ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
นิทานสีขาว...เรื่อง...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=22227 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 11 พ.ค. 2009, 15:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | นิทานสีขาว...เรื่อง...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม |
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น มีเมืองๆ หนึ่งสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม ที่เมืองๆ นี้มีพระราชาพระนามว่า “บาบู” เป็นผู้ปกครอง พระราชาบาบูทรงเป็นพระราชาที่ประชาชนรักมาก เพราะพระองค์ทรงยึดเอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้งในการปกครองบ้านเมือง ถึงขนาดทรงให้แขวนกระดิ่งทองคำเสียงกังวานก้องไว้ที่หน้าพระราชวัง เมื่อชาวบ้านคนใดมีความเดือดร้อน หรือได้รับความอยุติธรรมใดๆ ก็ให้มาสั่นกระดิ่งทอง แล้วพระองค์จะเสด็จออกมารับฟัง และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ด้วยพระองค์เอง มาระยะหลังๆ ปรากฏภาวะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ในเมือง ประชาชนปลูกข้าวไม่ได้ พืชผลต่างๆ ก็ล้มตายตามๆ กันไปจนหมดสิ้น ทุกๆ วันจึงมีประชาชนมาสั่นกระดิ่งทองคำ เพื่อขอความช่วยเหลือจากพระราชาบาบู โดยในช่วงแรกๆ พระราชาบาบูได้มีพระราชโองการเบิกข้าวสาร และพืชผลที่เก็บไว้ในคลังผลผลิตของ พระราชวังมาแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่เมื่อต้องแจกเช่นนี้ไปทุกๆ วัน ข้าวสารและพืชผลต่างๆ ที่เคยมีอยู่เต็มคลังก็เริ่มร่อยหรอ ไม่พอแก่การแจกจ่าย ทำให้ทรงกลุ้มพระทัยเป็นอย่างมาก ในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยส่งพระราชสาส์นไปกับนกพิราบ ถึงเจ้าชายบาเบพระโอรส ซึ่งทรงกำลังศึกษาวิชาการปกครอง อยู่ในป่ากับพระอาจารย์ ความในพระราชสาส์นมีอยู่ว่า บาเบลูกรัก ขณะที่เจ้าได้อ่านสาส์นจากพ่อพ่อเชื่อเหลือเกินว่า เจ้ากำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการศึกษาเป็นแน่ ลูกรัก...ตัวพ่อนั้นวางใจในผลการศึกษาของเจ้า และไม่เคยเป็นกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะยิ่งกว่าความฉลาดเฉลียวที่มีมาแต่เล็กแต่น้อยของเจ้าแล้ว พ่อยังเชื่อมั่นในความตั้งใจจริงของเจ้ามากกว่า แต่บาเบ ลูกรักของพ่อ...ตอนนี้ บ้านเมืองของเรา กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ด้วยภัยแห่งความแห้งแล้งที่มาเยี่ยมเยือนโดยที่เราหาได้ยินดีปรีดาไม่ ชาวบ้านกำลังพบทุกข์เข็ญเพราะไร้ผลผลิตเก็บเกี่ยว น้ำตาของเด็กๆ กำลังจักท่วมแผ่นดินเพราะไร้อาหารประทังชีวิต บ้านเมืองของเรากำลังพบกับภัยแห่งความอดอยากหิวโหยครั้งใหญ่แล้ว และพ่อก็เจ็บปวดใจยิ่งนักที่ไม่อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเหล่านี้ได้มาก เท่าที่เป็นถึงพระราชาปกครองประเทศ ลูกรัก...พ่อรู้ว่าลูกรัก การศึกษา และดิ้นรนด้วยความเหนื่อยยาก กว่าจะได้เข้าศึกษากับพระอาจารย์ของลูก แต่พ่อคงต้องขอให้ลูกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม กลับมาบ้านเมืองเราเถิด กลับมาหาประชาชนของเรา มาช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไป เพื่อความสุขของพวกเขา เมื่อประชาชนมอบความไว้วางใจ ให้เราเป็นพระราชาของเขา ก็ถือเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องทำให้เขาอยู่กันอย่างมีความสุขที่สุด ‘หากไม่มีประชาชนก็ไม่มีพระราชา’ จำคำพ่อไว้เถิดลูก พ่อและประชาชนของเราจะรอวันที่ลูกกลับมา ด้วยรัก... พ่อของลูก |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 11 พ.ค. 2009, 15:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม... |
เจ้าชายบาเบเมื่อได้รับพระราชสาส์นจากพระบิดาก็ไม่รอช้า ทรงเข้าพบพระอาจารย์เพื่อขอลากลับบ้านเมืองทันที อย่างไรก็ตาม เข้าชายบาเบก็อดที่จะโอดครวญแก่พระอาจารย์ ด้วยความเสียดาย ในเรื่องที่ตนไม่อาจอยู่ศึกษาจนจบหลักสูตร ดังเช่นเจ้าชายเมืองอื่นๆ พระอาจารย์ฟังเจ้าชายโอดครวญแล้วกล่าวว่า “ความรู้ไม่ได้อยู่ที่นี้ ที่เดียวดอก บาเบ ครูสอนการปกครองที่ดีที่สุดไม่ใช่ข้า แต่คือประชาชนของเจ้าเอง” เจ้าชายบาเบเห็นจริงดังคำพระอาจารย์ว่า จึงรีบกราบลาแล้วทรงม้าคู่พระบารมีของเสด็จกลับเมืองในทันที เจ้าชายบาเบทรงม้าติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน โดยไม่หยุดพัก เนื่องจากด้วยเห็นว่าความเดือดร้อนที่กำลังเกิดแก่ประชาชนนั้นรอช้าไม่ได้ และแล้วในวันที่ 4 ซึ่งเจ้าชายบาเบและม้าทรงของพระองค์ รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น มีลูกวัวตัวหนึ่งเดินผ่านมาจากพงหญ้า ทึบข้างทางเพื่อเล็มหญ้าอ่อน ตรงทางที่เจ้าชายเสด็จผ่าน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยผสมอาการสะลึมสะลือ เพราะไม่ได้นอนหลับมาหลายวัน ทำให้เจ้าชายบาเบบังคับม้าทรงให้หลบลูกวัวน้อยไม่ทัน เป็นเหตุให้ม้าทรงวิ่งเหยียบลูกวัวน้อยถึงแก่ความตาย เจ้าชายบาเบทรงตกพระทัยตื่นจากอาการสะลึมสะลือนั้น รีบเหลียวกลับไปมองพร้อมร้องอุทานว่า “หยุดก่อน! เจ้าม้าเอ๋ย เห็นทีว่าข้าคงจะเหยียบเด็กคนใดเข้าแล้ว” เจ้าชายบาเบจ้องมองไปยังร่างที่พระองค์ทรงคิดว่าเป็นเด็ก แต่แล้วก็เห็นเพียงวัวน้อยตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งสิ้นลมหายใจอยู่เท่านั้น “โธ่ เอ้ย...ที่แท้ก็แค่ลูกวัว” เจ้าชายบาเบเอ่ยอย่างโล่งใจ แล้วรีบควบม้าทรงต่อไปจนกระทั่งถึงบ้านเมืองและได้เข้าเฝ้าพระราชาบาบู ซึ่งเมื่อได้เห็นหน้าพระโอรสก็รู้สึกดีพระทัยเหลือจะกล่าว รวมทั้งข้าราชบริพารต่างก็พากันโห่ร้องแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างที่ความยินดีปรีดากำลังบังเกิดขึ้นนั้น จู่ๆ เสียงกระดิ่งทองคำก็ดังกังวานขึ้น พระราชาบาบูจึงรีบละจากพระโอรสออกไปรับเรื่องเดือดร้อนจากชาวบ้านทันที แต่เมื่อเห็นผู้สั่นกระดิ่ง พระราชาบาบูก็ทรงรู้สึกแปลกพระทัยยิ่งนัก เพราะผู้สั่นกระดิ่งในครั้งนี้คือแม่วัวสาวที่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม และร้องครวญอย่างน่าเวทนา “มีใครในที่นี้รู้บ้าง ว่าเหตุใดแม่วัวตัวนี้จึงมาสั่นกระดิ่งทองคำร้องเรียกเรา” พระราชาตรัสถามพระราชบริพาร แต่ไม่มีใครทราบ จึงทรงมีพระราชโองการออกไปว่า “เราเชื่อว่าต้องมีเรื่องทุกข์ใจอย่าง แสนสาหัสเกิดแก่แม่วัวตัวนี้แน่ จงไปสืบความจากชาวบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์ ถึงเรื่องราวที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นแก่แม่วัว แล้วนำความนั้นมาบอกเราเดี๋ยวนี้” เหล่าทหารรับรุดออกจากวังไปสอบถามชาวบ้าน แล้วรีบกลับมากราบทูลให้พระราชาบาบูทรงทราบ เมื่อทรงรับเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงรับสั่งให้เจ้าชายบาเบเข้าเฝ้า แล้วตรัสถามเจ้าชายว่า “ลูกพ่อ พ่อรู้เรื่องที่ลูกได้คร่าชีวิตลูกวัวน้อยแล้ว ใยเจ้าจึงทำเช่นนั้นเล่า” “กราบ ทูลเสด็จพ่อ ด้วยความรีบร้อนเดินทางกลับบ้านเมือง ทำให้ลูกขาดสติในการบังคับม้า ม้าของลูกจึงพลาดไปเหยียบลูกวัวจนถึงแก่ชีวิตพระเจ้าค่ะ” เจ้าชายบาเบตอบ “เมื่อเจ้าทำให้ชีวิตลูกวัวน้อยหลุดลอยไปแล้ว เจ้าแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้างเล่าลูกรัก” พระราชาบาเบตรัสถามอีก “ลูกมิได้ทำสิ่งใดเลย ด้วยเห็นว่านั่นเป็นเพียงแค่ลูกวัวตัวหนึ่งเท่านั้น” เมื่อทรงได้ฟังคำตอบเช่นนั้น พระราชาบาบูจึงถึงกับทรุดตัวลงบนพระที่นั่ง เจ้าชายบาเบเห็นดังนั้นก็ตกพระทัย เนื่องจากไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไร “ลูกทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือเสด็จพ่อ” เจ้าชายบาเบตรัสถามด้วยความกังวลใจ “เจ้าเป็นถึงลูกพระราชา ใยดูแคลนคุณค่าขงชีวิตเช่นนั้น แม้นั่นจะเป็นลูกวัว แต่ลูกวัวก็มีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความเจ็บปวดเช่นเดียวกับเจ้า ลองหันไปดูสิลูกรัก หากชีวิตของลูกวัวน้อยไม่มีค่าดังเช่นที่เจ้าว่า เหตุใดจึงทำให้แม่วัวเศร้าโศกถึงขนาดต้องมาร้องทุกข์กับพ่อ ลูกรัก หากเจ้ามองไม่เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กสิ่งน้อย ในวันนี้ แล้ววันหน้าเจ้าจะปกครองประเทศด้วยใจที่เป็นธรรมได้อย่างไร ต่อไปเจ้าคงจะละทั้งความเป็นธรรม ละทิ้งสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งละทิ้งประชาชนและสูญสิ้นประเทศ ลูกรัก...พ่อไม่ยอมให้พระราชาเช่นนั้นมาปกครองประชาชนของพ่อเป็นแน่ และความผิดของเจ้าสมควรได้รับการชำระโทษอย่างเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย” เมื่อตรัสจบพระราชาบาบูก็ทรงตัดสินพระทัย ที่จะลงโทษพระโอรสด้วยวิธีเดียวกับที่เจ้าชายได้ทำกับลูกวัวน้อย สร้างความตกตะลึงให้แก่ทหารและข้าราชบริพารในที่แห่งนั้นเป็นอย่างมาก ต่างทัดทานให้พระราชาบาบูทรงตัดสินพระทัยใหม่ ด้วยเห็นว่าการลงโทษเช่นนี้ร้ายแรงเกินไป สำหรับความผิดของเจ้าชายที่ฆ่าลูกวัวหนึ่งตัว “วัวหนึ่งตัวคือชีวิต เมื่อหนึ่งชีวิตสูญสิ้นในแผ่นดินของเราอย่างไม่เป็นธรรม ตัวเราซึ่งเป็นพระราชาก็ต้องรียกร้องความยุติธรรมนั้นคืนมาให้ เจ้าชายไม่คิดว่าหนึ่งชีวิตน้อยๆของลูกวัวสำคัญ ฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าชายรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดก่อนสิ้นชีวิต เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจคุณค่าของชีวิตมากขึ้นและเราผู้เป็นพ่อของเจ้าชาย ผู้กระทำความผิด ก็สมควรได้รับโทษแห่งความสูญเสียรวดร้าว ดังเช่นที่แม่วัวกำลังได้รับอยู่ขณะนี้...ตัวเรา จะเป็นผู้คร่าชีวิตลูกชายเราเอง” ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเหล่าเสนา อำมาตย์ แต่พระราชาบาเบกลับยอมรับโทษจากพระบิดาด้วยจิตที่สำนึกผิด ทรงเดินไปยังหน้าพระราชวังแล้วล้มตัวลงนอนทอดกลายบนพื้นดินที่ระอุ เพื่อรอการลงพระอาญาจากพระบิดา "ลูกพร้อมจะรับโทษจากเสด็จพ่อแล้ว ขอให้ลงโทษลูกให้สมกับความผิดด้วยเถิด” เจ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงกล้าแข็ง พระราชาบาบูมองพระโอรสแล้วรู้สึกประหนึ่งพระทัยจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็ต้องแข็งใจทรงม้าพระที่นั่งเพื่อลงโทษเจ้าชาย ด้วยตนเองตามที่ได้ลั่นวาจาไว้ พระราชาบาบูทรงม้า แล้วควบตรงไปยังร่างของเจ้าชาย ที่นอนรอรับโทษอย่างสงบ ม้าพระที่นั่งเหยียบร่างเจ้าชายอย่างแรง เจ้าชายสิ้นพระชนม์ในทันที ท่ามกลางความตกใจและเสียงร่ำไห้ พระราชาบาบูทรงลงจากม้าอย่างคนสิ้นวิญญาณ และทรุดตัวลงไปกองบนพื้นดินข้างๆ ร่างที่ไร้วิญญาณของพระโอรส น้ำพระเนตรไหลอาบเต็มพระพักตร์... |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 11 พ.ค. 2009, 15:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม... |
ทันใดนั้นเอง มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นที่ร่างของแม่วัวที่มาร้องทุกข์ หลังสิ้นแสงนั้นร่างของแม่วัวก็หายไป ปรากฏเป็นร่างของพระฤาษีเฒ่าที่น่าเลื่อมใสขึ้นมาแทน “อย่าทุกข์ใจไปเลยองค์ราชา คุณธรรมที่มั่นคงของท่าน ได้ประจักษ์แก่สามโลกแล้ว เราจะชุบชีวิตโอรสของท่าน ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของเราเช่นกัน กลับคืนมา ณ บัดนี้” กล่าวจบ พระฤาษีก็วาดไม้เท้าขึ้นกลางอากาศ แล้วชี้ไปยังร่างไร้วิญญาณของเจ้าชายบาเบ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น เจ้าชายบาเบรู้สึกพระองค์ลุกขึ้นมามีลมหายใจอีกครั้ง สร้างความยินดีให้ทุกๆ คนในที่นั้นโดยเฉพาะเจ้าพระราชาเป็นอย่างมาก “พระอาจารย์” เจ้าชายบาเบร้องอุทานเมื่อเห็นพระฤาษี “พระอาจารย์มาช่วยศิษย์หรือพระเจ้าค่ะ” “เปล่า เลยบาเบ” พระฤาษีตอบ “ความยุติธรรมอันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่งของพระราชาแห่งพระบิดาของเจ้า ต่างหากที่ช่วยเจ้าไว้ ลูกวัวตัวนั้นเป็นร่างที่เสกจากข้า เพื่อทดสอบคุณธรรมในพระบิดาของเจ้า ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพระราชาผู้นี้ทรงมีความยุติธรรมเป็นที่น่าสรรเสริญยิ่ง บาเบ ศิษย์ข้า...เจ้าไม่ต้องกลับไปศึกษาวิชาการปกครองจากข้าอีกดอก ในเมื่อพระบิดาของเจ้าเองคือพระอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว จงศึกษาคุณธรรมจากพระราชาผู้นี้ แล้วเจ้าจะเป็นพระราชาผู้ครองใจประชาชนใน เวลาไม่นาน” พูดจบฤาษีก็ให้พรแก่พระราชาบาบูว่า “ด้วยความยุติธรรม อันโดดเด่นของท่าน ข้าขออวยพรให้บ้านเมืองท่านพ้นจากภัยแห้งแล้งเสียเดี๋ยวนี้” ฉับพลันนั้นก็มีฝนตกลงมาจากฟากฟ้า “และขอให้บ้านเมืองของท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร ประชาชนอยู่อย่างเป็นสุขและเทิดทูนพระราชา ผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมเป็นที่ตั้งดังเช่นท่านตลอดไป” สิ้นคำให้พรสุดท้ายพระฤาษีก็หายตัวไป เสียงโห่ร้องยินดีของชาวบ้านดังก้องไปทั่วทั้งเมือง เจ้าชายบาเบทรงสวมกอดกับเจ้าชายบาบูและทรงให้คำมั่นสัญญาว่า จะเป็นพระราชาผู้ทรงไปด้วยความยุติธรรมดังเช่นพระบิดาให้จงได้ .............................................................. เธอทั้งหลาย... หลายคนอาจคิดว่า การลงโทษเจ้าชายของพระราชานั้น ดูเหมือนจะรุนแรงเกินความผิดไปสักหน่อย บางคนก็ว่า พระราชานี่ช่างใจร้ายนัก ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกตนเอง แต่เธอจ๋า ความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมากในโลกใบนี้ และนับวันก็จะยิ่งลดน้อยถอยลงด้วย บางเวลา เมื่อเธอต้องการความยุติธรรม เธอก็จะไม่พบกับความยุติธรรมใดๆ เลย นั่นเป็นเพราะเนื่องจากความยุติธรรมมีน้อย ดังนั้นบางครั้ง เราจึงจำเป็นต้องสร้างแม่บทของความยุติธรรม กลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นๆ ได้ถือเป็นแบบย่างและนำไปปฏิบัติด้วย พระราชาอาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่พระองค์ทรงทำเพื่อส่วนรวม ทรงเป็นพระราชาที่ให้ความรักความเมตตาต่อทุกคนเหมือนกันหมด ไม่แบ่งแยก ไม่ลำเอียง ถ้ามีผู้นำหรือคนอย่างพระราชาบาบูอยู่มากๆ สังคมของเราทุกวันนี้จะมีความสุขมากมายขนาดไหน ..........................จบเรื่องบาบูผู้ทรงความยุติธรรม.......................... เนื้อหาโดยย่อของหนังสือเรื่อง นิทานสีขาว ที่โรงเรียนสัตยาไส ทุกเช้าหลังจากที่นักเรียนสวดมนต์ นั่งสมาธิเสร็จแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของการปลูกฝังคุณธรรมของที่นี่ ก็คือ การเล่านิทาน โดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้บริหารสูงสุดของโรงเรียน ผู้เปรียบเสมือนพ่อ ของเด็กๆ ที่กล่าวว่า เคล็ดลับที่สำคัญอย่างหนึ่งของการถ่ายเท “พลังสีขาว” ก็คือ การเล่านิทานที่สอดแทรกคุณธรรม ให้เด็กๆได้ฟังทุกๆเช้าหลังการสวดมนต์ นั่งสมาธิและแผ่เมตตา ซึ่งนิทานเหล่านั้นล้วนเป็นนิทานในตำนานที่มีการเล่าต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หากแต่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย ด้วยเจตนาที่อยากจะให้เด็กๆ ยุคใหม่ได้เพลิดเพลินไปกับนิทานเหล่านั้น พร้อมกับปลูกฝังคุณธรรมไว้ในรากลึกแห่งงจิตใจของพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ “ด้วย รักบันดาล…นิทานสีขาว”จากเรื่องเล่าทุกเช้าที่โรงเรียนสัตยาไส จึงกลายเป็นนิทานคุณธรรมที่ออกมาเป็นรูปเล่ม รวม 24 เรื่องด้วยกัน เพื่อช่วยถ่ายทอด “พลังสีขาว”ให้เข้าไปสู่จิตใจของเด็ก และผู้ใหญ่ที่ไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับ พลังสีขาวแห่งโรงเรียนสัตยาไสแห่งนี้ คัดลอกจาก... mimin38 http://larndham.net/index.php?showtopic=24428 |
เจ้าของ: | jintana63 [ 12 พ.ค. 2009, 10:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม |
อนุโมทนาสาธุค่ะ ด้วยความเคารพ |
เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 13 ส.ค. 2012, 22:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: นิทานสีขาว...เรื่อง...บาบูผู้ทรงความยุติธรรม | ||
คุณธรรมที่ทรงฝากไว้ พระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกร ยืนหยัดอยู่จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดูเหมือนว่าพระองค์ท่านจะรอให้พสกนิกรของพระองค์รื่นรมย์กับบรรยากาศปีใหม่ให้จบสิ้นก่อน จึงเสด็จจากไป ขอพระองค์เสด็จกลับคืนสู่สวรรคาลัยโดยราบรื่น ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักศึกษาพระจริยาวัตรของพระองค์ให้ถ่องแท้ และปฏิบัติตามอย่างแน่วแน่ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นสืบไป ชาวพุทธถูกพร่ำสอนอยู่เสมอว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ชีวิตทุกชีวิตนำความตายติดตัวมาพร้อมกับการเกิด ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงโครงสร้างชั่วคราวให้ “ตัวรู้” มาอาศัยและปฏิบัติภารกิจบางอย่าง เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความเป็นมนุษย์ การจากไปของพระองค์ท่านได้ย้ำเตือนให้พวกเรา ตระหนักถึงสัจจธรรมที่พระพุทธองค์สอน เศร้าโศก เสียใจ อาลัยต่อพระองค์ท่านแล้วลุกขึ้นมา มองไปข้างหน้า เปลี่ยนความสูญเป็นพลัง ศึกษาพระราชปณิธานให้แน่ชัดแล้วเดินหน้าต่อไป ตามรอยเบื้องยุคลบาทของพระองค์ท่าน สิ่งดีๆรออยู่ข้างหน้า คุณธรรมพื้นฐานที่พระองค์แสดงให้เราเห็นตอนยังมีพระชนม์ชีพคือ การนึกถึงคนอื่น ซึ่งคุณธรรมดังกล่าวเป็นมรดกทางจิตใจที่รับต่อมาจากสมเด็จพระราชบิดา พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าผู้สูงศักดิ์ แต่เสด็จลงมาคลุกคลี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพสกนิกรผู้ยากไร้อยู่เสมอมิได้ขาด ทรงทำให้คนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมรู้สึกว่าตนยังมีที่พึ่ง ความจริงแล้ว พระกรณียกิจตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านนั้น ยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย แต่ถ้าหากคนเล็กๆอย่างพวกเรา สามารถหยิบเอาบางส่วนที่พระองค์ทรงแสดงไว้ เช่น คุณธรรมเรื่องการนึกถึงผู้อื่น เอาทุกข์ของผู้อื่นมาเป็นทุกข์ของตัวเอง สังคมเราจะดีขึ้นได้ไม่ยาก การนึกถึงผู้อื่น ช่วยป้องกันมิให้เรา ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบหัวชนฝา แต่เตือนสติให้เรารู้ว่า โลกนี้ยังมีคนอื่นๆ หรือชีวิตอื่นๆที่อยู่ร่วมโลกกับเรา และเราต้องเมตตาต่อเขา เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของเราและเราเป็นส่วนหนึ่งของเขา การรู้จักนึกถึงคนอื่น จะทำให้คนลดความเห็นแก่ตัวลง หันมาให้ความสำคัญกับการแบ่งปัน รู้จักทำประโยชน์แก่คนอื่น ไม่มุ่งกอบโกยเอาประโยชน์ใส่ตัวแต่ฝ่ายเดียว และสุดท้าย การนึกถึงคนอื่น ทำให้คนมีความสุขอย่างน่าประหลาด คลายความโศกเศร้าจากความสูญเสียครั้งนี้แล้ว เรามาช่วยกันทำให้คุณธรรมของพระองค์ท่านข้อนี้ ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไปกันเถอะนะครับ สังคมไทยจะได้น่าอยู่มากขึ้น ขอบคุณที่มา :: Oknation ღ˚ •。* ♥♥ ˚ ˚ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ˚. ★ *˛ ✿◕‿◕✿•°°✿◕‿◕.ღ ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |