ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
โลกแห่งการพูดและฟัง http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=5&t=24351 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Bwitch [ 26 ก.ค. 2009, 15:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | โลกแห่งการพูดและฟัง |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | dhama [ 26 ก.ค. 2009, 15:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
ชอบจังเลยครับ ให้แง่คิดดี |
เจ้าของ: | Bwitch [ 26 ก.ค. 2009, 16:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() มนุษย์เรามีปากเพียงปากเดียว สามารถทำหน้าที่ได้ตั้งมากมาย ไม่ว่าจะ กิน ดื่ม พูด ร้องไห้ หรือร้องเพลง แต่เราไม่สามารถทำหน้าที่เหล่านั้นพร้อมๆ กันในเวลาเดียวกันไ้ด้ อย่างมีประสิทธิภาพ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ก็เช่นเดียวกัน เราไม่สามารถพูดให้คนทั้งโลกเห็นไปในทิศทางเดียวกับเราได้ทั้งหมด แต่ขอให้เราแน่ใจว่าสิ่งที่พูดไม่ไร้สาระ มีเจตนาบริสุทธิ์ และตั้งมั่นอยู่บนความถูกต้องเสมอ |
เจ้าของ: | dhama [ 26 ก.ค. 2009, 16:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
พยายามต่อไปครับ นิพพานรออยู่ข้างหน้า ระหว่างทางคือบทพิสูจน์หรืออาจารย์เรา |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 ก.ค. 2009, 17:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
สาธุ สาธุ สาธุค่ะ กับเรื่องราวให้แง่คิดดีดีของโลกแห่งความจริง...ที่ทุกคนต้องเจอ ...โลกแห่งการพูดและฟัง... ธรรมะสวัสดีค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | เจ้านาง [ 03 ก.ย. 2009, 08:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ฟ้าใสใส [ 08 ธ.ค. 2012, 23:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: โลกแห่งการพูดและฟัง |
![]() ![]() การมองโลกตามความเป็นจริงนั้นต้องมองว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่คงที่ เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนในท่ามกลาง และแตกสลายในที่สุด เป็นการมองด้วยปัญญา เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งเป็นไปดังเหตุปัจจัยที่มีองค์ประกอบแล้วจึงเกิดผล อย่าไปมองโลกในแง่ลบว่ามันเลวมันแย่ เพราะมันต้องมีส่วนดีบ้าง แล้วก็อย่ามองว่ามันดีสูงสุดจนกระทั่งเราไว้ใจมัน วางใจมัน แล้วก็ตกเป็นทาสของมัน เพราะในที่สุดสิ่งที่ไว้ใจวาง ใจอาจกลายเป็นปฏิปักษ์ต่อเราก็ได้ แต่จงมองโลกในแง่ของความเป็นจริง คือ ไว้ใจก็ไม่ได้ วางใจก็ไม่ได้ แล้วทำใจเป็นกลาง ๆ คนที่มองโลกแบบนี้เปรียบเหมือนคนยืนดูของในที่สูง ซึ่งจะเห็นความเป็นไปทุกอย่าง เมื่อเรามองโลกตามความเป็นจริงแล้ว ไม่มีอะไรที่เราจะไม่เข้าใจ คนที่มองโลกตามความเป็นจริง จะรู้จักใช้ทุกเรื่องให้เป็นประโยชน์ แต่คนที่มองโลกไม่ตามความเป็นจริง คือมองตามอารมณ์ บางครั้งทำให้คนดีๆ ข้างเราก็กลายเป็นศัตรู คนที่เป็นมิตร มาชั่วชีวิตก็กลายเป็นคนที่เราคิดไม่ดี ต่อเขา ส่วนคนที่เป็นศัตรูของเราก็ไป มองว่าเป็นคนดีไป มองโลกด้วยอารมณ์อย่างนี้ไม่ดี ต้องมองโลกด้วย ปัญญา ถ้าเรามองโลกในแง่ตามความเป็น จริง ก็จะไม่มีอะไรให้เราซึมเศร้า ไม่มีอะไรให้เราล้มละลายและขาดทุนในอารมณ์ เพราะทุกอย่างมีเหตุปัจจัยของมัน โดยหลักของสมมติสัจจะ คือ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัย และไป สู่ปรมัตถสัจจะคือทุกอย่างไม่ว่าจะได้ จะเสีย จะดี จะมี จะเป็น ก็เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีอะไรคงที่ถาวรตลอดกาลตลอดสมัย มองอย่างนี้จะทำให้เราเข้าใจถึงสรรพสิ่งในการดำรงชีวิต ไม่ตกเป็นทาสของความได้ ความมี ความเสีย ความเป็น ฯลฯ การมองโลกตามความเป็นจริงด้วย ปัญญา ทำให้เราคิดเป็น เมื่อคิดเป็นเราก็เป็นสุข ขอบคุณที่มา :: โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 มกราคม 2548 15:46 น. |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |