วันเวลาปัจจุบัน 13 ก.ย. 2025, 05:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 148, 149, 150, 151, 152, 153, 154 ... 179  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เมืองของท้าวธตรฐ อยู่ภายใต้แม่น้ำยมุนา จด
หิมวันตบรรพตซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลแม่น้ำยมุนา ล้วนแล้ว
ไปด้วยทองคำงามรุ่งเรือง พี่น้องร่วมท้องของเรา ล้วน
เป็นคนมีชื่อลือชา อยู่ในเมืองนั้น ดูก่อนพราหมณ์
พี่น้องของเราเหล่านั้นจักว่าอย่างไร เราจักต้องเป็น
อย่างนั้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยํ ปุรํ แปลว่า นครใด. บทว่า โอคาฬฺหํ
ความว่า อยู่ลึกลงไปใต้แม่น้ำยมุนา. บทว่า คิริมาหจฺจ ยามุนํ ความว่า
ตั้งอยู่ไม่ไกลแต่แม่น้ำยมุนา จดหิมวันตบรรพต. บทว่า โชตเต แปลว่า
รุ่งเรืองอยู่. บทว่า ตตฺถ เต ความว่า พี่ชายของเราเหล่านั้น อยู่ในนคร
นั้น. อธิบายว่าเมื่อเจ้าถูกนำไปในที่นั้น พี่ชายเหล่านั้นว่าอย่างใด เจ้าจักเป็น
อย่างนั้น ก็ถ้าเจ้ากล่าวคำจริง ชีวิตของเจ้าก็จะมีอยู่ ถ้ากล่าวคำไม่จริง เราจะ
ตัดศีรษะของเจ้าในที่นั้นทีเดียว.

สุโภคะครั้นกล่าวดังนั้นแล้ว จึงจับคอพราหมณ์เสือกไสไปพลาง
บริภาษไปพลาง จนถึงประตูปราสาทของพระโพธิสัตว์.
จบสุโภคกัณฑ์

ลำดับนั้น กาณาริฏฐะนั่งเฝ้าประตูอยู่ เห็นสุโภคะพาพราหมณ์เนสาท
ทรมานมาดังนั้น จึงเดินสวนทางไปบอกว่า แน่ะ พี่สุโภคะ พี่อย่าเบียดเบียน
พราหมณ์นั้น เพราะพวกที่ชื่อว่าพราหมณ์ในโลกนี้ เป็นบุตรท้าวมหาพรหม
ถ้าท้าวมหาพรหมรู้เข้าก็จักโกรธว่า นาคเหล่านี้ เบียดเบียนแม้ลูกทั้งหลายของ
เราแล้ว จักทำนาคพิภพทั้งสิ้นให้พินาศ เพราะพวกที่ชื่อว่าเป็นพราหมณ์ เป็น

ผู้ประเสริฐและมีอานุภาพมากในโลก พี่ไม่รู้จักอานุภาพของพวกพราหมณ์เหล่า
นั้น ส่วนข้าพเจ้าเองรู้ เล่ากันมาว่า กาณาริฏฐะในภพที่เป็นลำดับที่ล่วงมา
ได้เกิดเป็นพราหมณ์บูชายัญ เพราะฉะนั้น จึงได้กล่าวอย่างนี้ ก็แลครั้น
กล่าวแล้วด้วยอำนาจที่ตนเคยเสวยมาในกาลก่อน จึงมีปกติฝังอยู่ในการบูชายัญ

จึงเรียกสุโภคะและนาคบริษัทมาบอกว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงมาเถิด เราจัก
พรรณนาคุณของพราหมณ์ผู้ทำการบูชายัญ ดังนี้แล้วเมื่อเริ่มกล่าวพรรณนายัญ
จึงกล่าวว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 08:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าแต่พี่สุโภคะ ยัญและเวททั้งหลายในโลกที่
พวกพราหมณ์นอกนี้ประกอบขึ้น ไม่ใช่เป็นของเล็ก
น้อยเพราะฉะนั้น ผู้ติเตียนพราหมณ์ซึ่งใคร ๆ ไม่ควร
ติเตียน ชื่อว่าย่อมละทิ้งทรัพย์เครื่องปลื้มใจและธรรม
ของสัตบุรุษเสีย

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนิตฺตรา ความว่า ดูก่อนสุโภคะ ยัญ
และเวททั้งหลายในโลกนี้ ที่พวกพราหมณ์ประกอบขึ้น ไม่ใช่เป็นเล็กน้อย
ไม่เลวทราม มีอานุภาพมาก. ยัญและเวทเหล่านั้น ที่พวกพราหมณ์นอกนี้
ประกอบขึ้น เพราะฉะนั้น แม้พราหมณ์ทั้งหลายเป็นผู้ไม่ใช่เล็กน้อยเลย. บทว่า
ตทคฺครยฺหํ ความว่า ผู้ติเตียนพราหมณ์ที่ไม่ควรติ ชื่อว่า ย่อมละทิ้งทรัพย์
และธรรมของสัตบุรุษ คือของบัณฑิตทั้งหลาย.

เล่ากันมาว่า เขาได้กล่าวว่า นาคบริษัททั้งหลายอย่าได้เพื่ออันกล่าวว่า
พราหมณ์นี้ ได้ทำกรรมประทุษร้ายต่อมิตรในพระภูริทัตนี้.

ลำดับนั้น กาณาริฏฐะ ได้กล่าวกะสุโภคะนั้นว่า ดูก่อนพี่สุโภคะ
พี่สุโภคะรู้หรือไม่ว่าโลกนี้ใครสร้าง เมื่อสุโภคะตอบว่า ไม่รู้ เพื่อจะแสดงว่า
โลกนี้ท้าวมหาพรหม ปู่ของพวกพราหมณ์สร้าง จึงกล่าวคาถาอีกว่า
พวกพราหมณ์ ถือการทรงไตรเพท พวกกษัตริย์
ปกครองแผ่นดิน พวกแพศย์ยึดการไถนา และพวกศูทร

ยึดการบำเรอ วรรณะทั้ง ๔ นี้ เข้าถึงการงานตามที่
อ้างมาเฉพาะอย่าง ๆ นั้น กล่าวกันว่า มหาพรหมผู้มี
อำนาจจัดทำไว้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปาคู แปลว่า เข้าถึงแล้ว. เล่ากัน
มาว่า พรหมนิรมิตวรรณะ ๔ มี พราหมณ์เป็นต้นแล้ว กล่าวกะพราหมณ์

ทั้งหลายผู้ประเสริฐ เป็นอันดับแรกว่า พวกท่านจงยึดการศึกษาไตรเพทเท่านั้น
อย่างกระทำสิ่งอะไรอื่น. กล่าวกะพระราชาว่า พวกท่านจงปกครองแผ่นดิน
อย่างเดียว อย่ากระทำสิ่งอะไรอื่น. กล่าวพวกแพศย์ว่า พวกท่านจง ยึดการ
ไถนาอย่างเดียว. กล่าวกะพวกศูทรว่า พวกท่านจงยึดการบำเรอวรรณะ ๓
อย่างเดียว


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ตั้งแต่นั้นมา ท่านกล่าวว่า พราหมณ์ผู้ประเสริฐยึดการศึกษาไตรเพท
พระราชายึดการปกครอง แพศย์ยึดการไถนา ศูทรยึดการบำเรอ. บทว่า ปจฺเจกํ
ยถาปเทสํ ความว่า เมื่อจะเข้ายึด ยึดเอาตามทำนองที่พราหมณ์กล่าวแล้ว โดย
สมควรตามตระกูล และประเทศของตน. บทว่า กตาหุ เอเต วสินาติ อาหุ
ความว่า ท่านแสดงว่า พราหมณ์เหล่านั้น เป็นผู้อันท้าวมหาพรหม ผู้มีอำนาจ
ได้สร้างไว้อย่างนี้.

กาณาริฎฐะกล่าวว่า ขึ้นชื่อว่า มหาพรหมผู้มีอานุภาพมากอย่างนี้ ก็ผู้
ใดทำจิตให้เลื่อมใสในมหาพรหมณ์เหล่านั้น ย่อมให้ทาน ผู้นั้นไม่มีการถือ
ปฏิสนธิในที่อื่น ย่อมไปสู่เทวโลก อย่างเดียวจึงกล่าวว่า
พระพรหมผู้สร้างโลก ท้าววรุณ ท้าวกุเวร ท้าว
โสมะ พระยายม พระจันทร์ พระวายุ พระอาทิตย์

แม้ท่านเหล่านี้ ก็ล้วนบูชายัญมามากแล้ว และบูชาสิ่ง
ที่น่าใคร่ทุกอย่าง แก่พราหมณ์ผู้ทรงเวท ท้าวอรชุน
และท้าวภีมเสน มีกำลังมาก มีแขนนับพัน ไม่มีใคร
เสมอในแผ่นดิน ยกธนูได้ ๕๐๐ คัน ก็ได้บูชาไฟ
มาแต่ก่อน.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอเตปิ ได้แก่ เทวราชผู้บูชายัญเป็นต้น
เหล่านั้น. บทว่า ปุถุโล ความว่า บูชายัญมามากมาย. ด้วยบทว่า อถ
สพฺพกาเม นี้ ท่านแสดงว่า อนึ่ง ให้สิ่งซึ่งน่าใคร่ทั้งปวง แก่พราหมณ์ผู้
ทรงเวท จึงถึงฐานะเหล่านี้. บทว่า วิกาสิตา แปลว่า ฉุดคร่ามา. บทว่า
จาปสตานิ ปญฺจ ความว่า ไม่ใช่เพียงคันธนู ๕๐๐ คัน ถึงธนูใหญ่

๕๐๐ คัน ก็ยังคร่ามาได้ด้วยตนเอง. เสนาผู้น่ากลัว ชื่อว่า ภีมเสนะ. บทว่า
สหสฺสพาหุ ความว่า ไม่ใช่ท่านมีแขนนับพัน หมายความว่า ท่านสามารถ
ยกธนูใหญ่ ซึ่งต้องยกด้วยแขนจำนวน ๑,๐๐๐ แขน ของคนผู้ถือธนู ๕๐๐
คนได้ เพราะเหตุนั้นจึงกล่าวอย่างนี้. บทว่า อาทหิ ชาตเวทํ ความว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ในกาลนั้น พระราชาแม้นั้น ให้พราหมณ์ทั้งหลายอิ่มหนำด้วยกามทั้งปวง ให้
จุดไฟตั้งบำเรอไฟ เพราะเหตุนั้นนั่นแลท่าน จึงบังเกิดในเทวโลก เพราะเหตุนั้น
ท่านจึงกล่าวว่า ชื่อว่า พราหมณ์ทั้งหลายเป็นใหญ่ในโลกนี้.
กาณาริฏฐะนั้นเมื่อจะสรรเสริญเฉพาะพวกพราหมณ์ แม้ให้ยิ่งขึ้นไป
จึงกล่าวคาถาว่า

ดูก่อนพี่สุโภคะ ผู้ใดเลี้ยงพราหมณ์ มานานด้วย
ข้าวและน้ำตามกำลัง ผู้นั้นมีจิตเลื่อมใสอนุโมทนาอยู่
ได้เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โย เป็นบทแสดงอนิยม คือท่านแสดงว่า
ผู้นั้นใดเช่นพระเจ้าพาราณสีองค์เก่า. บทว่า ยถานุภาวํ ความว่า บริจาคสิ่ง
ทั้งหมดที่มีอยู่แก่เขาตามกำลังแล้วให้บริโภค. บทว่า เทวญฺตโร ความว่า
ดูก่อนพี่สุโภคะเขาได้เป็นเทวราชผู้มีศักดิ์ใหญ่ตนหนึ่ง. พราหมณ์ทั้งหลาย ชื่อว่า
เป็นทักขิไณยบุคคลผู้เลิศอย่างนี้.

ลำดับนั้น กาณาริฏฐะ เมื่อจะนำเหตุแม้อื่นอีกมาแสดง จึงกล่าวคาถาว่า
พราหมณ์ผู้ใด สามารถบูชาเทวดา คือไฟ ผู้กิน
มาก มีสีไม่ทราม ไม่อิ่มหนำด้วยเนยใส พราหมณ์
ผู้นั้น บูชายัญวิธี แก่เทวดา คือ ไฟผู้ประเสริฐแล้ว

ได้ไปบังเกิดในทิพยคติและได้เข้าเฝ้าพระเจ้ายุตินทะ(๑. บาลีเป็น พระเจ้ามุจลินท์.).
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า มหาสนํ แปลว่า ผู้กินมาก. บทว่า
เชตุํ แปลว่า เมื่ออิ่มหนำ. บทว่า ยญฺตฺตํ ได้แก่ วิธีบูชายัญ. บทว่า
วรโต ได้แก่ บูชาเทวดาคือไฟผู้ประเสริฐ. บทว่า มุชตินฺทชฺฌคจฺฉิ
ความว่า พระเจ้ามุชตินทะได้ทรงเข้าถึงแล้ว.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เล่ากันมาว่า พระราชาพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า มุชตินทะ ใน
กรุงพาราณสี ในกาลก่อน ตรัสสั่งให้เรียกพราหมณ์ทั้งหลายมาแล้ว ถามถึงทาง
ไปสวรรค์.
ลำดับนั้น พราหมณ์เหล่านั้น ทูลพระราชานั้นว่า ขอพระองค์จง
ทรงกระทำสักการะ แก่พวกพราหมณ์ และแก่เทวดาผู้เป็นพราหมณ์ เมื่อพระ
ราชาตรัสถามว่า เทวดาผู้เป็นพราหมณ์เหล่าไหน จึงทูลว่า เทวดาคือไฟ ดังนี้
แล้วจึงทูลพระราชาว่า ขอพระองค์จงให้ไฟนั้นอิ่มหนำด้วยเนยใสและเนยข้น
พระราชานั้นได้ทรงกระทำอย่างนั้น.

กาณาริฏฐะนั้น เมื่อจะประกาศความนั้น จึงกล่าวคาถานี้ว่า
พระเจ้าทุทีปะ มีอานุภาพมาก มีอายุ ๑,๐๐๐ ปี
มีพระรูปงาม น่าดูยิ่งนัก ทรงละแว่นแคว้น อันไม่มี
ที่สุดพร้อมทั้งเสนา เสด็จออกผนวชแล้ว ได้เสด็จสู่
สวรรค์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปพฺพชิ ความว่า ผู้ครองราชสมบัติ
สิ้น ๕๐๐ ปี กระทำสักการะแก่พราหมณ์ทั้งหลาย แล้วละราชสมบัติอันหา
ที่สุดมิได้ พร้อมด้วยเสนาออกผนวช ทรงกระทำสมณธรรม ๕๐๐ ปี เป็น
พระทักขิไณยผู้เลิศน่าดูน่าชม. บทว่า ทุทีโปปิ ท่านกล่าวว่า พระราชาทรง
พระนามว่า ทุทีปะ นั้น บูชาพราหมณ์ทั้งหลายเท่านั้น ก็เสด็จไปสู่สวรรค์
บาลีว่า ทุทิปะ ก็มี.

กาณาริฏฐะ เมื่อจะแสดงอุทาหรณ์แม้อื่นอีก แก่สุโภคะนั้น จึงกล่าว
คาถาว่า


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ข้าแต่พี่สุโภคะ พระเจ้าสาครราชทรงปราบ
แผ่นดินอันมีสาครเป็นที่สุด รับสั่งให้ตั้งเสาผูกสัตว์
บูชายัญอันงามยิ่งนัก ล้วนแล้วด้วยทองคำ ทรงบูชา
ไฟแล้วได้เป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง แม่น้ำคงคาและ
สมุทร เป็นที่สั่งสมนมส้ม ย่อมเป็นไปด้วยอานุภาพ
ของผู้ใด ผู้นั้นคือ พระเจ้าอังคโลมบาท ทรงบำเรอ
ไฟ แล้วเสด็จไปเกิดในพระนครของท้าวสหัสสนัยน์.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สาครนฺตํ ได้แก่ แผ่นดินมีสาครเป็น
ที่สุด. บทว่า อุสฺเสสิ ความว่า เมื่อท่านถามถึงทางสวรรค์กะพวกพราหมณ์
ครั้นพวกพราหมณ์กล่าวว่า จงให้ยกเสาบูชายัญทองคำขึ้น จึงให้ยกขึ้นเพื่อฆ่า
สัตว์เลี้ยง. บทว่า เวสฺสานรมาทหาโน ความว่า เริ่มบูชาไฟเทวดา อีก
อย่างหนึ่งบาลีว่า เวสฺสานรึ ดังนี้ก็มี. บทว่า เทวญฺตโร กาณาริฏฐะกล่าวว่า

ดูก่อนพี่สุโภคะ ก็พระราชาองค์นั้นบูชาไฟแล้ว ได้เป็นเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ตน
หนึ่ง. บทว่า ยสฺสานุภาเวน ความว่า ดูก่อนพี่สุโภคะ แม่น้ำคงคาและมหา-
สมุทรใครสร้างพี่รู้ไหม. สุโภคะกล่าวว่า เราไม่รู้. กาณาริฏฐะกล่าวว่า พี่ไม่รู้
อะไร พี่รู้แต่จะโบยตีพราหมณ์เท่านั้น ก็ในอดีตกาลพระเจ้ากรุงพาราณสีทรง

พระนามว่า อังคโลมบาท ตรัสถามทางสวรรค์กะพวกพราหมณ์ เมื่อพวกพราหมณ์
ทูลว่า พระองค์จงเสด็จเข้าไปหิมวันต์กระทำสักการะแก่พราหมณ์ทั้งหลายแล้ว
บำเรอไฟ พระองค์จึงพาแม่โคนมและพระมเหสีหาประมาณมิได้เข้าไปยังหิมวันต์
ได้กระทำอย่างนั้น เมื่อพระราชาตรัสถามว่า นมสดและนมส้มที่เหลือจากพวก
พราหมณ์บริโภคแล้วจะพึงทำอย่างไร จึงกล่าวว่าจงทิ้งเสีย. ในที่ ๆ น้ำนมแต่ละ

น้อยถูกทิ้งลงไปนั้น ๆ ได้กลายเป็นแม่น้ำน้อย ส่วนน้ำนมนั้นกลายเป็นนมส้ม
ไหลไปขังอยู่ในที่ใด ที่นั้นได้กลายเป็นสมุทรไป พระเจ้าพาราณสีทรงกระทำ
สักการะเห็นปานนี้ เสด็จไปสู่บุรีของท้าวสหัสสนัยน์ ผู้บำเรอไฟตามวิธีที่
พราหมณ์กล่าว ด้วยประการฉะนี้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
กาณาริฏฐะ ครั้นนำอดีตนิทานนี้มาชี้แจงแก่สุโภคะดังนี้แล้ว จึงกล่าว
คาถาว่า
เทวดาผู้ประเสริฐ มีฤทธิ์มาก มียศ เป็นเสนา-
บดีของท้าววาสวะในไตรทิพย์ กำจัดมลทินด้วยโสม-
ยาควิธี (บูชาด้วยการดื่มน้ำโสม) ได้เป็นเทพเจ้าองค์
หนึ่ง.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โส โสมยาเคน มลํ วิหนฺตฺวา
ความว่า ดูก่อนพี่สุโภคะผู้เจริญ บัดนี้ ผู้ที่เป็นเสนาบดีของท้าวสักกเทวราช
มียศมาก เป็นเทพบุตร แม้ผู้นั้น เมื่อก่อน เป็นพระเจ้าพาราณสี ถามถึงทาง
เป็นที่ไปสวรรค์กะพวกพราหมณ์ เมื่อพวกพราหมณ์กล่าวว่า ขอพระองค์จงลอย

มลทินของตน ด้วยโสมยาควิธีแล้วจะไปสู่เทวโลก จึงทรงกระทำสักการะใหญ่
แก่พราหมณ์ทั้งหลายแล้ว กระทำการบูชาโสมยาคะ ตามวิธีที่พวกพราหมณ์
เหล่านั้นกล่าวแล้ว จึงทรงกำจัดมลทินด้วยวิธีนั้นแล้ว เกิดเป็นเทพเจ้าองค์หนึ่ง
เมื่อจะประกาศความนี้จึงกล่าวอย่างนี้
เมื่อกาณาริฏฐะจะแสดงอุทาหรณ์แม้อื่นอีกแก่สุโภคะ จึงกล่าวว่า

เทวดาผู้ประเสริฐ มีฤทธิ์เรืองยศสร้างโลกนี้โลก
หน้า แม่น้ำภาคีรถี(๑. ศัพท์ว่า ภาติรถึ อรรถกถาว่า ภาติรถิคงคา-
อภิธานว่า ภาคีรถี.) ขุนเขาหิมวันต์และเขาวิชฌะ ได้
บูชาไฟมาก่อน ภูเขามาลาคิริ ขุนเขาหิมวันต์ เขา

วิชฌะ ภูเขาสุทัสนะ ภูเขานิสภะ ภูเขากากเวรุ
ภูเขาเหล่านี้ และภูเขาใหญ่อื่น ๆ กล่าวกันว่าพวก
พราหมณ์ผู้บูชายัญได้ก่อสร้างไว้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสปิ ตทา อาทหิ ชาตเวทํ ท่าน
แสดงว่า ดูก่อนพี่สุโภคะ มหาพรหมใด ได้สร้างโลกนี้และโลกหน้า แม่น้ำ
ภาคีรถี แม่น้ำคงคา ขุนเขาหิมวันต์ เขาวิชฌะและเขากากเวรุ ในกาลใด
มหาพรหมแม้นั้นได้เป็นมาณพก่อนกว่าพรหมอุบัติ ในกาลนั้นเขาเริ่มต้นบูชา
ไฟเป็นมหาพรหมได้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง พราหมณ์ผู้มีฤทธิ์ก็เป็นอย่างนั้น.

บทว่า จิตฺยา กตา ความว่า เล่ากันมาว่า เมื่อก่อน พระเจ้ากรุงพาราณสี
พระองค์หนึ่ง ตรัสถามถึงทางไปสวรรค์กะพวกพราหมณ์ เมื่อพวกพราหมณ์
ทูลว่า ขอพระองค์จงทำสักการะแก่พวกพราหมณ์ พระองค์ก็ได้ถวายมหาทาน
แก่พราหมณ์เหล่านั้นแล้ว ตรัสถามว่า ในการให้ทานของข้าพเจ้านี้ ไม่มีผล

หรือ เมื่อพวกพราหมณ์ทูลว่า มีทั้งหมดพระเจ้าข้า แต่อาสนะไม่เพียงพอแก่
พวกพราหมณ์ จึงรับสั่งให้ก่ออิฐสร้างอาสนะทั้งหลาย. ที่นอนและตั่งที่
พระองค์ให้ก่อสร้างขึ้นนั้น เจริญด้วยอานุภาพของพวกพราหมณ์ กลายเป็น
ภูเขามาลาคิริเป็นต้น ภูเขาเหล่านั้นกล่าวกันว่า พวกพราหมณ์ผู้บูชายัญได้
สร้างไว้ด้วยประการฉะนี้แล.

ลำดับนั้น กาณาริฏฐะจึงกล่าวกะสุโภคะนั้นอีกว่า พี่สุโภคะ ก็พี่รู้หรือ
ไม่ว่า เพราะเหตุไร สมุทรนี้จึงเกิดเป็นน้ำเค็ม ดื่มไม่ได้. สุโภคะกล่าวว่า ดูก่อน
อริฏฐะ พี่ไม่รู้. กาณาริฏฐะจึงกล่าวกะสุโภคะนั้นว่า พี่ก็รู้แต่จะเบียดเบียน
พวกพราหมณ์เท่านั้นไม่รู้อะไรอื่นเลย คอยฟังเถิด จึงกล่าวคาถาว่า

ชนทั้งหลายเรียกพราหมณ์ผู้ทรงเวท ผู้เข้าถึง
คุณแห่งมนต์ ผู้มีตบะ ในโลกนี้ว่า ผู้ประกอบในการ
ขอ มหาสมุทรซัดท่วมพราหมณ์ผู้กำลังตระเตรียมน้ำ
อยู่ ที่ฝั่งมหาสมุทร เพราะเหตุนั้น น้ำในมหาสมุทร
จึงดื่มไม่ได้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ยาจโยคีติธาหุ ความว่า ชนทั้งหลายใน
โลกนี้เรียกพราหมณ์นั้นว่า ยาจโยคี ผู้ประกอบในการอ้อนวอนขอ. บทว่า อุทกํ
สชฺชนฺตํ ความว่า เล่ากันว่า วันหนึ่งพราหมณ์นั้น กระทำกรรมคือการลอย
บาป ยืนอยู่ที่ริมฝั่ง ตักน้ำจากสมุทร กระทำการดำเกล้าสระหัวของตน ขณะ
นั้นสาครกำเริบท่วมทับพราหมณ์นั้น ผู้กระทำอย่างนั้น มหาพรหมได้ทรงสดับ
เหตุนั้นจึงโกรธว่า ได้ทราบว่า สาครนี้ฆ่าบุตรเรา จึงสาปว่าสมุทรจงดื่มไม่ได้
จงเป็นน้ำเค็ม ด้วยเหตุนั้นนั่นเองสมุทรจึงดื่มไม่ได้ กลายเป็นน้ำเค็ม ชื่อว่า
พราหมณ์เหล่านี้ มีคุณมากถึงปานนี้แล.

กาณาริฏฐะกล่าวต่อไปว่า
วัตถุที่ควรบูชา คือพวกพราหมณ์เป็นอันมากมี
อยู่บนแผ่นดิน ของท้าววาสวะ พราหมณ์ทั้งหลายมี
อยู่ในทิศบูรพา ทิศปัจฉิม ทิศทักษิณและทิศอุดร
ย่อมยังปีติและโสมนัสให้เกิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วาสวสฺส ความว่า ของท้าววาสวะ คือของ
ท้าวสักกเทวราช ผู้ให้ทานแก่พวกพราหมณ์ในกาลก่อนแล้วถึงความเป็นท้าว
วาสวะ. บทว่า อายาควตฺถูนิ ความว่า พราหมณ์เป็นอันมาก ในปฐพี
คือในแผ่นดิน ผู้เป็นบุญเขตในกาลก่อนผู้เป็นทักขิไณยอันเคยมีอยู่. บทว่า
ปุริมํ ทิสํ ความว่า แม้บัดนี้พราหมณ์เหล่านั้นมีอยู่ในทิศทั้ง ๔ นี้ ย่อมให้
เกิดความปลื้มปีติเป็นอันมากคือนำมาซึ่งความมีปีติและโสมนัสแก่ท้าววาสวะนั้น.

อริฏฐะ พรรณนาถึงพราหมณ์ ยัญ และ เวทด้วยคาถา ๑๔ คาถาด้วย
ประการฉะนี้.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
จบการพรรณนายัญญวาท
นาคเป็นอันมากผู้มาเยี่ยมเยียน พระมหาสัตว์ฟังถ้อยคำนั้นของกาณา-
ริฏฐะนั้นแล้ว ก็พลอยถือเอาผิด ๆ ด้วยคิดว่า กาณาริฏฐะพูดแต่ความจริงเท่านั้น
พระมหาสัตว์นอนป่วยอยู่ ได้ฟังคำนั้นทั้งหมดแล้ว. ทั้งพวกก็มาแจ้งให้ท่าน
ทราบอีก. ลำดับนั้นท่านคิดว่า อริฏฐะพรรณนาทางผิด ๆ เอาเถอะเราจะทำลาย
วาทะของกาณาริฏฐะนั้นแล้วจักกระทำบริษัทให้เป็นสัมมาทิฏฐิ ท่านลุกขึ้นอาบ

น้ำ ประดับด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง นั่งบนธรรมาสน์ สั่งให้นาคบริษัททั้งหมด
ประชุมกัน ให้เรียกกาณาริฏฐะมาแล้วกล่าวว่า เจ้ากล่าวสรรเสริญสิ่งที่ไม่จริง
คือ เวท ยัญ และพราหมณ์ทั้งหลาย ก็ขึ้นชื่อว่า การบูชายัญด้วยวิธีเวท
ของพราหมณ์ทั้งหลาย ไม่นับว่าเป็นสิ่งประเสริฐเลย และไม่ใช่เป็นทางแห่ง
สวรรค์ เราจะชี้ข้อไม่เป็นจริงในวาทะของท่าน ดังนี้แล้ว เมื่อจะเริ่มชื่อวาทะ

อันว่าด้วยประเภทแห่งยัญจึงกล่าวว่า
ดูก่อนอริฏฐะ ความกาลีคือความปราชัยของนัก
ปราชญ์ทั้งหลายกลับเป็นความมีชัยของคนโง่เขลา ผู้
ทรงเวท. ไตรเพทเป็นเหมือนอาการของพยับแดด
เพราะเป็นของไม่เห็นเสมอไป มีคุณทางหลอกลวง พา
เอาคนมีปัญญาไปไม่ได้ ไตรเพทมิได้มีเพื่อป้องกันคน

ผู้ประทุษร้ายมิตรผู้ล้างผลาญความเจริญ. เหมือนไฟที่
คนบำเรอแล้ว ย่อมป้องกันโทสจริตทำกรรมชั่วไม่ได้
ถ้าคนทั้งหลายจะเอาไม้ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมดพร้อมทั้ง
ทรัพย์สมบัติของตน คลุกกับหญ้าให้ไฟเผา ไฟอันมี
เดชไม่มีใครเทียม เผาสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดก็ไม่อิ่ม ใคร
จะพึงทำให้ไฟซึ่งรู้รส ๒ อย่าง ให้อิ่มได้ นมสดแปร


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ไปได้เป็นธรรมดาคือแปรเป็นนมส้ม แล้วเป็นเนยข้น
ฉันใด ไฟก็มีความแปรเป็นธรรมดาฉันนั้น ไฟประกอบ
ด้วยความเพียร (ในการสีไฟ) จึงจะเกิดได้ ไม่เคยได้
เห็นไฟเข้าไปอยู่ในไม้แห้งและไม้สด คนสีไฟไม่สี
ไฟก็ไม่เกิด ไฟไม่เกิดเพราะไม่มีคนทำให้เกิด ถ้า
แหละไฟพึงอยู่ภายในไม้แห้งและไม้สด ป่าทั้งหมดใน
โลกก็จะพึงแห้งไป และไม้แห้งก็จะพึงลุกโพลง ถ้า

คนทำบุญได้โดยเอาไม้และหญ้าให้ไฟกิน คนเผาถ่าน
คนหุงเกลือ พ่อครัว และคนเผาศพ ก็จะพึงได้ทำบุญ
ถ้าแม้พราหมณ์เหล่านี้ทำบุญได้เพราะการเลี้ยงไฟ
เพราะเรียนมนต์ เพราะเลี้ยงให้อิ่มหนำ ในโลกนี้ใคร ๆ
ผู้เอาของให้ไฟกิน จะชื่อว่าทำบุญหาไม่ เพราะเหตุไร

เล่า เพราะไฟเป็นสิ่งอันโลกยำเกรง รู้รสสองอย่าง
พึงกินได้มาก ทั้งเป็นของเหม็นมีกลิ่นอันไม่น่าฟูใจ
คนเป็นอันมากไม่ชอบ พวกมนุษย์ละเว้น และเป็น
ของไม่ประเสริฐ คนบางพวกนับถือไฟเป็นเทวดา ส่วน
พวกมิลักขุนับถือน้ำเป็นเทวดา คนเหล่านี้ทั้งหมดนี้พูด

ผิด ไฟไม่ใช่เทพเจ้าตนใดตนหนึ่ง และน้ำไม่ใช่เทพ-
เจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง โลกบำเรอไฟซึ่งไม่มีอินทรีย์ ไม่มี
กายจะรู้สึกได้ ส่องแสงสว่างเป็นเครื่องทำการงาน
ของประชาชน เมื่อยังทำบาปกรรมอยู่ จะพึงไปสุคติ
ได้อย่างไร. พวกพราหมณ์ผู้ต้องการเลี้ยงชีวิตในโลก

นี้กล่าวว่า พระพรหมครอบงำได้ทั้งหมด และว่าพระ-
พรหมบำเรอไฟ พระพรหมมีอานุภาพกว่าทุกสิ่ง และ
มีอำนาจไม่มีใครสร้าง กลับไปไหว้ไฟที่ตนสร้างเพื่อ
ประโยชน์อะไร คำของพวกพราหมณ์น่าหัวเราะเยาะ
ไม่ควรแก่การเพ่งเล็ง ไม่เป็นความจริง พวกพราหมณ์
ในปางก่อนก่อขึ้นไว้ เพราะเหตุแห่งสักการะ


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พราหมณ์เหล่านั้น เมื่อลาภและสักการะเกิดขึ้น จึง
ร้อยกรองยัญพิธีว่าเป็นธรรมสงบระงับ ด้วยการฆ่า
สัตว์บูชายัญ พวกพราหมณ์ถือการทรงไตรเพท พวก
กษัตริย์ปกครองแผ่นดิน พวกแพศย์ยึดการไถนา และ
พวกศูทรยึดการบำเรอ วรรณะทั้ง ๔ เข้าถึงการงานตาม
ที่อ้างมา เฉพาะอย่าง ๆ นั้น กล่าวกันว่า มหาพรหม

ผู้มีอำนาจจัดไว้ ถ้าคำนี้พึงเป็นคำจริงเหมือนดังที่พวก
พราหมณ์กล่าวไว้ คนที่ไม่ใช่กษัตริย์ ไม่พึงได้ราช-
สมบัติ ผู้ที่ไม่ใช่พราหมณ์ไม่พึงศึกษามนต์ คนนอกจาก
แพศย์ไม่พึงทำการไถนาเลย และพวกศูทรก็ไม่พึงพ้น
จากการรับใช้ผู้อื่น เพราะคำนี้เป็นคำไม่จริงเป็นคำเท็จ
พวกคนหาเลี้ยงท้องกล่าวไว้ คนไม่มีปัญญาหลงเชื่อ

บัณฑิตทั้งหลายย่อมเห็นด้วยตนเอง เพราะพวกกษัตริย์
ย่อมเก็บส่วยจากพวกแพศย์ พวกพราหมณ์ พวก
พราหมณ์ถือศัสตราเที่ยวฆ่าสัตว์ เพราะเหตุไร พระ-
พรหมจึงไม่ทำโลก อันแตกต่างกันเช่นนั้นให้ตรงเสีย
ถ้าและพระพรหมเป็นใหญ่ เป็นผู้เจริญ ในโลกทั้ง

ปวง เป็นเจ้าชีวิตของหมู่สัตว์ทำไมจึงจัดโลกทั้งปวง
ให้มีความทุกข์ ทำไมจึงไม่ทำโลกทั้งปวงให้มีความ
สุข แหละพรหมนั้นเป็นใหญ่ เป็นผู้เจริญในโลกทั้ง
ปวง เป็นเจ้าชีวิตของหมู่สัตว์ เหตุไรจึงทำโลกโดย
ไม่เป็นธรรม คือมารยาและเจรจาคำเท็จมัวเมา ถ้า
แหละพระพรหมนั้นเป็นผู้ใหญ่ก็เป็นผู้เจริญในโลกทั้ง

ปวง เป็นเจ้าชีวิตของหมู่สัตว์ ก็ชื่อว่าเป็นเจ้าชีวิตของ
หมู่สัตว์ ก็ชื่อว่าเป็นเจ้าชีวิตอยุติธรรม เมื่อธรรมมีอยู่
พรหมนั้นก็จัดไม่เที่ยงธรรม ตั๊กแตน ผีเสื้อ งู แมลงภู่


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
หนอนและแมลงวัน ใครฆ่าแล้วย่อมบริสุทธิ์ ธรรม
เหล่านี้ ไม่ใช่ของพระอริยะ เป็นธรรมผิด ๆ ของ
ชาวกัมโพชรัฐเป็นอันมาก.

บรรดาบทเหล่านั้นบทว่า เวทชฺฌคตาริฏฺ€ ความว่า ดูก่อนอริฏฐะ
ชื่อว่าความสำเร็จไตรเพทในบัดนี้ ก็เป็นความยึดถือเอาความกาลี อันนับว่าเป็น
ความปราชัยของนักปราชญ์ แต่กลับเป็นความมีชัยชนะของคนโง่เขลาเบาปัญญา-
บทว่า มรีจิธมฺมํ ความว่า จริงอยู่ไตรเพทนี้เป็นเหมือนอาการธรรมดาของ
พยับแดด. เพราะเป็นของไม่เห็นเสมอไป คนพาลทั้งหลายไม่รู้ซึ่งธรรมดาของ

พยับแดดนี้นั้นอันไม่มีจริงเป็นเหมือนมีจริง เพราะการเห็นไม่ติดต่อกันเหมือน
หมู่เนื้อมองเห็นพยับแดดด้วยสัญญาว่า น้ำจึงพาตนเข้าถึงความพินาศ เพราะ
สัญญาว่ามีจริงและไม่มีโทษ. บทว่า นาติวหนฺติ ปญฺํ ความว่า ก็มารยาเห็น

ปานนี้เป็นส่วนหนึ่ง ย่อมล่วงเลย คือไม่หลอกลวงบุรุษผู้มีปัญญา คือผู้
สมบูรณ์ด้วยปัญญา. ร อักษร ในบทว่า ภวนฺติรสฺส นี้ พึงเป็นบทพยัญ-
ชนะสนธิ. บทว่า ภูนหุโน ความว่า เวททั้งหลายของคนประทุษร้ายมิตร
ผู้ฆ่าความเจริญ ย่อมไม่มีเพื่อความต้านทาน. อธิบายว่า ไม่สามารถจะเป็น
ที่พึ่งได้. บทว่า ปริจิณฺโณว อคฺคิ ความว่า อนึ่ง ไฟที่เขาบำเรอบูชา. บทว่า

โทสนฺตรํ ความว่า กรรมชั่ว ย่อมไม่ต้านทาน คือไม่รักษาบุรุษผู้มีจิตอันประกอบ
ด้วยโทษ เพราะโทษแห่งทุจจริตทั้ง ๓ ได้. บทว่า สพฺพญฺจ มจฺจา ความ
ว่า แม้ถ้าว่า คนทั้งหลาย ผู้มีทรัพย์ มีโภคะจะเอาไม้ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด
พร้อมทั้งทรัพย์สมบัติของตน คลุกกับหญ้าแล้วให้ไฟเผา. ไฟของท่านนี้ อัน
เดชไม่มีใครสามารถเท่า อันมีเดชไม่มีใครเหมือน เมื่อจะเผาสิ่งทั้งหมดนั้น
ที่พวกนั้นให้เผาแล้ว ก็ไม่พึงไหม้ได้ เมื่อเป็นอย่างนั้นมันก็เผาให้อิ่มไม่ได้นะพี่.


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า ทิรสญฺญู ความว่า บุคคลผู้สามารถรู้รสได้ด้วยลิ้น ๒ ลิ้น ว่าสิ่งนั้น
เป็นภักษาดี หรือน่าพอใจด้วยเนยใสเป็นต้น. บทว่า กิริยา ความว่า ใครพึง
กระทำ คือพึงสามารถเพื่อจะทำ. อธิบายว่า ใครเล่าจักให้ผู้ไม่อิ่มอย่างนี้ คือ
ผู้กินจุนี้ให้อิ่มแล้วไปสู่สวรรค์ ดูเถิดท่าน ข้อนั้นก็ยังผิดอยู่ตลอดกาล. บทว่า
โยคยุตฺโต ความว่าเป็นผู้ประกอบด้วยไม้สีไฟ พอได้สิ่งนั้นเป็นปัจจัย ก็เกิด

ขึ้นคือบังเกิด. ท่านกล่าวกะไฟนั้นซึ่งไม่มีจิตที่เกิดขึ้นเพราะความพยายามของ
ผู้อื่นอย่างนี้ว่า ท่านจงว่าฉันเป็นเทวดา. พูดแต่สิ่งไม่เป็นจริงนี้เท่านั้น. บทว่า
อคฺคิมนุปฺปวิฏฺโ€ ความว่า ไม่เคยได้เห็นไฟเข้าไปในไม้แห้ง. บทว่า
นามตฺถมาโน ความว่า ถึงไม้แห้งคนสีไฟไม่สีด้วยไม้สีไฟ ไฟก็เกิดไม่ได้.
บทว่า นากมฺมุนา ชายติ ชายเวโท ความว่า เว้นการกระทำของบุรุษผู้

ต้องการเวท ไฟก็ไม่เกิดได้เองตามธรรมดาของตนนั่นแล. บทว่า สุสฺเสยฺยุํ
ความว่า ป่าไม้ที่กำลังเหี่ยวแห้งด้วยไฟ ภายใน พึงแห้ง แม้ป่าไม้ที่ยังสดอยู่
นั่นแหละก็พึงแห้งเหี่ยว. บทว่า โภชํ แปลว่า ให้บริโภค. บทว่า ธุมสิขึ
ปตาปวํ ความว่า ประกอบด้วยเปลวควัน ให้ร้อนอยู่. บทว่า องฺคาริกา
แปลว่า คนเผาถ่าน. บทว่า โลณกรา แปลว่า คนต้มน้ำเค็มทำเกลือ. บทว่า
สูทา แปลว่า คนครัว. บทว่า สรีรทาหา แปลว่า คนเผาศพ. บทว่า

ปุญฺํ ความว่า คนเหล่านั้นแม้ทั้งหมด พึงทำแต่บุญเท่านั้น. บทว่า
อชฺเฌนมคฺคึ ความว่า แม้พราหมณ์ทั้งหลายจะเป็นผู้เลี้ยงไฟเรียนมนต์
ก็ตาม. คนบางคนให้เชื้อ ทำให้มีควันมีเปลวให้ร้อน แม้อิ่มแล้วก็ไม่ชื่อ
ว่าทำบุญ. บทว่า โลกาปจิโต สมาโน ความว่า เทวดาของท่านชื่อว่า
อันโลกยำเกรง อันโลกบูชา. บทว่า ยเทว ความว่า คนพึงเว้นสิ่งซึ่ง


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2019, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ปฏิกูลน่าเกลียด มีซากงูเป็นต้นให้ห่างไกล. บทว่า ตทปฺปสฏฺ€ํ ความว่า
ดูก่อนสหาย คนรู้รส ๒ อย่าง พึงกินของที่ไม่ประเสริฐนั้น ได้อย่างไร คือ
เพราะเหตุไร. บทว่า เทเวสุ ความว่า คนบางพวกนับถือนกยูงนับถือเทวดา
ตนใดตนหนึ่ง บรรดาเทวดาทั้งหลาย. บทว่า มิลกฺขู ปน ความว่า ส่วนพวก
มิลักขุผู้ไม่รู้นับถือน้ำว่าเป็นดังเทวดา. บทว่า อสญฺกายํ ความว่า โลกบำเรอ

ไฟอันได้ชื่อว่าเวสสานระซึ่งไม่มีอินทรีย์ มีกายที่ไม่มีจิตจะรู้สึกได้ ไม่มีความ
จงใจ กระทำกรรมมีการหุงต้มเป็นต้น แก่ประชาชนแล้วกระทำกรรมชั่ว จักไป
สุคติได้อย่างไร. คำนี้ท่านพูดผิดยิ่งนัก. บทว่า สพฺพาภิภูตาหุ ชีวิกตฺถ
ความว่า พวกพราหมณ์เหล่านี้ กล่าวว่า มหาพรหมครอบงำได้ทั้งหมด เพื่อ
ความเป็นอยู่ของตน. และกล่าวว่า โลกทั้งหมด อันมหาพรมนั่นแหละสร้างขึ้น.

กล่าวอีกว่า พระพรหมบำเรอไฟ. เล่ากันมาว่า พระพรหมนั่นแหละบูชาไฟ.
บทว่า สพฺพานุภาวี จ วสี ความว่า และพระพรหมนั้น ถ้ามีอานุภาพ
ทุกอย่าง และมีความคล่องในฤทธิไซร้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุไรตนเองจึงไม่
ใช้คนอื่นสร้าง ตนเองเท่านั้นสร้างขึ้นเอง. บทว่า วนฺทิตสฺส ความว่า พระ-
พรหมนั้น พึงเป็นผู้อันเขากราบไหว้ แม้คำนี้ท่านกล่าวไม่ถูกเหมือนกัน. บทว่า

หาสํ ความว่า ดูก่อนอริฏฐะ ขึ้นชื่อว่าคำของพราหมณ์ เป็นคำที่ควรจะหัวเราะ
ไม่ควรจะเพ่งดูสำหรับบัณฑิตทั้งหลาย. บทว่า ปริกรึสุ ความว่า พราหมณ์เหล่านี้
มุสาวาทเห็นปานนี้ พวกพราหมณ์ได้ก่อสร้างขึ้นในกาลก่อน เพราะเหตุแห่ง
สักการะเพื่อตน. บทว่า สนฺธาภิตา ชนฺตูภิ สนฺติธมฺมํ ความว่า พราหมณ์

เหล่านี้ ประกอบลาภและสักการะเพียงเท่านี้ที่ไม่ปรากฏกับพวกสัตว์ แล้วผูก
พันสันติธรรมคือ ลัทธิธรรมของตน อันเกี่ยวด้วยการฆ่าสัตว์ จึงร้อยกรองยัญ


+ เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน
+ คนกล้าไม่กลัว คนกลัวไม่กล้า
คนดีไม่กลัว คนกลัวมักจะไม่ดี
คนหนุ่มอารมณ์ร้อน คนอารมณ์ร้อนมักจะมีเคราห์
+ จิตที่สงบ ย่อมจะพบกับความสุข ตั้งแต่ปัจจุบันทีเดียว
+ รักลูกมากเลี้ยงลูกดีเกินไป ระวังจะเสียใจภายหลัง
+ เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
เวรย่อมระงับด้วยการให้อภัย
เวรย่อมระงับด้วยจิตที่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2685 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 148, 149, 150, 151, 152, 153, 154 ... 179  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร