โอ๊ะ....จริงแหะ

ขออนุโมทนาค่ะ คุณยายมัทฯ

ผู้หญิงชอบปฏิบัติธรรมมากกว่ามั่งครับ

นั่นสินะครับ ถึงว่า เวลาไปปฏิบัติ ที่พักชายมักจะเหลือ

เพราะผู้หญิงมีจิตใจที่ละเอียดอ่อน กว่าผู้ชายค่ะ ความคิดความอ่านแตกต่างกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่จึงปฏิบัติธรรมมากกว่าผู้ชายค่ะ

มีหลายเหตุผลประกอบกัน ดดยประมาณดังนี้
1. ผู้หญิงอาจเป็นเพศเชื่อมั่น ในเรื่องบาปบุญมากกว่าผู้ชาย(ศรัทธาจริต) อาจมีการเชื่อแบบไม่ประกอบด้วยเหตด้วยผลประกอบเข้ามาปะปนด้วย(ลีลัพพรตปรามาส) เช่น เรื่องหมอดู พิธีกรรม การสะเดาะเคราห์ ก็จะเห็นว่าผู้หญิงมีแนวโน้มเข้าไปยู่งเกี่ยวมากกว่า ส่วนผู้ใจที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ไมใช่แสดงว่าผู้ชาย ฉลาดกว่า หรือเป็นพุทธจริต มากกว่า แต่เพราะผู้ชาย อาจต้องแสดงให้เห็น ถึงความเข้มแข็ง หรือหน้าที่ที่จะเป็นเพศที่ต้องปกป้อง ย่อมมีอัตตาสูงกว่า ที่จะแสดงให้เห็นอะไรที่มองดูแล้วอ่อนแอ
2.ผู้หญิงมักมีความรู้สึกซ่อนอยู่ลึกๆ ว่าตนเองเข้าถึงพุทธรรมทางตรงไม่ได้ คือบวชเป็นพระไม่ได้ จึงคอยแต่สะสมบุญทางอ้อม และใช้ความบ่อย ความถี่ ในการทำบุญเข้ามาช่วย
3.ในทางกลับกันผู้ชายส่วนใหญ่ที่ได้บวชมากกว่าร้อยละ 50 บวชสึกออกมาแล้ว กลับมีศรัทธาในพุทธศาสนาน้อยลง(หมายถึงทุกวัดทั่วประเทศ) เนื่องจากในปัจจุบัน จุดประสงค์ของการบวชเพื่อพ้นทุกข์ เพื่อบรรลุธรรม นั้นมีไม่เกิน ร้อยละ 10 นอกนั้นเป็นการ บวชเพื่อลาภ ยศตำแหน่งทางพระ บวชเป็นอาชีพ(หากินกับผ้าเหลืองและศรัทธาของชาวพุทธ) พระในปัจจุบันจึงแบ่งเป็นหลายกลุ่ม เช่นพระเรียนหนังสือทางโลก พระสวด(สวดเอาตังส์อย่างเดียว อย่างหลายวัดปัจจุบันต้องแย่งคิวกัน) พระเสก(อันนี้เสก แล้วให้ลูกศิษย์ช่วยกันเชียร์ขายวัตถุมงคล ปั๊มปึ้งเดียว ทุน5บาทให้เช่า300บาท) พระสอน อันนี้ก็ท่องคำภีร์เก่งๆ แต่งกลอนเพราะๆ หน้าหน้าตาดี เสียงดีด้วย ก็เข้าตำราพระดังคิวยาว ได้ออกทีวี ได้ออกเทปกันไป สุดท้ายคือพระกลุม่ที่สืบทอดเจตนาของพระพุทธเจ้าจริงๆ คือพระสมาธิหรือพระวิปัสนาที่เราศึกษากันนี่เอง ซึ่งความจริงก็ยังไม่ใช่ของจริง ของแท้ทั้งหมด กลุ่มนี้ท่านจะปฏิบัติจนเกิดปฏิเวธ รู้จากการปฏิบัติ เป็นปัจจัติตัง แล้วจึงมาสอน หน้าตาท่านไม่ดี เสียงท่านก็ไม่เพราะ ก็หลวงพ่อพุทธทาส หลวงพ่อชา ทานเป็นพระภาคใต้ ภาคอีสานหน้าตาจึงไม่ดี เสียงจึงไม่เพราะ แต่ธรรมะของท่านเพราะตั้งแต่ เบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด และที่แยกจากพระสอนอื่นๆชัดเจน ท่านไม่ต้องเตรียมการสอน ท่านสอนจากความรู้ภายใน สิ่งต่างๆที่กล่าวเหล่านี้ทำให้เกิด ปัจจัตตังที่ว่า สิ้นไปเสื่อมไปทีละเล็กทีละน้อน ในเรื่องของศรัทธา
4.สุดท้าย ผู้ชาย ยังมีสิ่งยั่วยวน ที่ยอมรับกันในสังคม ที่คอยฉุดรั้งให้ออกห่างไปจากศาสนา ลงไปในทางต่ำอีกมาก ตั้งแต่เหล้า และเพื่อนนั่งตัก ป้อนเหล้า เบียร์และเด็กเชียร์เบียร์ที่คัดสรรค์มาเพื่อยั่วยวน สร้างกำหนัดทางเพศ
ตลอดจนคาราโอเกะ จนถึงอาบอบนวด ต่างๆ ที่มีสาวที่สวยกว่า เด็กกว่า เอาใจเก่งกว่าที่บ้านทั้งนั้น รู้อย่างนี้จะด่าผู้ชายไหม อย่าพึ่งหลุดปากด่า เดี๋ยวมันจะไม่พ้นตัว เพราะถ้าไม่มี ไม่ใช่ผู้หญิงหน้าตาดี แต่ไม่รักดีพวกนั้น ผู้ชายมันคงไม่ไปไหนนอกทางกันขนาดนี้..อันนี้พอสังเขปแล้ว..
... พูดความจริงกลัวตกนรกไหม/เจโตวิมุติ.

ท่านเจโตฯ..วิเคราะห์ได้ดี..

กระผมก็สังเกตและก็สงสัยมานาน....

หรือว่า..จะเป็นธรรมชาติ..

เพศหญิง...มีธรรมชาติของกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงเท่าเพศชาย..แต่ธรรมชาติก็ชดเชยให้เพศหญิงมี..จมูกดี..ตาดี..จำดี..(ท่านที่มีภรรยาแล้วคิดว่าจะเข้าใจดีกว่านะ)..เรียกว่า..ต้องใช้สมอง..ใช้ความฉลาดเพื่อความปลอดภัยของตัว..

เพศชาย...มีธรรมชาติของกล้ามเนื้อกระดูกที่แข็งแรง...ก็ใช้แต่ความแข็งแรงเอาตัวให้ปลอดภัย..สมอง..ไหว่พริบปฏิภาณก็เลยไม่ค่อยได้ใช้..ก็ขาดความปราณีต..ขาดความละเอียดอ่อนไป

สรุปว่า..เพศหญิงใช้สมองมากกว่าเพศชาย..

ทำไมตามคาเฟ่จึงมีผู้ชายเข้าใช้บริการเยอะกว่าผู้หญิง...คะ

บางทีการมีวงดนตรีโคโยตี้ในงานบวช คิดว่าไอเดียนี้น่าจะเริ่มมาจากแม่นาค หรือพ่อนาคคะ

ร่ายกายแข็งแรงมากไปมั้ง.....ก็เลยไปทำให้อ่อนแอลงหน่อย



อาจเป็นความคิดของเพื่อนนาค....ก็ได้

อย่าว่าแต่เรื่องไปวัดไปวาเลย..ครับ

เรื่องไปทำงาน...ผมก็ว่าน้อย

ใครนั่งรถเมล์ไปทำงาน...ก็ดูได้...ผู้ชายมีถึงหรือเปล่า..1 ใน 4

เคยคิดนะ..ผู้ชายไป..ต...ายไหนหมด..หรือ..ขี้เกียจกันหรืองั้ย??

อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น.
1.ผู้หญิงมีความเก็บกดจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มาก เช่น.ครอบครัว เพื่อนฝูง การทำงาน
การเลี้่ยงลูก เป็นต้น ดังนั้น.ผู้หญิงเมื่อวันหนึ่งเกิดความเบื่อหน่าย จึงต้องแสวงหาสิ่งใหม่
ๆ ที่ดีกว่า เช่นการปฏิบัติธรรม การนั่งสมาธิ การอ่านหนังสือธรรมะ เป็นต้น
2. ผู้หญิงไม่ค่อยได้คลุกคลีกับพระเหมือนผู้ชาย ดังนั้น.ผู้หญิงจึงนับถือพระ หรือการปฏิบัติธรรม
มากกว่าผู้ชาย พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ไม่รู้ไส้รู้พุงพระนั้นเอง สังเกตุให้ดี คนที่ใส่บาตรมาก ๆ
ส่วนมากจะเป็นผู้หญิงทั้งสิ้นนั้นเอง (ผู้ชายรู้มาก)
3.ผู้หญิงส่วนมากที่มาปฏิบัติธรรมส่วนมากแล้ว จะมีอายุหน่อย เพราะอยู่บ้านก็เบื่อ สู้เอาเวลาไป
ทำคุณประโยชน์ให้แก่ตัวเองดีกว่า ดีกว่าอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะอีกไม่กี่ปี ก็อาจจะลาโลกนี้แล้ว
แต่หากว่าออกงานสังคมก็ไม่ไหว เพราะอายุมากแล้วนั้นเอง สุขภาพไม่ดี
4.อีกอย่างหนึ่งก็คือ ความผูกพันธ์ในการสนทนาธรรม และการปฏิบัติธรรมแล้ว หากได้คุยกับพระ
ซึ่งเป็นเพศตรงข้าม จะมีความสบายใจมากกว่าคุยกับผู้หญิงด้วยกัน (ผลพลอยได้ ตามหลัก
ธรรมชาติ)ดังนั้น.ผู้หญิงจึงมีความเลื่อมใสในธรรม การทำบุญ มากกว่าผู้ชาย เพราะผู้ชาย
มีทางหลงไปในทางเสียมากกว่า เช่น.อบายมุข เที่ยวกลางคืน การละเล่นต่าง ๆ เป็นต้น
5.ผู้หญิงเป็นเพศที่ละเอียดอ่อน หรือจะบอกว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้า เหมาะสำหรับบุคคลที่
มีความละเอียดอ่่อน และความลึกซึ้้งทางธรรมก็เป็นได้ และส่วนมากแล้ว ผู้ชายเค้าจะบวช
พระซะมากกว่า ได้เคยศึกษามาแล้ว แต่ผู้หญิงไม่ได้บวชพระก๋็คงเป็นได้
******เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเชื่อเสมอไป ยังมีอีกหลายสาเหตุ
ขอความคิดเห็นหน่อยครับ
จาก...นิรันตราย ดิถีศรีวรกุล