ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=20218 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 23 ม.ค. 2009, 18:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี |
ณ โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่ง คนทั่วไปต่างก็รู้กันดีว่า โรงเรียนนี้ขึ้นชื่อด้านกีฬาฟุตบอลมาก เพราะทีมฟุตบอลของโรงเรียนนี้คว้าที่หนึ่งในการแข่งขันฟุตบอล โรงเรียนระดับประเทศ ติดต่อกันมาแล้วหลายสมัย มนตรีเป็นเด็กฉลาด แข็งแรง และมีน้ำใจเป็นนักกีฬาเสมอ เขาเล่นฟุตบอลอยู่ในทีมของโรงเรียนแห่งนี้ด้วย และเมื่อหัวหน้าทีมคนเก่าจบการศึกษาออกไป มนตรีก็ได้รับการคัดเลือกจากเพื่อนๆ ในทีมฟุตบอล ให้เป็นหัวหน้าทีมคนใหม่ด้วยคะแนนที่เป็นเอกฉันท์ การแข่งขันฟุตบอลโรงเรียนระดับประเทศของปีนี้กำลังจะมาถึงในไม่ช้า มนตรีและเพื่อนๆ ในทีมต้องฝึกซ้อมอย่างหนักทุกวันเพื่อรักษาความเป็นที่หนึ่งเอาไว้ให้ได้ พวกเขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะนี่ไม่ใช่แค่การรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ให้ได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการรักษาเกียรติประวัติของทีมฟุตบอลโรงเรียนซึ่งสั่งสมกันมาหลายรุ่น และยังถือเป็นความภาคภูมิใจของทุกๆ คนในโรงเรียนอีกด้วย เมื่อวาระการแข่งขันฟุตบอลโรงเรียนประจำปีนี้มาถึง ทีมของมนตรีก็สามารถเอาชนะทีมจากโรงเรียนอื่นได้โดยไม่ยากเย็นนัก จนในที่สุดก็เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ตามความคาดหมาย “การแข่งขันรอบสุดท้ายจะจัดขึ้นที่สนามของโรงเรียนเรา เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้เช้า ขอให้ทุกคนมาพร้อมกันที่นี่ได้เลย” มนตรีนัดแนะกับเพื่อนๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนกันที่บ้าน วันต่อมาปรากฏว่าฝนตกตั้งแต่ตอนเช้ามืด เมื่อมนตรีออกจากบ้านนั้น ฝนซาลงมากแล้ว แต่ตามถนนหนทางก็ยังเปียกเฉอะแฉะ และบางแห่งก็ลื่นมากมนตรีต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง เพราะไม่อยากให้ตนเองได้รับบาดเจ็บก่อนการแข่งขัน เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน มนตรีสังเกตเห็นหญิงชราคนหนึ่งยืนตัวเปียกโชก ร่างกายของนางสั่นเทาด้วยความหนาวอย่างน่าสงสาร หญิงชราคนนี้ยืนงกๆ เงิ่นๆ แบละเฝ้าแต่มองไปยังฝั่งตรงข้าม มนตรีคิดว่านางคงอยากข้ามถนนไปอีกฝั่งแต่ไม่มีคนจูง จึงไม่กล้าข้ามไปคนเดียว เพราะพื้นถนนหน้าโรงเรียนลื่นและมีรถขับผ่านไปมามาก มนตรีสังเกตคนอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมา ดูเหมือนว่าทุกๆคนต่างก็เร่งรีบไปทำธุระของตนเอง จนไม่มีใครว่างพอที่จะหันมาสนใจหญิงชราคนนี้เลย ดังนั้น มนตรีจึงเดินเข้าไปหานางและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมีเมตตาว่า “ยายอยากจะข้ามไปฝั่งโน้นใช่ไหม ผมจะช่วยยายเองนะครับ” สีหน้าของหญิงชราแจ่มใสสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสักครู่ที่ผ่านมานางยังรู้สึกว่าตนเองอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียวในโลก และความสูงอายุทำให้ตนเองดูไร้ค่าจนไม่มีผู้ใดให้ความสนใจ แต่ตอนนี้กลับมีเด็กคนหนึ่งเดินมาเรียกว่า ‘ยาย’ และขันอาสาช่วยเหลือนาง ทำให้หญิงชรารู้สึกชื่นใจมาก “หลานชายช่วยพายายข้ามถนนลื่นนี่หน่อยเถอะนะ บ้านยายอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้เอง หลังร้านขายของนั่นล่ะ” หญิงชราเสียงสั่นเพราะความหนาว “มาเถอะยาย เดินช้าๆ นะ ผมจะพายายไปส่งให้ถึงบ้านเลย” แล้วมนตรีก็จับแขนหญิงชรามาโอบไว้รอบคอ พร้อมกับค่อยๆ พยุงร่างของนางเดินเดินข้ามถนนอย่างระมัดระวัง ตลอดทางที่เดินมาด้วยกันนั้น หญิงชราได้พูดกับมนตรีด้วยความรักใคร่ชื่นชม นางให้พรแก่เขาไม่หยุดปาก และกล่าวชมเชยไปถึงพ่อแม่ที่สั่งสอนลูกเป็นคนดี จนกระทั่งมาถึงบ้านของหญิงชราแล้ว มนตรีจึงยกมือไหว้และกล่าวคำอำลาแก่นาง “ขอให้ผลบุญที่หลานชายทำในวันนี้ จงบันดาลให้หลานชายพบแต่ความสุขความเจริญเถิด” นางอวยพรให้มนตรีพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความปลาบปลื้ม เดินเข้าโรงเรียนไปอย่างอิ่มเอมใจ และเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า ความรู้สึกเป็นสุขที่ได้รับหลังจากชนะการแข่งขันฟุตบอล ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่ผ่านมานั้น เทียบไม่ได้เลยกับความสุขความเปรมปรีดิ์ ที่ได้รับจากการช่วยเหลือหญิงชราผู้อ่อนแอครั้งนี้ กล่าวถึงในสนามแข่งขัน ตอนนี้มีผู้ชมเข้ากับจับจองที่นั่งเต็มทุกที่แล้ว แต่ทีมฟุตบอลของมนตรียังไม่พร้อม พวกเขาหน้าตาเคร่งเครียด เพราะกระวนกระวายใจที่หัวหน้าทีมยังมาไม่ถึงสนามแข่ง ทั้งๆ ที่ใกล้ถึงเวลาแข่งเต็มที่แล้ว แต่แล้วใครคนใดคนหนึ่งในนั้นก็มองเห็นมนตรีเดินมาแต่ไกล และตะโดนบอกให้เพื่อนๆ หันไปมอง เมื่อเห็นมนตรี ทุกคนก็ตรงเข้าไปห้อมล้อม แต่ต่อว่าเขาอย่างเผ็ดร้อนร้อนในเรื่องที่ไม่รักษาเวลา “ถ้าเพื่อนจะโกรธเรานั้นก็เห็นจะสมควรอยู่ แต่ขอให้ใจเย็นๆ แล้วฟังเหตุผลของเราเสียก่อน” แล้วมนตรีก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เพื่อนฟัง หลายคนเมื่อได้ฟังแล้วก็เข้าใจมนตรีมากขึ้น แต่ก็ยังมีบางคนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย เพราะคิดถึงแต่ผลการแข่งขันเป็นสำคัญ “แค่คนแก่คนเดียว นายจะไปลำบากลำบนช่วยแกทำไม เดี๋ยวพอฝนหยุดตก ถนนแห้ง แกก็ข้ามกลับไปได้เองน่ะแหละ นายก็น่าจะรู้นะ ว่าถ้านายมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น...ทีมของเราอาจจะแพ้ก็ได้” ลูกทีมคนหนึ่งยังคงต่อว่ามนตรีไม่เลิก “เพื่อน...เราไม่ได้ช่วยยายคนนั้นเพียงเพราะความแก่ของเขา และเกรงว่าแกจะข้ามถนนไม่ได้เพียงอย่างเดียวหรอกนะ แต่เราช่วยแก เพราะคิดว่าแกต้องเป็นแม่ของใครสักคน” มนตรีกล่าวอย่างจริงจัง “แม่ใครก็ช่างเขาสิ....ถ้าไม่ใช่แม่ของนายแล้วนายจะสนไปทำไม มันเรื่องอะไรกันที่นายจะต้องไปช่วยแม่ของคนอื่นด้วย” เพื่อนคนนั้นยังคงว่าต่อด้วยความเขลา ซึ่งมนตรีก็รู้ดี เขาจึงค่อยๆ อธิบายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง ทว่าแฝงไปด้วยความจริงจัง “เราช่วยแก เพราะคิดว่าแกคงเป็นแม่ของใครสักคน และเราก็หวังว่า สักวันหนึ่ง เมื่อแม่ของเราแก่ตัวลงมากๆ และเราไม่ได้คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ในตอนนั้น คงมีใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือแม่ของเรา เหมือนกับที่เราได้ทำให้ยายคนนั้นในวันนี้” เมื่อ ได้ฟังคำตอบของมนตรี ทุกคนก็รู้สึกประทับใจในคำตอบของเขามาก จึงไม่มีใครสงสัยในเหตุผลของมนตรีอีก ลูกทีมที่พูดต่อว่ามนตรีเมื่อครู่ก็รู้สึกละอายใจตนเองมาก เขากล่าวแก่มนตรีว่า “นายคงภาคภูมิใจในแม่ของนายมาก และมีแม่อยู่ในใจเสมอเลยใช่ไหม ถึงได้ทำสิ่งเหล่านี้โดยคิดไปถึงแม่ของนายด้วย” “แน่ล่ะเพื่อน” มนตรีตอบ “คนที่ไม่มีแม่ของตนอยู่ในหัวใจเพื่อการระลึกถึง และไม่ภาคภูมิใจในแม่ของตนนั้น เป็นคนที่หาดีอันใดไม่ได้เลย นอกจากนั้น ชีวิตของเขาก็จะเต็มไปด้วยความหมองเศร้า และไม่มีวันได้พบกับความสุขความเจริญหรอก” พวกเธอทั้งหลาย... มนตรีนั้นเป็นเด็กที่มีความเมตตากรุณานัก เขานึกถึงความทุกข์ของผู้อื่น และหาทางช่วยให้ความทุกข์นั้นมลายไป เธอว่ามนตรีเป็นคนมีความสุขไหม ประสบความสำเร็จหรือเปล่า ...ใช่แล้ว มนตรีเป็นเช่นนั้น แม้ในเรื่องนี้เขาจะยังเป็นเด็ก แต่เราคงพอที่จะเห็นอนาคตของเขาแล้วล่ะว่า ในอนาคตเขาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ ที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตมากคนหนึ่ง เพราะเขาเป็นผู้มีความเมตตากรุณา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และที่สำคัญที่สุดคือเขามีแม่ของเขาประทับอยู่ในหัวใจเสมอ ขอให้เธอระลึกถึงแม่เหมือนดั่งมนตรี ไม่ว่าเธอจะกระทำสิ่งใดอยู่ที่ไหนก็ตาม ...หากเธอมีปัญหาทุกข์ทนเศร้าหมองใจ ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยว...เธอไม่จำเป็นต้องเข้าวัด ไม่จำเป็นต้องไปขอพรจากพระ ไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ มาเป็นที่พึ่ง แต่จงระลึกถึงแม่ของเธอก็พอ จำไว้เถิดว่า ท่านคือความศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแล้วในชีวิตของเธอ จำไว้เถิดว่า “แม่คือพระของเรา” ที่มา จากหนังสือนิทานสีขาว โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา คัดลอกจาก... http://laddawan621.multiply.com/tag/%E0 ... 2%E0%B8%A7 |
เจ้าของ: | อัญญาสิ [ 27 ม.ค. 2009, 23:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ ข อ ง ม น ต รี |
“เราช่วยแก เพราะคิดว่าแกคงเป็นแม่ของใครสักคน และเราก็หวังว่า สักวันหนึ่ง เมื่อแม่ของเราแก่ตัวลงมากๆ และเราไม่ได้คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆ ในตอนนั้น คงมีใครสักคนเข้ามาช่วยเหลือแม่ของเรา เหมือนกับที่เราได้ทำให้ยายคนนั้นในวันนี้” ... เจริญในธรรม |
เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 24 พ.ค. 2012, 22:12 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี | ||
พรหมวิหาร 4 เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ
|
เจ้าของ: | สมาธิมือใหม่ [ 09 มิ.ย. 2012, 16:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี |
ขออนุโมทนาสาธุจ้า |
เจ้าของ: | thavee [ 24 พ.ย. 2016, 20:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี |
อนุโมทนาด้วยครับ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 04 ส.ค. 2018, 10:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...ความช่วยเหลือของมนตรี |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |