วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง





กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 29

ถ้าความคิดและความรู้สึกเชื่อไม่ได้แล้ว ถ้าเราต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง อยากทราบว่าเราควรใช้อะไรช่วยในการตัดสินใจ


ตอบ

คำที่ว่า “อย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่อความคิด” หมายถึงความรู้สึกที่เกิดจากอารมณ์ กิเลส ตัณหา เป็นอารมณ์ยินดี ยินร้าย

การปฏิบัติที่ถูกต้อง คือ ใช้ปัญญา หมายถึง ไม่ยึดมั่นถือมั่น ตั้งสติ ระงับอารมณ์ยินดียินร้าย เมื่อใจสงบ ใจสะอาดแล้ว จึงพิจารณาไตร่ตรอง ตัดสินใจบนพื้นฐานของสติปัญญา

ตัวอย่างเช่น เมื่อสามีเกิดความรู้สึกพอใจในหญิงอื่น คิดผันหวานว่า เมื่อได้อยู่ด้วยกันแล้วก็จะมีความสุขอย่างมาก มากกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่ เริ่มคิดหาข้อบกพร่องของภรรยา จนคิดจะนอกใจภรรยา พึงรู้ตัวว่ากำลังคิดปรุงแต่ง จงอย่าเชื่อความรู้สึกที่เกิดขึ้น เพราะเป็นความรู้สึกที่ประกอบด้วยกิเลส ตัณหา ตรงกันข้าม ให้มีขันติต่ออารมณ์ต่างๆ อดทน อดกลั้น ตั้งมั่นอยู่ในศีล 5 พิจารณาถึงความถูกต้อง จนเกิดหิริโอตัปปะ และไม่คิดที่จะประพฤติผิด นอกใจภรรยา

คนที่ไม่เชื่อความรู้สึกที่เป็นอารมณ์ปรุงแต่งไปตามกิเลส ตัณหา จะเป็นผู้มีศีลมั่นคง สร้างนิสัยที่อ่อนน้อม ถ่อมตน เชื่อมั่นในธรรม ในความดี ความถูกต้อง

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 30

ขอถามอาจารย์ว่ามีผู้ป่ายคนหนึ่งรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เขาตั้งใจว่าเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้ว จะไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ ตามหน้าที่ของตน แต่เขาได้เสียชีวิตก่อนวิญญาณของเขาจะไปสู่สุคติหรือไม่ เพราะรู้สึกว่าเขามีเรื่องกังวลอยู่หลายประการ ทั้งหน้าที่การงานและเรื่องในสังคม ต้องการอุทิศส่วนกุศลให้จะทำอย่างไร


ตอบ

เมื่อตายแล้ว จิตจะไปสู่สุคติหรือทุคติ อันนี้ก็ไม่แน่ เราก็ไม่รู้ เราก็อย่าเชื่อว่าเขาจะไปไม่ดี ความรู้สึกของเราที่มีต่อเขา หากเขายังไม่ตาย เราก็มีศรัทธา เชื่อมันว่าเขาจะไปปฏิบัติหน้าที่ด้วยดี ให้รักษาความรู้สึกที่ดีนั้นไว้ เมื่อเขาตาย น่าคิดว่าเขาไปแล้ว ตามทางพอดีของเขา ตามกฎแห่งกรรมที่เขาได้ทำไว้

หน้าที่ของเราก็ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด จนเกิดความสุขใจ พอใจในชีวิตของตน เมื่อใจดี สุขใจ อุทิศส่วนกุศลให้แก่เขา นึกถึงเขา ใบหน้าเขา ว่ากำลังยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข หรือเอ่ยชื่อออกมาก็ได้ ขอให้เขารับอุทิศส่วนกุศลของเรานี้ และจงมีความสุข

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 31

ทานคือการให้แต่เวลาเอาของไปถวายพระเรียกว่า การทำบุญ ทำไมเรียกไม่เหมือนกันทั้งๆ ที่เป็นการสละสิ่งของเช่นเดียวกัน


ตอบ

บุญ คือ สบายใจ สุขใจ การได้พบ ได้ทำบุญกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทำให้เกิดปีติสุข สบายใจ เปรียบเทียบกับการทำทานกับคนยากคนจน ไม่อาจทำให้เกิดปีติสุขได้เท่าพระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบไว้ว่า

การทำทานแก่สัตว์ร้อยครั้งยังได้บุญน้อยกว่าการทานแก่คนหนึ่งครั้ง
การทำทานแก่คนไม่มีศีลร้อยครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการทำทานแก่ผู้มีศีลเพียงครั้งเดียว

อริยเจ้า เรียกว่านาบุญ ถ้าทำบุญกับอริยเจ้าแล้วจะเกิดบุญงอกงาม เปรียบเหมือนปลูกพืชในดินที่สมบูรณ์ พืชก็จะเจริญงอกงาม เราเรียกการให้ทานแก่พระว่า ทำบุญโดยถือหลังว่าผู้รับ คือผู้บริสุทธิ์ มีศีลมากกว่าเรา เมื่อรับแล้วท่านก็อนุโมทนาตอบ และสิ่งของที่ท่านรับไปก็เป็นประโยชน์ เท่ากับว่าเราได้ช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

ตามหลักพุทธศาสนา บุญจะสำเร็จได้หลายวิธีด้วยกัน แต่หลักใหญ่ๆ มี 3 อย่าง
คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา


การให้ทานจะมีบุญมากน้อย ท่านให้พิจารณา 3 ประการ คือ
- ของที่ให้ หามาด้วยความสุจริตไหม
- เจตนาของผู้ให้ ก่อนให้ ขณะที่ให้ ภายหลังให้
- พิจารณาผู้รับ บริสุทธิ์มากน้อยเพียงไร

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 32

กรณีภรรยา 2 คน ภรรยาคนแรกมีลูกด้วยกัน อีกคนยังไม่มีลูก ก็รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี แต่อยู่ด้วยกันมานานแล้ว จะเลิกกับใครคนหนึ่งทำไม่ได้ ควรทำอย่างไร


ตอบ

น่าจะอยู่เหมือนเดิม น่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง เราต้องระวังตัว เจียมตัว มีเมตตาธรรม รักษาน้ำใจไว้ก่อน จากนั้นตั้งใจแน่วแน่ว่าอย่าให้ผิดพลาดอีกในชาติหน้า

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 33

ในบทแผ่เมตตา คำว่า กรรมพันธุ์ พ่อแม่ที่มีลูกแล้วทำผิดศีลข้อสาม ผลของคำว่า กรรมพันธุ์ จะตกไปถึงลูกซึ่งเป็นกรรมพันธุ์โดยสายเลือดของพ่อแม่หรือไม่ ประการใด คือ ลูกจะต้องร่วมรับกรรมอันเกิดจากการกระทำของพ่อแม่ด้วยหรือเปล่าคะ


ตอบ

แน่นอน เมื่อพ่อแม่ผิดศีล สามีภรรยานอกใจกัน ย่อมทำให้ครอบครัวขาดความอบอุ่น ไม่มีความสุข ทะเลาะกันบ้าง หย่ากันบ้าง กรรมก็จะตกอยู่กับลูกๆ ด้วย ลูกๆ ต้องรับทุกข์ทรมานใจ ทรมานกาย เป็นอย่างมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เมื่อเรารักลูก เราต้องรักษากาย วาจา ใจ ให้ดี ให้งาม เป็นศีล เป็นประการสำคัญ สำคัญยิ่งกว่าให้สมบัติหรือการศึกษา

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 34

พระโสดาบันมีนิวรณ์หรือไม่คะ


ตอบ

พระโสดาบันก็มีนิวรณ์ครบสมบูรณ์ 5 อย่าง เหมือนพวกเราทำคนนั่นแหละ แต่ไม่หนัก ไม่มาก มีความรู้สึกตัว รู้ผิดถูก ไม่หลง สามารถรักษากาย วาจาให้เรียบร้อย ตั้งอยู่ในศีล 5 มั่นคง ศรัทธามั่นคงอยู่ในไตรสรณคมน์ ไม่มีความอิจฉา

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 35

การปฏิบัติสมาธิจะมีขึ้นต่อเมื่อเกิดความอยาก และการปฏิบัติเพราะความอยาก จัดเป็นกิเลสหรือไม่


ตอบ

ความอยากที่ประกอบด้วยกิเลส เรียกว่า ตัณหา ความอยากที่ประกอบด้วยปัญญา เรียกว่า ฉันทะ การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เรียกว่า ธรรมฉันทะ ที่เราอยากละความชั่ว ทำความดี ชำระจิตให้ขาวรอบ เรียกว่า ธรรมฉันทะ โพชฌงค์ 7 ธรรมะซึ่งเป็นเครื่องตรัสรู้ มีสติ ธัมมวิจัย วิริยะ ปีติ ปัสสธิ สมาธิ อุเบกขา ไม่ได้จัดว่าเป็นสังขารปรุงแต่ง แต่จัดเป็นธรรมะเพื่อละกิเลส

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 36

การเจริญภาวนาให้บรรลุธรรมะขั้นสูง บุคคลควรจะต้องออกจากเรือนใช่หรือไม่ (หมายถึงผู้หญิง)


ตอบ

ถ้ายังไม่พร้อม ก็ยังไม่จำเป็น แต่เราต้องจัดระเบียบในการดำเนินชีวิตให้เรียบว่าย ลดภารกิจที่ไม่จำเป็นลง สำรวมกาย วาจา ด้วยการรักษาศีล 5 พยายามหาโอกาสที่จะพัฒนาจิตใจ เจริญสติปัฎฐาน 4 โอกาสที่มนุษย์จะบรรลุธรรมมีได้ทุกคน เพราะการปฏิบัติธรรม ไม่จำกัด ชาย หญิง ไม่ถูกจำกัดด้วยกาลเวลา เป็นอกาลิโก แล้วแต่บารมีของเรา

การบรรลุธรรมนั้น เพียงแต่ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดขึ้นพร้อมกันในขณะจิต เราจึงต้องตั้งเจตนาเพ่งพิจารณาให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จนปล่อยวางในขันธ์ 5

การปฏิบัติในเบื้องต้นของเราในฐานะฆราวาส เน้นที่รักษาศีล 5 และรักษาสุขภาพใจให้ดี ไม่ยินดี ยินร้าย ศีล 5 เป็นศีลของโสดาบัน ศีล 8 เป็นศีลของอนาคามี การที่เรามาปฏิบัติธรรมที่วัด รักษาศีล 8 ก็สามารถบรรลุอนาคามิผลได้

ใครตั้งอยู่ในศีล 5 ได้ดีสมบูรณ์ พร้อมที่จะเป็นโสดาบัน ปรับปรุงทิฎฐิ ละสักกายะทิฎฐิ วิจิกิจฉา สีลพรตปรามาส นางวิสาขาได้เป็นโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เมื่อโตเป็นสาว แต่งงานมีสามี บุตร 12 คน ธิดา 12 คน

ดังนั้น ฆราวาสก็สามารถบรรลุธรรมเป็นโสดาบันได้ หน้าที่ของเรา คือ ปฏิบัติดีที่สุดในสภาพปัจจุบัน

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 37

ในยุคเศรษฐกิจอย่างนี้ ท่านอาจารย์แนะนำให้ใช้ธรรมะข้อใด


ตอบ

ธรรมเรื่อง “ความสันโดษ” ยินดีในสิ่งที่ได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ มองดูชีวิต ความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ คือปัจจัย 4 ความจริงถึงมีน้อยก็อยู่ได้ เช่น พระที่อยู่ในป่า กินน้อย นอนน้อย ก็มีความสุขได้ ในการทำงานให้ยึดหลักอิทธิบาท 4 และให้ฝึกเจริญเมตตาภาวนา เจริญอานาปานสติ เมื่อมีความรู้สึกสุขใจ มีความพอใจในชีวิต ก็คือว่ามีความสำเร็จในชีวิตแล้ว

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 38

ความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุขไม่ทุกข์ กับการวางตัวเป็นอุเบกขา เหมือนหรือต่างกันอย่างไร


ตอบ

ต่างกัน ความรู้สึกหรือเวทนา มี 3 อย่าง คือ สุข ทุกข์ และเฉยๆ (ไม่สุขไม่ทุกข์) อุเบกขา หมายถึง จิต รู้ตามความเป็นจริงซึ่งเวทนาทั้ง 3 แล้วก็ไม่ยึดมั่นถือมั่น บางครั้งทุกข์มากกว่าก็วางเฉยได้ บางครั้งสุขมากกว่าก็วางเฉยได้

อุเบกขาจิต ในพรหมวิหาร 4 มีความหมายรวมถึง ความมีเมตตา กรุณา มุทิตา ไว้พร้อมกัน คือ การเข้าใจกฎแห่งกรรม เห็นตามความเป็นจริงแล้วว่าช่วยอะไรไม่ได้ แก้ไขไม่ได้ ไม่ว่าสุข ไม่ว่าทุกข์ ก็วางเฉย ไม่ยึดมั่นถือมั่น อุเบกขานั้นเป็นคุณธรรมขั้นสูงสุดของพรหมวิหาร 4 และโพชฌงค์ 7

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 39

เรียนถามพระอาจารย์ว่า การเกิดปัญญานั้นเกิดอย่างไร แล้วทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าเกิดปัญญา


ตอบ

แบ่งเป็น 3 ระดับ

สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการได้ยิน ได้ฟัง การอ่าน

จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาด้วยจิตใจ ด้วยเหตุผล เพื่อน้อมจิตที่จะแก้ปัญหาจิตใจของตัวเอง เมื่อเริ่มแก้ปัญหาหยาบๆ ได้ หมายถึง ลด ละ กิเลส ความโลภ โกรธ หลง ได้ระดับหนึ่ง เป็นการโยนิโสมนสิการ

ภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดโดยสมถและวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อจิตรู้แจ้งตามความเป็นจริง เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ถอนรากความโลภ ความโกรธ ความหลงได้

สังเกตดูความก้าวหน้าแห่งปัญญาของตนได้จากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น จากเดิมเคยเป็นคนสูบบุหรี่ กินหล้า แล้วเลิกพฤติกรรมดังกล่าว เพราะเห็นโทษของการกินเหล้า เมายา หันมาปรับปรุงแก้ไขตนเอง ตั้งใจสำรวมกาย วาจา รักษาศีล 5 อันได้แก่

1. ละเว้นจากการทำลายชีวิตของผู้อื่นหรือสัตว์อื่น
2. ละเว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของมิได้มอบให้มาเป็นของตน
3. ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
4. ละเว้นจากการกล่าวเท็จ
5. ละเว้นจากการบริโภคสิ่งมึนเมา

เห็นประโยชน์ของการเข้าวัดปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ ทำวัตรสวดมนต์ อ่านหนังสือธรรมะ เจริญอานาปานสติ พยายามรักษาใจตนไม่ติดในอารมณ์ยินดี ยินร้าย ซึ่งเป็นปัญญาที่เหนือไปกว่าการรักษาศีล 5 เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะเกิดขึ้นที่ใจ รู้ผิด ชอบ ชั่วดี มีหิริโอตัปปะ เป็นพื้นฐานในจิตใจ มีสุขภาพใจดี สามารถอาศัยสติปัญญาสอนใจตัวเองได้ เมื่อตั้งใจปฏิบัติ เจริญสติปัฎฐาน 4 ก็จะเกิดวิปัสสนาญาณ เริ่มมีประสบการณ์ตามลำดับในวิปัสสนากรรมฐาน จนเข้าถึงอริยมรรค อริยผล

ดังนั้น การปฏิบัติธรรม โดยการเจริญศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นการพัฒนาปัญญาตั้งแต่ระดับศีลธรรม ถึงขั้นอริยะมรรค อริยผล และนิพพาน

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 40

ชีวิต คือ กายกับจิต (ใจ) แล้วสติที่ใช้ระลึกรู้นั้น อยู่ที่ส่วนใดหรือมาจากไหน


ตอบ

สติ คือ ความระลึกได้ นึกได้ ความไม่เผลอ คล้ายกับว่าอยู่ระหว่างกายกับจิต เป็นหน้าที่ของจิตอย่างหนึ่ง คือ รับรู้จิต แต่อยู่เหนือจิต จิตเหมือนกับเด็กไร้เดียงสา เมื่ออุปกิเลสเข้ามาครอบงำ ทำให้จิตประกอบด้วย ความโลภ ความโกรธ ความหลง สติปัญญา สามารถควบคุมดูแลจิต ทำให้ดีก็เป็นได้ ไม่ดีก็เป็นได้ จึงต้องอาศัยสติปัญญาควบคุม หากสามารถตั้งสติระลึกรู้กาย เวทนา จิต ธรรม ได้ก็เป็นมหาสิตปัฏฐาน 4

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 41

ในเมื่อเวทนาไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เวทนาแล้ว ทำไมพระพุทธเจ้าเมื่อเกิดทุกขเวทนาจึงตรัสกับ พระอานนท์ว่า “เราตถาคตมีเวทนามาก เธอจงปูผ้าลาดสังฆาฏิให้เราตถาคตระงับเวทนา”


ตอบ

เวทนาไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราก็จริง แต่เมื่อเวทนาหนักๆ ก็ต้องกัดฟันทนเหมือนกัน พระพุทธเจ้าเมื่อเกิดเวทนาหนักๆ ก็ต้องเอนกายพักผ่อน เพราะทุกขเวทนานั้นทนได้ยากเป็นธรรมดา พระอรหันต์เมื่ออากาศหนาว ท่านก็ต้องห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น เมื่อได้กลิ่นที่เหม็นมากๆ หรือเรียกว่าอมเกลือ อมพริกเต็มปาก แม้ไม่ยึดมั่นในเวทนา ก็อาจถึงกับเป็นลมไปได้ พระอรหันต์ไม่ใช่หุ่นยนต์จึงมีความรู้สึก (เวทนา) เหมือนกับพวกเราทั่วไป แต่ท่านต่างจากปุถุชนทั่วไปคือละกิเลส ละตัณหาได้แล้ว จิตของพระอรหันต์ จึงเป็นอุเบกขาจิต ไม่ได้เกิดยินดี ยินร้าย พอใจ ไม่พอใจต่อเวทนาทางกาย

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถาม 42

แก่นแท้ของพุทธศาสนาคืออะไร


ตอบ

คือการปล่อยวาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ 5 ทำใจไม่ให้เป็นทุกข์ มีแต่สุข

นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
ความสุขยิ่งกว่าความสงบไม่มี

นิพพานํ ปรมํ สุขํ
นิพพาน เป็นสุขอย่างยิ่ง




>>>>> จบ >>>>>

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 พ.ค. 2004, 19:46
โพสต์: 2305

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ประวัติและปฏิปทาพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20086

รวมคำสอนพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38514

วัดป่าสุนันทวนาราม-มูลนิธิมายา โคตมี และแผนที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=20076

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

.....................................................
ศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง...ปรารถนาจะช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร