วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 16:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง





กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เราทำเขาก่อน

เราไม่ได้ทำอะไรเขา ไม่ได้เบียดเบียนเขาเลย
หรือ เราพยายามทำดีกับเขาตลอด
แต่เขาไม่ตอบสนองความดีของเราเลย
เอารัดเอาเปรียบเราอยู่เรื่อยๆ
ทำให้เรารู้สึกว่า

ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดีมีถมไป
ไม่มีความยุติธรรมในโลก.....


มีเรื่องหนึ่งที่น่าคิด..... น่าพิจารณาดู
สมัยก่อนนานมาแล้ว สมเด็จโตยังมีชีวิตอยู่ เป็นเจ้าอาวาส
ที่วัดระฆัง มีพระ 2 องค์ สมมุติเรียกว่า พระ น. (นั่งด้านหน้าของเรือ)
กับพระ ล. (นั่งด้านหลัง) สมัยนั้นพระลงเรือบิณฑบาต พระ 2 องค์นี้
นั่งเรือลำเดียวกันไปบิณฑบาต พระ น. นั่งข้างหน้า พระ ล. เอาพาย
ตีพระ น. พอกลับถึงวัด พระ น. ฟ้องสมเด็จโตว่า
ท่านไม่เคยทำผิดอะไรเลย แต่อยู่ดีๆ พระ ล. ก็มาตีท่าน

สมเด็จโตว่า "พระ น. ทำผิดก่อน"
พระ น. ก็ไม่สบายใจเลยคิดว่า สมเด็จฯ ลำเอียงรัก พระ ล. มากกว่า
ไม่ยุติธรรม พระ น. คิดแล้วก็ไม่สบายใจ ท่านเองเป็นพระน้อย
เจ้าอาวาสสมเด็จโตเป็นพระผู้ใหญ่ ท่านทำอะไรก็ไม่ได้..... ทุกข์อยู่
อย่างนั้น ในที่สุดก็เล่าเรื่องให้พระสมเด็จอีกองค์ฟังและขอให้ช่วยจัดการ

วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสพบกัน ท่านสมเด็จก็ตักเตือน
สมเด็จโตไม่ควรลำเอียง ท่านควรรักษาความยุติธรรม
ใครผิดก็ว่าผิด ควรรักลูกวัดเสมอกัน
สมเด็จโตก็กระซิบท่านว่า "ท่านเชื่อกรรมในชาติก่อนไหม"
ท่านสมเด็จก็เงียบไป.....

นั่นแหละคือเหตุที่สมเด็จโตตัดสินว่า
พระ น. ผู้ถูกตี ผิดก่อน ทำเขาก่อน..... เป็นวิบากกรรม

ถ้าเราศึกษาพุทธประวัติ ก็มีเรื่องราวมากมาย
พระพุทธเจ้ากับพระเทวทัต ก็หลายภพหลายชาติ
แม้แต่พระพุทธเจ้า หลังจากตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
เป็นพระอรหันต์และพระปัญญาธิคุณท่านบริสุทธิ์แล้ว
ทรงประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ
ก็ยังถูกแกล้งอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะจากท่านเทวทัต
นอกจากนั้น ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวหาพระองค์ท่านต่อหน้า
ชุมชนว่าท่านทำให้เขาท้อง บางครั้งพระองค์ก็ถูกด่า ถูกนินทา
จากคนทั้งเมืองก็มี ล้วนแต่วิบากกรรมทั้งนั้น
และในที่สุดแต่ละคนก็รับผลกรรมไปเอง

ฉะนั้นเมื่อเราประสบปัญหาลักษณะนี้
เมื่อเราถูกแกล้ง หรือรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ เสียเปรียบ ฯลฯ
ให้รีบตั้งสติ พยายามรักษาใจของตนก่อน
ทำใจให้เข้มแข็งแล้วตรวจตราดูว่า ตั้งแต่รู้จักเขา
เราทำอะไร พูดอะไรผิดพลาดตรงไหน

ขอให้ติเตียนตัวเองให้มาก
เพื่อจะได้แก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตัวเอง
เพราะ โดยมาก เราก็ผิดก่อน ทำก่อน บกพร่องก่อน......
......ในชาติก่อนๆ นี่แหละ
เมื่อเราแก้ไข ปรับปรุง พัฒนาตัวเองได้

เขาก็จะเปลี่ยนแปลงไปเอง และในที่สุด
ก็จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้

เป็นสามีภรรยาที่รักกัน
เป็นพ่อแม่ลูกที่รักกัน
เป็นพี่น้องที่รักกัน
เป็นเพื่อนฝูงที่รักกัน ฯลฯ นี่แหละ

แต่บางครั้งวิบากกรรมจริงๆ จากชาติก่อนๆ ก็มีบ้าง
อันนี้ก็ต้องยอมรับความเป็นจริง ด้วยใจเป็นธรรม เป็นศีล

แต่ระวัง อย่าประมาทนะ
อย่าถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นวิบากกรรม แล้วไม่ทำอะไร ไม่ปฏิบัติ
ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่สมบูรณ์ที่สุดเสมอ
สิ่งที่เราประสบอยู่ในปัจจุบัน ล้วนแต่มาจากเหตุในอดีต
อดีตเป็นเหตุ ปัจจุบันเป็นผล
ปัจจุบันเป็นเหตุ อนาคตเป็นผล
เพราะฉะนั้นปัจจุบันเป็นที่รวมของเหตุและผล

เพราะฉะนั้นท่านจึงให้ศึกษาปัจจุบัน
เมื่อเข้าใจปัจจุบัน ก็คือเข้าใจอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ผู้ปฏิบัติธรรม ผู้รักชีวิตของตนและผู้อื่น
เมื่อประสบเหตุการณ์เลวร้าย ร้ายแรง ขนาดไหนก็ตาม
จงตั้งอยู่ในความดี ความถูกต้อง ในปัจจุบันเดี๋ยวนี้
หมายความว่า ตั้งอยู่ในเหตุที่ดี เหตุที่ถูกต้อง
คือศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง

คอยเตือนใจเสมอๆ ด้วยพุทธพจน์ว่า
พึงเอาชนะความโกรธ ด้วยความไม่โกรธ
พึงเอาชนะความร้าย ด้วยความดี
พึงเอาชนะคนตระหนี่ ด้วยการให้
พึงเอาชนะคนพูดพล่อย ด้วยคำสัตย์


(มีต่อ 14)

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ต้องเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่าง

เมื่อเราหลายคนอยู่ด้วยกัน การเกิดอารมณ์ ความรู้สึก
และทิฏฐิ ต่างๆ กัน ก็เป็นธรรมดา นานาจิตตัง

ประสบการณ์เดียวกัน เรื่องเดียวกัน
แต่ต่างคนต่างมีความรู้สึกต่างกัน
มีความคิด มีทิฏฐิต่างกัน..... ก็เป็นเรื่องธรรมดา

เราจึงควรระวังความรู้สึก ความคิด ทิฏฐิของตนเอง
และเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างกัน
คนแต่ละคนก็เหมือนอาหารแต่ละชนิด สมมุติเป็นอาหารนานานชาติ
ก็ได้ เช่น อาหารไทย จีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ อินเดีย อิหร่าน
เป็นต้น มีคุณภาพ มีรสชาติ มีเอกลักษณ์ของเขา แล้วแต่ใครชอบ
แบบไหน บางคนชอบอาหารไทย บางคนชอบอาหารญี่ปุ่น

อาหารที่เราชอบ รับประทานแล้วอร่อย แต่ไม่มี
คุณภาพทางอาหาร ก็มีมาก บางอย่างมีโทษต่อ
ร่างกายก็มี เช่น ไขมันมาก น้ำตาลมาก เป็นต้น
อาหารบางอย่างไม่อร่อย เราไม่ชอบ
แต่มีคุณภาพทางอาหาร มีประโยชน์แก่เรา ก็มีมาก
อาหารที่เราไม่ชอบเลย รับไม่ได้เลย
แต่คนอื่นเขาก็ชอบกันเป็นหลายล้านคนก็มี
ถ้าเราเป็นคนกินง่าย อยู่ที่ไหนก็มีความสุข
ไปเที่ยวที่ไหนก็สนุกสนาน อยู่กับใครก็อยู่ได้ด้วยสันติสุข

คนเราก็เหมือนกับอาหารนี่แหละ แต่ละคนก็มีรสชาติ
และอุปนิสัยแตกต่างกัน เหมือนรสชาติของอาหารที่ต่างๆ กันไป
คนที่เราไม่ชอบเลย เขาก็อาจจะมีญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง
ที่รักเขาชอบเขามากมาย แต่เราอาจจะไม่ชอบเขา
เพราะอุปนิสัยที่สั่งสมมาไม่เหมือนกัน จึงต้องระวัง

ชอบ ไม่ชอบ เป็นอารมณ์เฉพาะของเราเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าถ้าเราชอบ ก็ดี ก็ถูก
ถ้าเราไม่ชอบ ก็ไม่ดีเสมอไป ก็ไม่ใช่
อย่าเอาความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบของเรามาตัดสินว่าเขาดีหรือไม่ดี
เป็นประโยชน์หรือมิใช่ประโยชน์ เหมือนกับอาหารนั่นแหละ

บางคน เราอาจจะไม่ชอบเลย รับไม่ได้เลย
แต่มีคนชอบเขาเป็นล้านๆ คนก็มี
อย่า..... เอาความรู้สึกมาตัดสิน..... อันตรายมาก
อย่ายึดมั่นถือมั่น
อย่าเชื่อความรู้สึกของเรามากเกินไป
ระวังความรู้สึกของเราเอง
ทำอะไรก็ทำด้วยสติปัญญา..... ใจเย็น ใจเย็น ตัดสินด้วยสติปัญญา
อย่าตัดสินด้วยอารมณ์ ความรู้สึกชอบ..... ไม่ชอบ



(มีต่อ 15)

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 16:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ใครทำชั่ว
ให้ธรรมชาติของกฎแห่งกรรมลงโทษเขาเอง


โดยที่เราไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว เข้าไปก่อเวรก่อกรรมกับเขา
เมื่อเรายังไม่มีปัญญาแจ่มแจ้ง เราก็จะมีความรู้สึกว่า
มันไม่น่าจะถูกต้อง ที่คนทำชั่ว ทำผิด ไม่ได้ถูกลงโทษ
แต่อาจจะได้ ลาภ ยศ สรรเสริญเสียอีก

จิตใจของเราก็คอยแต่จะคิดหาความชอบธรรม
ต้องการให้เขาถูกลงโทษ คิดแต่อยากจะให้เขาถูกลงโทษ
หรือแม้แต่คิดจะลงโทษเขาเอง เช่น ทำให้เจ็บใจ ทำลาย
ลาภ ยศ ชื่อเสียง หรือแม้แต่จะทำลายชีวิตเขา เป็นต้น

อันนี้ผิดมาก..... อันตรายมาก
เป็นการก่อเวร ก่อกรรม หลายภพหลายชาติต่อไป ไม่มีที่สิ้นสุด

เมื่อเรารักชีวิตของตน ต้องการหาความสุข
ควรหยุดลงที่นี่ เดี๋ยวนี้
ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา
ให้อภัย เมตตา และปล่อยวาง
แม้แต่เขาดูเหมือนว่าจะทำชั่วได้ดีก็ตาม
อันนี้ไม่พ้นกฎแห่งกรรม
ทำชั่วต้องได้ชั่วแน่นอน

เมื่อเวลาผ่านไปๆ ถึงเวลาแล้ว มันก็จะผลิตผลของมันเองตามเหตุ
ปัจจัย เราไม่ต้องเบียดเบียนเขาด้วยกาย วาจา จิตของเราเองเลย

จำไว้ดีๆ นะ..... ทุกอย่างที่เราทำ เราพูด เราคิด
เกี่ยวกับเขา นินทาเขา.....
ทุกอย่างจะต้องกลับมาหาเราหมด..... ไม่ช้าก็เร็ว



(มีต่อ 16)

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทำอย่างไรกับความโกรธ

เมื่อเราโกรธ เราผิดทันที
ขาดศีล..... เกิดยินร้าย
ไม่มีหิริโอตตัปปะ คือความละอายแก่ใจ และความกลัวบาป
ไม่มีเมตตา..... ทำลายทั้งตัวเอง และคนอื่น
ใจมืด ไม่มีปัญญาที่จะแก้ปัญหาได้
ไม่มีความยุติธรรม เข้าข้างตัวเองตลอด
ยิ่งคิด ยิ่งยุ่ง

ให้ตั้งสติ ตั้งขันติ
หยุดคิดก่อน ทวนกระแส
อย่าคิดตามอารมณ์
ไม่ต้องคิดว่า ทำไมเขาไม่ทำอย่างนั้น
ทำไมเขาเป็นอย่างนั้น เขาไม่น่าจะทำอย่างนั้น
เขาน่าจะทำอย่างนี้ ฯลฯ

โอปนยิโก น้อมเข้ามาดูใจของตัวเองนี่แหละ
อย่าเชื่อความรู้สึกของตัวเอง..... อันตรายมาก
ชอบ ไม่ชอบ เป็นอารมณ์เฉพาะของเราเท่านั้น
เอาความชอบหรือไม่ชอบมาตัดสินว่าเขาดีหรือไม่ดีไม่ได้
ถ้าคิดไปปรุงไปก็จะเกิดภพ เกิดชาติ เกิดอัตตาตัวตน

พยายามตั้งสติปัญญา พิจารณาด้วยความสุขุมว่า
ไม่แน่ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน
ให้ระงับอารมณ์ให้เป็นปกติก่อน
เมื่อจิตใจกลับมาสภาพปกติ..... สงบแล้ว
จึงพิจารณาเหตุการณ์ภายในภายนอกด้วยความเป็นกลาง
และด้วยความยุติธรรม เห็นชัดเจน
จนเกิด หิริ ความละอายแก่ใจ โอตตัปปะ ความกลัวต่อบาป
เห็นว่าศัตรูที่แท้อยู่ที่นี่เอง..... คือความยินร้าย ความโกรธ
กิเลสของเราเองนี่แหละ แล้วเห็นโทษของความโกรธ

เมื่อหิริโอตตัปปะแก่กล้า
ก็จะเกิดเป็นกำลัง เป็นพละ เป็นกองทัพ คอยรักษาใจ
คือ สติ ปัญญา หิริ โอตตัปปะ และสมาธิ

เมื่อเรารู้ว่า ความโกรธไม่ดี ใครโกรธเราก็อย่ารับเอา
และอย่าโกรธเองเลยในทุกสถานการณ์............... เอวัง


รูปภาพ



.................... เอวัง ....................

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2010, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประวัติและปฏิปทาพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20086

รวมคำสอนพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38514

วัดป่าสุนันทวนาราม-มูลนิธิมายา โคตมี และแผนที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=20076

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร