ เป็นธรรมกถึก ดังนี้ พระราชาจะพึงมีพระดำริว่า เมื่อเป็นเช่นนั้น
เหตุไร ท่านจึงไม่พาลูกของเรานั้นมา พึงกริ้วสั่งลงพระราชอาญาแก่เราแน่
เราต้องขอพระทานอภัยเสียก่อน จึงกราบทูลคำนี้.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น พระนางจันทาเทวีจึงตรัสแก่นายสารถีนั้นว่า
ดูก่อนนายสารถีผู้สหาย เราให้อภัยแก่ท่าน
ท่านไม่ต้องกลัว จงกล่าวตามที่ท่านได้ฟังหรือได้เห็น
ในสำนักของพระราชโอรส.
แต่นั้นนายสารถีกราบทูลว่า

พระราชโอรสนั้นมิได้เป็นใบ้ มิได้เป็นง่อยเปลี้ย
พระองค์มีพระวาจาสละสลวย ได้ยินว่า พระองค์กลัว
ราชสมบัติ จึงได้ทรงทำการลวงเป็นอันมาก พระองค์
ทรงระลึกถึงชาติก่อน ที่พระองค์ได้เสวยราชสมบัติ
พระองค์เสวยราชสมบัติในกาลนั้นแล้ว ต้องไปตก
นรกอันกล้าแข็ง พระองค์เสวยราชสมบัติในกาลนั้น

๒๐ ปี แล้วต้องหมกไหม้อยู่ในนรก ๘๐,๐๐๐ ปี
พระองค์กลัวจะต้องเสวยราชสมบัตินั้น ทรงอธิษฐาน-
ว่า ขอชนทั้งหลาย อย่าพึงอภิเษกเราในราชสมบัติเลย
เพราะฉะนั้น พระองค์จึงไม่ตรัสในสำนักของพระชนก
และพระชนนีในกาลนั้น พระราชโอรสทรงสมบูรณ์

ด้วยองคาพยพ มีพระรูปงดงามสมส่วน มีพระวาจา
สละสลวย มีพระปัญญา ทรงดำรงอยู่ในมรรคาแห่ง
สวรรค์ ถ้าพระแม่เจ้ามีพระราชประสงค์ จะทอดพระ
เนตรเห็นพระราชโอรสของพระองค์ ก็ขอเชิญเสด็จ
เถิด ข้าพระองค์ จะนำเสด็จพระแม่เจ้าไปให้ถึงที่ที่
พระเตมิยราชโอรสประทับอยู่.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วิสฏฺฐวจโน ได้แก่ มีพระดำรัส
บริสุทธิ์. บทว่า อกรา อาลเย พหู ความว่า ได้กระทำการลวงพระองค์
เป็นอันมาก. บทว่า ปญฺโญ แปลว่า มีปัญญา. บทว่า สเจ ตฺวํ ความว่า
นายสารถีกระทำพระราชาให้เป็นธุระ กราบทูลอย่างนี้กะทั้งสองพระองค์นั้น.
บทว่า ยตฺถ สมฺมติ ความว่า นายสารถีกราบทูลว่า พระโอรสของพระองค์
ทรงรับปฏิญญาไว้กับข้าพระองค์ ประทับอยู่ ณ ที่ใด ข้าพระองค์จักพาพระ
องค์ไป ณ ที่นั้น ควรรีบเสด็จไปโดยไม่เนิ่นช้า.

ฝ่ายเตมิยกุมารครั้นส่งนายสารถีไปแล้ว ใคร่จะทรงผนวช ครั้งนั้น
ท้าวสักกเทวราชทรงทราบพระหฤทัยของพระกุมารนั้น จึงตรัสสั่งพระวิสสุ-
กรรมเทพบุตรว่า พ่อวิสสุกรรม พระเตมิยกุมารใคร่จะทรงผนวช ท่านจงไป
สร้างบรรณศาลาและเครื่องบริขารแห่งบรรพชิตแก่พระกุมารนั้น พระวิสสุ-

กรรมเทพบุตรรับเทวโองการแล้วลงจากสวรรค์ เนรมิตอาศรมขึ้นในราวป่า
สามโยชน์ เนรมิตที่พักกลางคืนและกลางวัน และสระโบกขรณี ทำสถานที่
นั้นให้สมบูรณ์ด้วยต้นไม้มีผลไม่จำกัดกาล เนรมิตที่จงกรมประมาณ ๒๔
ศอกในที่ใกล้บรรณศาลา เกลี่ยทรายมีสีดังแก้วผลึกภายในที่จงกรม และเนร-

มิตเครื่องบริขาร สำหรับบรรพชิตทุกอย่าง แล้วเขียนอักษรบอกไว้ที่ฝาว่า
กุลบุตรผู้ใดผู้หนึ่งใคร่จะบวช จงถือเอาเครื่องบริขารสำหรับบรรพชิตเหล่านี้
บวชเถิด แล้วให้เนื้อและนก ใกล้อาศรมหนีไป เสร็จแล้วกลับไปยังที่อยู่ของตน.

ขณะนั้น พระมหาสัตว์ทอดพระเนตรเห็นอาศรมบทนั้น ทรงอ่าน
หนังสือแล้วก็ทรงทราบว่า ท้าวสักกเทวราชประทานให้ จึงเสด็จเข้าบรรณศาลา
เปลื้องภูษาของพระองค์ ทรงนุ่งผ้าเปลือกไม้สีแดง ทรงห่มผ้านั้นผืนหนึ่ง
ทำหนังเสือเฉวียงพระอังสา ทรงผูกมณฑลชฎา ยกคานเหนือพระอังสา ทรง
ถือธารพระกรเสด็จออกจากบรรณศาลา เมื่อจะให้สิริแห่งบรรพชิตเกิดขึ้นจึง

เสด็จจงกรมกลับไปกลับมา ทรงเปล่งอุทานขึ้นว่า การบรรพชาที่เราได้แล้ว
เป็นสุข เป็นสุขยิ่งหนอ แล้วเสด็จเข้าบรรณศาลา ประทับนั่งบนที่ลาดด้วยใบไม้
ยังอภิญญาห้าและสมาบัติแปดให้เกิด เสด็จออกจากบรรณศาลาในเวลาเย็น
เก็บใบหมากเม่าที่เกิดอยู่ท้ายที่จงกรม นึ่งในภาชนะที่ท้าวสักกะประทาน
ด้วยน้ำร้อนอันไม่มีรสเค็ม ไม่มีรสเปรี้ยว ไม่เผ็ด เสวย ดุจบริโภคอมฤตรส
เจริญพรหมวิหารสี่สำเร็จอิริยาบถอยู่ในที่นั้น.


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสต์ เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ฝ่ายพระเจ้ากาสิกราช ได้ทรงสดับคำของสุนันทสารถี จึงตรัสสั่งให้
เรียกมหาเสนาคุต รีบร้อนใคร่ให้ทำการตระเตรียมเสด็จ ตรัสว่า
เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจงเทียมรถเทียมม้า จงผูก
เครื่องประดับช้าง จนกระทั่งสังข์และบัณเฑาะว์ จง
ตีกลองหน้าเดียว จงตีกลองสองหน้า และรำมะนา
อันไพเราะ ขอชาวนิคมจงตามเรามา เราจักไปให้

โอวาทแก่ลูกชาย นางสนม กุมาร พ่อค้า และ
พราหมณ์ทั้งหลาย จงรีบเตรียมยาน เราจักไปให้
โอวาทแก่ลูกชาย พวกกองพลช้าง กองพลม้า กอง
พลรถ กองพลราบ จงรีบเตรียมยาน เราจักไปให้
โอวาทแก่ลูกชาย ชาวชนบทและชาวนิคม จงมา
ประชุมรีบเตรียมยาน เราจักไปให้โอวาทแก่ลูกชาย.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุทฺธริยนฺตุ ได้แก่ จงบรรเลงสนั่น.
บทว่า นทนฺตุ ได้แก่ จงเปล่งเสียง. บทว่า เอกโปกฺขรา ได้แก่ กลอง
หน้าเดียว. บทว่า สนฺนทฺธา ได้แก่ หุ้มไว้อย่างดี. บทว่า วคฺคู ได้แก่
มีเสียงไพเราะ. บทว่า คจฺฉํ แปลว่า จักไป. บทว่า ปุตฺตนิวาทโก
ความว่า เราจักไปกล่าวสอน คือให้โอวาทแก่ลูกชาย พระเจ้ากาสิกราชตรัส

อย่างนี้ ด้วยมีพระราชประสงค์ว่า เราจะไปเพื่อกล่าวสอนเตมิยกุมาร ให้เชื่อ
ถือคำของเรา แล้วอภิเษกตั้งเขาไว้ในกองรัตนะ ณ ที่นั้นแหละแล้วนำมา.
บทว่า เนคมา ได้แก่ พวกคนมีทรัพย์. บทว่า สมาคตา ความว่า จง
ประชุมกันตามเรามา.

นายสารถีทั้งหลาย ที่พระราชาตรัสสั่งอย่างนี้แล้ว ก็เทียมม้าจอดรถ
ไว้แทบประตูพระราชวัง แล้วกราบทูลให้ทรงทราบ.
พระศาสดาเมื่อทรงประกาศความข้อนั้น ตรัสว่า


+ ผูกมิตรด้วยการให้ ผู้ใจด้วยความดี อยากมีดีก็ต้องสร้างสมกันเอง
+ คิดว่าตนดีแล้วจึงมิคิดจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขตนเอง
คิดว่าตนยังไม่ดีจึงคิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขและปรับปรุงตนเอง
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งใช้ยิ่งมาก
เพราะความมักมากจึงทำจิตให้ตกต่ำ
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 117, 118, 119, 120, 121, 122, 123 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร