ทางสายเอก “หนทาง” ของคนเรามีมากมายให้เลือกเดิน บางคนเดินสู่ป่า บางคนเดินสู่กรงขัง บางคนเดินสู่สวรรค์วิมาน บางคนเดินสู่ความพินาศล่มจม บางคนเดินสู่ความร่ำรวย แต่ถนนสายที่จะกล่าวถึงนี้ เป็น “ทางสายเอก” ที่จะนำพาเราไปสู่ความร่ำรวย นิทานเรื่องนี้มาใน “เอกปถชาดก ทุกนิบาต”
เศรษฐีใหญ่คนหนึ่ง ได้สร้างฐานของตัวเองมาด้วยสองมือ จากคนที่ไม่มีอะไร แต่ได้เดินทางสายเอก จึงประสบกับความสำเร็จ ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี
กาลต่อมาหลังจากแต่งงานไม่นานนัก เศรษฐีก็ได้ลูกชายคนหนึ่ง เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เมื่อลูกชายเจริญวัยสมควรที่จะศึกษาเล่าเรียนหาความรู้ เศรษฐีก็ส่งลูกชายไปเรียนยังสำนักของอาจารย์ที่มีชื่อเสียง เมื่อเรียนจบแล้ว ลูกชายเศรษฐีกลับมาช่วยงานสานต่อกิจการของผู้เป็นพ่อ
ณ วันหนึ่งลูกชายเศรษฐีได้ถามผู้เป็นพ่อว่า
“พ่อครับ ทางสายเอกที่ทำให้สำเร็จประโยชน์มีหรือไม่ครับ”
เศรษฐีพอได้ฟังก็รู้สึกปีติใจอยู่ลึก ๆ ที่ลูกชายเป็นคนชอบหาความรู้ใส่ตัว จึงตอบว่า
“มีสิลูก ทางสายเอกที่ทำให้สำเร็จประโยชน์ได้มากมายนั้น ก็คือ ความขยันหมั่นเพียร ที่ประกอบไปด้วยความประพฤติเรียบร้อยทางกาย วาจา ใจ และพร้อมด้วยขันติความอดทน ทางสายนี้ย่อมสามารถทำให้มิตรสหายมีความสุข ทำให้ศัตรูมีความทุกข์ได้”
“ขอบคุณมากครับพ่อ พ่อครับ! พ่อทำอย่างไรจึงมีฐานะร่ำรวยกว่าคนอื่น ๆ ในละแวกนี้ครับ!” ผู้เป็นลูกชายยังไม่วายสงสัยต่อไปอีก
“ทางสายเอกที่พ่อบอกลูกนั่นแหละคือ ทางเดินของพ่อ พ่อหวังว่าลูกจะเดินตามทางนั้น เหมือนที่พ่อได้เดินมาแล้วค่อนชีวิต” เศรษฐีตอบและพร่ำสอนลูกชายด้วยความรักและเอ็นดู
“ครับพ่อ ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง ผมจะเดินตามรอยพ่อครับ” ลูกชายตอบพ่ออย่างภูมิใจ และเขาก็ได้เดินทางสายเอกนี้ สร้างความั่งคั่งให้ตนเองจนตลอดชีพ
มาชาติสุดท้าย ลูกชายได้มาเกิดเป็นกุฏุมพี ส่วนผู้พ่อได้มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า
นิทานเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า :: ทางสายเอก สายสุดยอดสำหรับเป็นทางเดินสู่ความสำเร็จนั้นก็คือ ความขยันหมั่นเพียร คนที่จะประบความสำเร็จได้อย่างภาคภูมิและยิ่งใหญ่ ต้องมีความขยัน ประกอบด้วย ศีลธรรม ประพฤติเรียบร้อยทั้งกาย วาจา และใจ ประกอบแต่อาชีพที่ถูกกฎหมาย ไม่ขัดต่อศีลธรรม ประเพณีของสังคม เมื่อทำได้เช่นนี้ ความสำเร็จก็จะกวักมือเรียกให้เข้าไปหา
มงคลสูตรข้อที่ ๕ ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา หมายถึง บุญกุศลผลสร้างสว่างชีวิต
ชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเพราะแรงผลักดันแห่งอดีต พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “กิจโฉ มะนุสสะปะฏิลาโภ” แปลว่า การได้เกิดมาเป็นคนไม่ใช่เรื่องง่าย พระพุทธเจ้าดำรัสนี้ พระองค์ตรัสไว้เมื่อ ๒,๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว แต่ยังใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย
ขอบพระคุณที่มา :: นิทาน ๑๐๘ ชาดกก่อนนอน :: ภาพจากอินเทอร์เน็ต
(♡✿◕‿◕✿♡) กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน ขอให้ทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรม มีความสว่างทั้งทางโลกทางธรรม ท่านใดมีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านใดมีสุขขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครอง ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าค่ะ (♡✿◕‿◕✿♡) 
| ไฟล์แนป: |
|
สัมมาอาชีโว.jpg [ 24.15 KiB | เปิดดู 2295 ครั้ง ] |
ขออนุโมทนาค่ะ ติดตามอ่านตลอดค่ะ