ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
รูปาวจรจิต : พระนิติเกษตรสุนทร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=20405 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 02 ก.พ. 2009, 18:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | รูปาวจรจิต : พระนิติเกษตรสุนทร |
รูปาวจรจิต รูปาวจรจิต จิตที่ประกอบด้วยตัณหา อยากมี อยากเป็น ดิ้นรนประพฤติเป็นไปในรูปภูมิ หมายถึงจิตที่หน่วงเหนี่ยว ติดอยู่ในอารมณ์ของรูปฌาน คือจิตที่ติดแนบแน่นเพ่งอยู่กับอารมณ์ของกรรมฐานมีปถวีกสิณ (ดิน) เป็นต้น ทั้งนี้เมื่อบุคคลมาเบื่อหน่ายต่ออารมณ์อันป็นกามาวจรต่างๆ มีรูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ ที่มากระทบสัมผัสเกิดดับสลับซับซ้อนอยู่เหลือล้นนั้น ต้องการให้จิตสงบนิ่ง อยู่แต่ในอารมณ์เดียว ปราศจากนิวรณ์ หรือเพื่อให้เกิดปัญญาเห็นความจริง จึงได้เอาดินเป็นต้น มาทำกสิณใช้สำหรับให้จิตยึดเกาะ กำหนดเพ่งอยู่แค่ที่ดินนั้น บริกรรมว่า ดิน ๆ อยู่ตลอดเรื่อยไป จิตของผู้นั้นก็จะค่อยๆ ผูกกระชับอยู่กับดินที่เป็นกสิณนั้น ไม่ฟุ้งซ่านไปที่อื่น แนบแน่นเกิดเป็นฌานจิตในมโนทวาร ยึดเห็นแต่ดินเป็นรูปกสิณอยู่อารมณ์เดียว ฌานจิตนี้แหละเรียกว่า รูปาวจรจิต รูปาวจรจิต มี ๑๕ ดวง คือ รูปาวจรกุศลจิต ๕ รูปาวจรวิบากจิต ๕ และรูปาวจรกิริยาจิต ๕ ๑.รูปาวจรกุศลจิต ๕ แบ่งออกเป็น (๑) ปฐมฌานจิต ปรกอบด้วยองค์ฌาน๕ ได้แก่ ก.วิตกเจตสิก คือ การยกขึ้นสู่อารมณ์ เช่น ต้องการทำฌานโดยปถวีกสิณ ครั้งแรกต้องเอาจิตเข้าไปตั้งจดจ่ออยู่ที่ปถวีกสิณนั้น เรียกว่า วิตก ข.วิจารเจตสิก คือ การเคล้าคลึงประคับประคองอารมณ์กสิณนั้นไว้ไม่ให้ตกหลุดไปจากจิต เช่นที่บริกรรมว่า ดิน ๆ อยู่เรื่อยไป เพื่อให้จิตนั้นเกาะอยู่ที่กสิณ เรียกว่า วิจาร ค.ปีติเจตสิก คือ ความยินดีพอใจในอารมณ์กสิณนั้น ง.สุข (เวทนาเจตสิก) คือ ความสุขใจเกิดขึ้นในอารมณ์กสิณนั้น ปีติและสุข ๒ ประการนี้เกิดขึ้นโดยอาศัยกามคุณ ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เรียกว่า ปีติอาิส หรือสุขมีอามิส แต่้ถ้าเกิดขึ้นโดยอาศัยวิเวก หรือสมาธิในกรรมฐานแล้วย่อมไม่ประกอบด้วยกามคุณ ๕ จ.เอกัคคตาเจตสิก คือ ความสงบตั้งอยู่ในอารมณ์เดียว คืออารมณ์กสิณนั้น ไม่ซัดส่ายไปที่อื่น เมื่อกำลังบำเพ็ญภาวนาอยู่ องค์ฌานทั้ง ๕ นี้เกิดขึ้นพร้อมกันในขณะจิตใด จิตนั้นขึ้นสู่อัปปนาวิถี ได้ชื่อว่ารูปาวจรกุศลจิต และนับเป็นปฐมฌาน (๒) ทุติยฌานกุศลจิต มีองค์ฌาน ๔ คือ วิจาร ปีติ สุข และเอกัคคตา (๓) ตติยฌานกุศลจิต มีองค์ฌาน ๓ คือ ปีติ สุข และเิกัคคตา โดยละ วิจารเสีย (๔) จตุตถฌานกุศลจิต มีองค์ฌาน ๒ คือ สุข และเอกัคคตา โดยละ ปีติเสีย (๕) ปัญจมฌานกุศลจิต มีองค์ฌาน ๒ คือ อุเบกขา และเอกัคคตา โดยละสุขเสีย และอุเบกขาเกิดขึ้นแทน เมื่อตั้งจิตไว้ได้ในปฐมฌานอันเป็นองค์ฌาน ๕ นั้นแล้ว อารมณ์อื่น นอกจากอารมณ์แห่งกสิณที่เพ่งนั้น ก็ไม่เข้ามากระทบจิต จิตตั้งอยู่ในอารมณ์กสิณนั้น อารมณ์เดียว ถ้าต้องการจะทำฌานกุศลในขั้นสูงขึ้น ก็ปฏิบัติเช่นเดียวกันกับการทำปฐมฌาน แต่ต้องละองค์ฌานให้น้อยลงตามลำดับ (วิธีการเกี่ยวแก่การกระทำรูปฌานและอรูปฌาน ขอได้โปรดศึกษาจากคัมภีร์สิสุทธิมรรค) |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 02 ก.พ. 2009, 18:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระอภิธรรมสังเขป...รูปาวจรจิต... |
๒.รูปาวจรวิบากจิต ๕ คือ ปฐมฌานวิบากจิต ทุติยฌานวิบากจิต ตติยฌานวิบากจิต จตุตถฌานวิบากจิต และปัญจมฌานวิบากจิต จิต ๕ ดวง นี้เกิดขึ้น เป็นผลของรูปาวจรกุศลจิต กล่าวคือเมื่อทำรูปาวจรกุศลจิตจนได้ปฐมฌาน ทุติยฌาน ฯลฯ แล้ว วิบากก็คือผลที่เกิดขึ้นสนองตามลำดับแห่งฌานนั้น ฌานจิตเป็นมหัคคตกุศล จิตของผู้ได้ฌาน สงบระงับอยู่ในอารมณ์ของฌาน พ้นไปจากกามาวจรจิต ปราศจากนิวรณ์ เมื่อตายจากปัจจุบันชาติ และจุติจิตหน่วงอยู่ในอารมณ์ของฌานก็ไปบังเกิดในชั้นรูปพรหม ถ้าฌานเสื่อมเป็นอันตรายก็ไม่ได้รับผลและเป็นอโหสิกรรม ไม่มีโอกาสไปปฏิสนธิในรูปพรหม ๓.รูปาวจรกิริยาจิต ๕ เป็นจิตของพระอรหันต์ ในขณะที่ท่านเข้าอยู่ในฌาน สมาบัติของรูปาวจร คืออยู่ในปฐมฌาน ทุติยฌาน ฯลฯ เป็นมหัคคตกิริยาจิต และไม่มีวิบากที่จะ ให้ผลในต่อไป ท่านพ้นแล้วจากอาสวกิเลสไม่มีการเกิดอีก รูปาวจรวิบากจิต ๕ และอรูปาวจรกิริยาจิต ๕ มีองค์ธรรมส่วนใหญ่ประกอบ เหมือนกับรูปาวจรกุศลจิต ๕ ที่แสดงไว้แล้ว ที่มา : พระอภิธรรมสังเขปและธรรมบางประการที่น่าสนใจ; พระนิติเกษตรสุนทร; ๒๕๐๕; หน้า ๓๓-๓๖ โทษของราคะ โทสะ โมหะ ๑. ทำให้เป็นผู้บอด ๒. ทำให้ไม่เห็นของจริง ๓. ทำให้ไม่มีฌานรู้จักของจริง ๔. ทำให้ใจคับแคบ ๕. ดับปัญญาให้รู้จักของจริงเสีย ๖. ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |