วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 01:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2011, 07:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 13:20
โพสต์: 12


 ข้อมูลส่วนตัว


เกตุดาราตื่นแต่เช้าเหมือนเช่นเคย แต่ทว่าไม่ค่อยแจ่มใสเท่าที่ควร เพราะเมื่อคืนเธอนอนน้อยมาก กว่าจะหลับได้ก็เลยตีหนึ่งไปแล้ว แต่ก็ไม่หลับสนิทแถมยังฝันร้ายวุ่นวายไปหมด เมื่อตื่นขึ้นมาตั้งใจว่าจะชวนรุ้งระวีไปใส่บาตร แต่ก็ติดตรงที่เพื่อนยังไม่ตื่น เธอนั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนรักทั้งสองคนขณะดื่มกาแฟฆ่าเวลารอรับประทานอาหารเช้าพร้อมๆกับรุ้งระวี อยากจะหาคนช่วยชี้ทางออก ช่วยแก้ปัญหาหัวใจให้ทั้งกับเธอและเพื่อนทั้งสอง ซึ่งต่างก็กำลังกระวนกระวายใจเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ที่แผดเผาใจให้เร่าร้อน เกตุดารากำลังขาดสติ ทั้งๆที่ศึกษาธรรมะมาก็มาก ทั้งอ่านหนังสือ ฟังธรรมคำสอนจากพระอาจารย์ ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัด เธอไม่รู้ว่ากิเลสนั่นเองกำลังเผาไหม้จิตใจของตัวเอง เหตุเนื่องมาจาก เป็นทุกข์เพราะความรักที่ไม่สมหวังของตัวเอง แล้วยังสงสารเพื่อนรักทั้งสองคน หาทางออกให้เพื่อนไม่ได้

รุ้งระวีตื่นแล้ว แต่หน้าตาซีดเซียวไม่สดชื่นเลย พอเห็นหน้าเพื่อนก็เอ่ยปากชวนเพื่อนทันที
“ เกด เมื่อคืนก่อนจะหลับไป รุ้งคิดได้ว่าเราควรจะไปหาพระฤๅษีที่เราพบท่าน เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เราไปหนองคาย รุ้งจำท่านได้หรือเปล่า?”
“ จำได้ จริงสินะเราน่าจะไปพบท่าน ให้ท่านช่วยชี้ทางออกให้เรา ช่วยแก้ปัญหาให้เราทั้งสามคน”
“เกดเห็นด้วยหรือ งั้นเราไปกันเลยวันนี้”
“อ้าว ไปกันสองคนเท่านั้นหรือ ไกลนะ หนองคาย เราจะไปกันอย่างไร?”
“ก็ขับรถไปกัน”
“ไม่ชวนนพด้วยหรือ?”
“ช่วงนี้ นพไม่ว่างเลย รุ้งใจร้อนอยากจะพบท่านเร็วๆ เรารีบไปแล้วรีบกลับก็ได้”
“จะดีหรือรุ้ง เพราะเราอาจจะไม่ได้พบท่าน ท่านอาจจะไปธุดงค์ที่ไหนก็ไม่รู้”
“งั้นเราลองโทรศัพท์หาเจ้าของโฮมสเตย์ที่เราไปพักตอนไปดูดอกไม้ไฟน้ำ ที่หนองคายจะดีไหม? เผื่อว่าเขาอาจจะรู้บ้างว่า พระฤๅษีท่านอยู่ที่ไหน?”
“ก็ดีเหมือนกัน”

ทั้งสองคนช่วยกันโทรศัพท์ติดต่อเจ้าของบ้านพักโฮมสเตย์ผู้อารี แล้วก็ได้ทราบว่าพระฤๅษีท่านได้ออกบวชเป็นพระแล้ว ขณะนี้จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง แถวๆอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี แต่นางจำ
ชื่อวัดไม่ได้ วัด ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโขง ใกล้กับแม่น้ำสองสีที่มีสายน้ำจากแม่น้ำมูลกับแม่น้ำโขงมาบรรจบกัน ให้ไปถามชาวบ้านแถวนั้นเขารู้จักท่านทั้งนั้น ว่าท่านจำพรรษาที่วัดใด
“ข้อมูลเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เราไปกันวันนี้เลยนะเกด”
“ไม่บอกนพก่อนหรือ?”
“เดี๋ยวขณะขับรถไปก็โทรศัพท์บอกนพไปก็แล้วกัน รุ้งใจร้อน”
“เกดต้องบอกคุณป้าก่อน”
“บอกว่า เราจะขับรถไปอุบล กันสองคน ท่านต้องไม่ให้ไปแน่เลย”
“ถ้าอย่างนั้น เกดบอกท่านว่า เกดจะไปค้างบ้านรุ้งสองคืน ดีไหม?”
“ก็ได้ ว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน ตื่นเต้นดี ไปกันสองคน”

ความใจร้อนของทั้งคู่ ทำให้ทั้งสองคนออกเดินทางกันในตอนสายของวันนั้นเลย ผลัดกันขับรถ แวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง กะจะไปถามชาวบ้านถึงทางไปวัดที่พระฤๅษีท่านมาบวชเป็นพระอยู่ แล้วพักค้างที่ในเมือง ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะได้ไปกราบนมัสการท่าน พร้อมกับขอให้ท่านช่วยหาทางออกให้เรื่องปัญหาหัวใจ แต่ทั้งสองหารู้ไม่ว่าเธอกำลังเดินไปสู่ภัยร้ายกาจที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ เกตุดารากับรุ้งระวีไม่รู้ตัวเลยว่า เธอถูกติดตามโดยชายฉกรรจ์สองคนที่เป็นพวกมิจฉาชีพ มันติดตามเธอมาจากร้านอาหารริมถนนข้างทางที่เธอทั้งสองไปแวะรับประทานอาหารกลางวันกันนั่นเอง พวกมันกำลังมองหาเหยื่ออยู่พอดี เมื่อได้พบกับสองสาวสวย ขับรถยนต์ราคาแพงเป็นล้าน ป้ายทะเบียนจากกรุงเทพมหานคร มากันเพียงสองคน มันจึงขับตามมาจนได้โอกาส เมื่อเข้าสู่เส้นทางสายเปลี่ยวที่มีเพียงรถสองคัน ขับตามกันมาเท่านั้น เจ้าโจรโฉดจึงเร่งเครื่องแซงขึ้นไป แล้วปาดหน้ารถที่รุ้งระวีเป็นคนขับ จอดขวางทางไว้ เดินลงมาพร้อมปืนในมือ ขู่เสียงดังว่า
“ นี่เป็นการจี้ ลงจากรถมาทั้งสองคน ส่งกุญแจรถมา” เจ้าคนเป็นหัวหน้าสั่งการด้วยเสียงเฉียบขาด ท่าทางวางอำนาจ

ความตกใจทำให้ทั้งสองสาวต้องทำตามคำสั่ง ก้าวลงจากรถ ออกมายืนข้างถนน พอมันเห็นหน้า รุ้งระวีกับเกตุดาราถนัด เจ้าคนเป็นลูกน้องก็แสดงอาการหื่น พึงพอใจในตัวสองสาว อยากได้เป็นของแถมก่อนจะชิงรถไป เอ่ยปากขอร้องลูกพี่ ขอจัดการกับสองสาวก่อน อดอยากปากแห้งมานานแล้ว สองข้างทางเป็นป่าเปลี่ยว ไม่มีใครมาพบเห็น เสร็จธุระก็ปาดคอ ฆ่าทิ้งเสีย ไม่มีใครรู้เห็น เจ้าคนเป็นหัวหน้า พิศดูเกตุดารา แล้วก็ตะลึงในความงาม ผู้หญิงคนนี้สวยจัดจริง ๆด้วย ใบหน้าหวานหยาดเยิ้ม แม้กำลังตกใจหน้าซีด ตัวสั่น ยังงามถึงเพียงนี้ ผมหยิกศกเป็นลอนยาวเคลียไหล่ ออกสีน้ำตาลแดง ขับให้ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนดูน่าลูบไล้ ดวงตากลมโต หวานคมอมเศร้า ดูมีเสน่ห์ เกินกว่าจะข่มขืนแล้วฆ่าทิ้ง คิดได้มันจึงเปลี่ยนใจ ต้องฉุดเอาไปเป็นเมีย มันวางแผนในใจ แล้วจึงออกคำสั่ง
“กลับไปขึ้นรถทั้งสองคน เธอแม่คนสวยนั่งข้างหน้าคู่กับฉัน ส่งกุญแจรถมาฉันขับเอง เธอแม่ หมวย สวย ขาว ไปนั่งข้างหลัง เร็วๆ ไม่งั้นตาย” มันออกคำสั่ง แล้วหันไปสั่งลูกน้อง
“เอ็ง ขับรถของข้าตามมา เดี๋ยวเราจะไปสนุกกันที่บ้าน กูยกนังหมวยสวย ขาวให้เอ็งเอาไปจัดการ”
“ ได้เลยลูกพี่” มันทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องดีอกดีใจ จะได้เมียสวย

เกตุดาราตั้งสติได้ก่อน ก้าวขึ้นรถตามคำสั่ง ไม่ได้ขัดขืนใด ๆ ในใจคิดหาทางช่วยตัวเองกับช่วยเพื่อน รุ้งระวีเห็นเพื่อนขึ้นรถ โดยไม่ขัดขืนจึงก้าวตามขึ้นไปนั่งบนรถ เจ้าโจรหัวหน้าพอใจที่สองสาวไม่ขัดขืนมันจึงย่ามใจเก็บปืนเข้าที่ ขับรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ยามคับขันเกตุดารานึกถึงนาเคนทร์นาคราชทันที จำได้ว่าผู้เป็นที่รัก มอบสร้อยพระศอ พร้อมจี้เป็นเกล็ดมรกตไว้ให้ เพื่อป้องกันภัยอันตราย สั่งให้เธอสวมติดตัวไว้ตลอดเวลา เกตุดาราเอื้อมมือกุมจี้เกล็ดมรกตไว้แน่น พลางส่งกระแสจิตถึงเจ้านาเคนทร์นาคราช ขอความช่วยเหลือให้รีบมาทันที เพราะเธอและเพื่อนกำลังตกอยู่ในอันตราย

ด้วยใจรักแท้มั่นคงที่ทั้งสองมอบให้แก่กัน บวกกับเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ของเกล็ดมรกต เจ้านาเคนทร์นาคราชรับรู้ถึงกระแสจิตของคนรักที่เรียกขอความช่วยเหลือได้ในทันที

พลันถนนที่มองดูโล่งปราศจากรถวิ่งสวนไปมาเบื้องหน้า ก็ปรากฏมีสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งทอดลำตัวยาว ใหญ่พาดขวางอยู่บนถนน เมื่อมองในระยะไกลจะคล้ายต้นไม้ใหญ่โค่นหักขวางปิดทางสัญจรอยู่กลางถนน แต่เมื่อรถที่เจ้าโจรร้ายขับเข้ามาใกล้ เมื่อเขม้นมองจ้องเขม็ง มันจึงพบว่า เจ้าท่อนไม้นั้นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ แล้วนั่นมันกำลังชูคอ ยกหัวขึ้น หัวที่มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายงู แต่มีหงอนสีแดง มีแผงคอเหมือนม้า ลำตัวใหญ่ยาวขนาดเท่าต้นตาล มีเกล็ดสีมรกตเป็นมันเลื่อม ตาสีแดงเป็นประกายจัดจ้า ดูน่ากลัว จ้องมองเจ้าโจรร้ายอย่างโกธรแค้น พลางชูคอยกหัวส่ายไปมาหน้ารถ ตั้งใจจะฉกกัดที่ใบหน้าของเจ้าโจรคนขับรถแต่ยังดีที่คิดได้ ว่าถ้าไปฆ่ามันตัวเองก็จะมีบาปติดตัวไปอีก จึงแค่ขู่ฟ่อๆให้เพียงตกใจกลัว แต่กระนั้น เจ้ามิจฉาชีพเคราะห์ร้ายก็ยังตกใจและ ส่งเสียงร้องแทบไม่เป็นภาษามนุษย์ ด้วยความกลัวจัด รีบเปิดประตูด้านคนขับ ทิ้งรถ เผ่นหนีเข้าป่าข้างทางไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวเจ้าโจรใจทรามลูกน้องที่ขับตามกันมา ต้องรีบเบรกจนตัวโกร่งที่ลูกพี่จอดรถ กะทันหัน มันรีบลงจากรถมาดูเหตุการณ์ เพราะคิดว่าลูกพี่ถูกทำร้าย ทันท่วงทีพอดีได้เห็น สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับลูกพี่ของมัน อารามตกใจกลัว มันจึงรีบทิ้งรถ เผ่น ตามลูกพี่ขอมันไปติด ๆ

เกตุดารากับรุ้งระวีก็เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แต่ครั้งนี้ทั้งสองสาวกลับมิได้ตกใจกลัวอีกแล้ว เพราะเคยเห็นสิ่งที่นพเรียกว่า พญานาค มาครั้งหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะเกตุดารารู้ได้ทันที ว่าคนรักมาช่วยเธอแล้ว ส่วนรุ้งระวี หลังจากที่รับรู้เรื่องราวความรักของเพื่อน กับ พญานาคราชแล้ว ก็รู้ได้ในทันทีเหมือนกันว่า คนรักของเพื่อนมาช่วยแล้ว จึงมิได้ตกใจกลัว แต่กลับดีใจเสียด้วยซ้ำ ขณะที่สองสาวจ้องมองตามเจ้าโจรร้ายทั้งสองคน
ที่วิ่งหนีเข้าข้างทางที่มีพุ่มไม้ใบหนาปกคลุมอยู่ เธอทั้งสองจึงไม่ทันสังเกตว่า ข้างกายของเกตุดารา ปรากฏมีบุรุษหนุ่ม รูปงาม ยืนยิ้มอบอุ่น มองมาที่เกตุดาราอย่างดีใจสูงสุด

เกตุดาราหันมาเห็นคนรักก่อน อารามดีใจก็กระโดดตัวลอย ผวาเข้ากอดแขนนาเคนทร์นาคราชแน่น รุ้งระวีหันมามองบ้าง พอเห็นหน้าชัด ก็ตะลึง เผลอมองโดยไม่อาจละสายตา โอนี่หรือ คือเจ้า นาเคนทร์นาคราช ช่างหล่อล้ำ ปานเทพเจ้าจริง ๆ ด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดเกตุดาราจึงรักเสียหนักหนา ตัวเธอเอง ถ้าไม่มีนพอยู่ในหัวใจ ก็คงจะเผลอใจ ลุ่มหลงรักเข้าด้วย เหมือนกัน รุ้งระวีรำพึงในใจ
“ รุ้งจ้ะ นี่เจ้านาเคนทร์นาคราช ที่เกดเล่าให้ฟัง พี่นาเคนทร์มาช่วยเราแล้ว”

รุ้งระวีหายตกตะลึง ยกมือไหว้ทำความเคารพอย่างยินดีแกมตื่นเต้น สบตากัน นาเคนทร์นาคราชยิ้มตอบอย่างอบอุ่น รับไหว้แล้วบอกกับสองสาวว่า
“หายตกใจแล้วใช่ไหม? มันหนีไปแล้ว พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายเกดกับเพื่อนของเกดหรอก”
“ขอบคุณพี่นาเคนทร์มากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่นาเคนทร์มาช่วย เกดกับรุ้งคงแย่เหมือนกัน มันวางแผนจะข่มขืนเราแล้วฆ่าทิ้งเสีย”
“มันคงตามสะกดรอยเกดกับรุ้งมานานแล้ว ช่างมันเถอะ ลืมมันเสียมันผ่านพ้นไปแล้ว ขึ้นรถดีกว่า พี่จะขับให้เอง แล้วนี่จะไปไหนกัน ทำไมเดินทางไกลอย่างนี้ มากันแค่สองคน ถ้าเป็นอะไรไป พี่คงทนไม่ได้”
“ต้องโทษรุ้งเอง รุ้งใจร้อน ชวนเกดไปอุบลกัน เราจะไปหาพระฤๅษีที่ท่านมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดที่อำเภอโขงเจียม”
“เกดก็ผิดด้วยกันนั่นแหละ เราใจร้อนด้วยกันทั้งคู่ เกดกับรุ้งหัวอกเดียวกัน ไม่สมหวังในความรักเลยอยากให้ท่านชี้ทางออกให้”
“ดี พี่ก็หัวอกเดียวกัน พี่ไปด้วยนะ จะได้ไปกราบนมัสการท่าน ขอฟังธรรมจากท่าน จิตใจเราจะได้สงบขึ้น พี่คิดถึงเกดจังเลย” ประโยคสุดท้ายหันหน้ามาพูดเบาๆกับคนรัก ก่อนจะหันไปมองทางข้างหน้าขับรถไปยังจุดหมายปลายทาง
ทั้งสามแวะถามทางไปวัดจากชาวบ้าน เมื่อรู้ทางไปวัดแล้ว จึงแวะหาอาหารเย็นรับประทาน เพราะไปถึงที่อำเภอเมืองก็ค่ำแล้ว จึงเปลี่ยนใจพักค้างที่โรงแรม โดยวางแผนจะไปกราบนมัสการท่านตอนสายๆของวันรุ่งขึ้น


แก้ไขล่าสุดโดย วันทนา เมืองจันทร์ เมื่อ 23 พ.ย. 2011, 21:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ย. 2011, 17:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 10:28
โพสต์: 439


 ข้อมูลส่วนตัว




567.jpg
567.jpg [ 33.53 KiB | เปิดดู 3720 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สรรพสิ่งทุกอย่าง ล้วนมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

.................................................................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลอยู่ในตัว
การกระทำของตนย่อมเป็นกรรมที่ตนกำหนดเอง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร