วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 05:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 13:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยบอกหน่อยครับ

ได้โปรด.....
beby


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีท่านหลับอยู่

ง่ายอย่างนี้นะครับ
ขันธ์ 5 เว้นรูป และ วิญญาณขันธ์ แล้ว
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ ล้วนเป็นเจตสิกธรรม

เจตสิกธรรม ธรรมในจิต ประกอบกับจิต เกิดร่วมเกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกันกับจิต
เมื่อปฏิบัติธรรมอบรมจิต ก็คือการอบรมเจตสิกธรรมนี้นี่เอง

แต่เราเรียกกันว่า อบรม"จิต" ด้วยเหตุว่า จิตและ เจตสิกหลอมรวมกันเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเรียกง่ายๆ เพื่อความเข้าใจ ว่า นั่นคือ "อบรมจิต"

จิตจึงเป็นธาตุรู้ เป็นมนายตนะ "รู้ทุกสิ่งทุกอย่างตามคุณภาพของเจตสิกที่ประกอบอยู่"
คุณภาพจิต จะดี จะเลว จะหยาบ จะประณีต ก็เนื่องด้วย เจตสิกธรรม
ธาตุรู้ หรือที่เป็นจิต ไม่ได้เลือกที่จะ "รู้อารมรณ์" หรือ "ไม่รู้อารมณ์" เพราะไม่ใช่กิจของ วิญญาณธาตุ

เจตสิกธรรม จึงมีความหลากหลายเป็นร้อยเป็นพันนัย

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับคุณ เช่นนั้น

ขอบคุณครับ

:b8:
smiley

เจตสิก เป็นเหมือนตัวยา ในเม็ดยา ได้ไหมครับ? ตัวยาพิษ ตัวยารักษาโรค ตัวยาๆลๆ

ผมขออนุญาติอุปมาอุปมัยนะครับ เพื่อการเข้าใจ
:b16:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 04 ก.พ. 2010, 14:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ม.ค. 2010, 12:33
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตสิก คือ อารมณ์ต่าง ๆที่เข้ามาเยี่ยมจิตเกิด ๆดับ ๆ 52 ชนิด มีทั้งอารมณ์ดี อารมณ์ชั่ว อารมณ์เฉย ขึ้นอยู่กับร่างกายและสิ่งแวดล้อม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณ ไอสูรย์ที่ช่วยแสดงความเห็นครับ
smiley :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.พ. 2010, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
...ลองเข้าไปอ่านในกระทู้ที่มีการถกกันมาก่อนดูค่ะ...
:b12:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=26418&st=0&sk=t&sd=a
:b27:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=26407&st=0&sk=t&sd=a&start=135
:b32: :b9: :b13:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2010, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2010, 04:38
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Jetasik.jpg
Jetasik.jpg [ 107.21 KiB | เปิดดู 7903 ครั้ง ]
สวัสดีครับ คุณหลับอยู่

ภาพที่ผมนำมาลงนี้ เป็นภาพสมมุติ ของเจตสิก
ที่ใช้ประกอบการเรียนการสอน ของมหาจุฬาฯ

ก็เป็นอย่างที่คุณเชนนั้นอธิบายไว้ คือ มี 52 ดวง


ขอแจกแจงเพิ่ม (ตามภาพสมมุติ) คือ

ใน 52 ดวงนี้ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1. ชื่อ "อัญสมานเจตสิก" (ดวงสีเขียว)
กลุ่มที่อยู่บนสุด มี 13 ดวง
เป็นเจตสิกกลุ่มที่ประกอบในจิตทั้งที่เป็น กุศล อกุศล อพยากต มี 2 กลุ่มย่อย

กลุ่มที่ 2. ชื่อ "อกุศลเจตสิก" (ดวงสีแดง -ส้ม)
กลุ่มที่อยู่กลาง มี 14 ดวง ชื่อก็บอกไว้แล้ว คือ ประกอบเฉพาะจิตที่เป็นฝ่ายอกุศล

กลุ่มที่ 3. ชื่อ โสภณเจตสิก (ดวงสีส้ม-เหลือง)
กลุ่มที่อยู่ล่างสุด มี 25 ดวง เป็นเจตสิกที่ประกอบในจิตที่เป็นฝ่ายโสภณ คือ ฝ่ายกุศล

ขออนุโมทนาครับ


แก้ไขล่าสุดโดย Eikewsang เมื่อ 05 ก.พ. 2010, 22:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2010, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านครับกระทู้นี้ตั้งมาเพื่อให้รู้และ เข้าใจกันครับ

:b8: smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรม อบรมจิต หรือ เจตสิกธรรม ต้องปฏิบัติอย่างไร?บ้างครับ? :b8:
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2009, 14:59
โพสต์: 31

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองดูที่....

http://www.buddhism-online.org/Section04A_01.htm


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
การปฏิบัติธรรม อบรมจิต หรือ เจตสิกธรรม ต้องปฏิบัติอย่างไร?บ้างครับ?


ถาม....การปฏิบัติธรรม อบรมจิต หรือ เจตสิกธรรม ?

ตอบ....อบรมที่เจตสิกธรรมครับ
ทำเจตสิกธรรมให้บริสุทธิ์ครับ
เพราะจิตหรือวิญญาณขันธ์นั้นทำหน้าที่รู้แจ้งอย่างเดียวครับ
ในกุศลจิตจิตก็รู้แจ้ง ในอกุศลจิตจิตก็รู้แจ้ง
ในจิตเหตุจิตก็รู้แจ้ง ในจิตผลจิตก็รู้แจ้ง


ปัญญาซึ่งเป็นเจตสิกธรรม ทำหน้าที่รู้ชัดรู้ละเอียด
ทำหน้าที่ทำลายกิเลสสังโยชน์ ทำให้เจตสิกบริสุทธิ์ขาวรอบ

เมื่อเจตสิกบริสุทธิ์ขาวรอบ เราเรียกว่า จิตบริสุทธิ์ครับ เรียกว่า จิตที่หลุดพ้นครับ






ถาม....ต้องปฏิบัติอย่างไร?บ้างครับ ?

เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องนำออกไปจากโลก นำไปสู่นิพพาน เพื่อบรรลุอริยมัคคจิต 4
เจตสิกจึงจะบริสุทธิ์ขาวรอบ เราเรียกว่า จิตบริสุทธิ์ครับ และเรียกว่า จิตที่หลุดพ้นครับ



เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับทุกท่าน ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบครับ


เจริญฌาณเป็นโลกุตระ :b8: :b8: :b8:
(คุณมหาราชันย์)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตสิกบริสุทธิ์นี่ ความหมายยังไงครับ?
หมายถึงจิตไม่มีเจตสิกอกุศลธรรม หรืออัพยากตาธรรมหรือเปล่าครับ?


ก็ต้องฝึกสมาธิ??? :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 06 ก.พ. 2010, 21:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 21:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตสิกที่บริสุทธิ์ ได้แก่
1.เจตสิกที่เป็นโลกียะกุศล(เหตุ) และเจตสิกที่เป็นโลกียะผลและ/หรือวิบาก
2.เจตสิกที่เป็นโลกุตตระกุศลในอริยะมัคคจิต(เหตุ) 4 และเจตสิกที่เป็นโลกุตตระผลและ/หรือวิบากได้แก่อริยะผลจิต 4

รูป , เจตสิกที่เป็นโลกียะผลและ/หรือวิบากเช่นกามาวจรกุศลวิบาก และจิตฌานสมาบัติ 8 ที่เป็นผลเป็นวิบาก ,และเจตสิกที่เป็นโลกุตตระผลและ/หรือวิบากได้แก่อริยะผลจิต 4 เรียกว่า อัพยากตาธรรมครับ


เจริญในธรรมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2010, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10:
ไม่เข้าใจครับ อบรมเจตสิก อบรมกันอย่างไร วิธีไหน
เช่น โทสะเจตสิก เราก็รู้คือโทสะ อบรมทำไมครับ รู้สึกว่าจะเป็นอกุศลด้วย อกุศลนี้ต้องไม่ให้เกิดมีเลย
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ละโลภะ โทสะ โมหะ เมื่อให้ละ แล้วจะอบรมได้อย่างไร

หากอบรมเจตสิกได้ ก็แสดงว่า เจตสิกคือจิตซิครับ ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะจิตมีลักษณะ
พิเศษคือ รับรู้อารมณ์ได้ แต่เจตสิกไม่สามารถรับรู้อารมณ์ได้ เจตสิกเองกลับเป็นอารมณ์ที่จิตรู้ซะอีก ในผู้
ที่ปฏิบัติตามสติปัฎฐานสูตร สามารถรับรู้สภาวะของเจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไปได้อย่างรวดเร็ว เช่นการรับ
รู้สภาวะของโทสะที่เกิดขึ้นในขณะที่ไม่ชอบหรือไม่พอใจ

ลักษณะเจตสิกครับ
๑.เกิดพร้อมกับจิต เพราะต้องอาศัยจิตเกิด ไม่มีจิต ก็ไม่มีเจตสิก แต่ไม่ใช่อันเดียวกัน
๒.ดับพร้อมกับจิต เมื่อเกิดพร้อมกันก็ดับพร้อมกัน เพราะอาศัยจิตอยู่นั่นเอง ไม่มีจิตก็ไม่มีเจตสิก
๓.มีอารมณ์เดียวกับจิต ไม่ใช่รู้อารมณ์เดียวกับจิตครับ เพราะเจตสิกไม่มีการรู้อารมณ์
4.อาศัยวัตถุเดียวกับจิต จิตเกิดที่ไหน เจตสิกก็เกิดที่นั่น แต่คนละอัน ไม่ใช่อันเดียวกัน

ยังหาไม่พบพระพุทธพจน์เลยที่ตรัสว่าให้อบรมเจตสิก ที่พบมาล้วนแต่ตรัสถึงจิตทั้งนั้น เพราะจิตและเจตสิก
เป็นคนละอย่างกัน เพียงแต่เกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน ถ้าให้อบรมที่เจตสิก ก็พูดเหมือนว่าเจตสิกกับจิต
คืออันเดียวกัน ทั้งที่เป็นคนละอย่างกัน

อุปมาดุจน้ำในแก้วที่ใส เจตสิกคือสีที่ใส่ลงไปผสมกัน มองเหมือนว่าเป็นอันเดียวกัน แต่โดยที่แท้ น้ำก็คือ
น้ำธรรมดา สีก็คงเป็นสี แต่มารวมมาอยู่ในที่เดียวกัน การจะทำให้น้ำปราศจากสีได้ก็ต้องกรองสีออกไป
การจะทำจิตให้บริสุทธิ์ได้ก็ต้องอบรมจิตให้ปราศจากเจตสิกที่ไม่ดีออกไปและห้ามเจตสิกที่ไม่ดีเกิดขึ้น
พร้อมๆจิตเลย การจะกล่าวว่าอบรมเจตสิก จากตัวอย่างโทสะเจตสิก ก็หมายความว่าต้องมีโทสะไว้
อบรมกระนั้นหรือ เป็นเรื่องที่สวนทางกับการอบรมภาวนาอย่างมาก

ถ้าจะกล่าวให้อบรมเจตสิก ก็ต้องถามว่า เราอบรม โลภะ โทสะ โมหะได้หรือ
มีพระพุทธพจน์ที่ว่า ผู้ใดสำรวมจิต ผู้นั้นย่อมพ้นจากบ่วงแห่งมาร
ไม่มีเจตสิกเลย แสดงว่ามุ่งที่จิดต่างหากที่ต้องอบรม นี้แค่เป็นตัวอย่าง ในพระไตรปิฎกเองผมก็ยังไม่เคย
พบถ้อยคำหรือประโยคไหนว่าให้อบรมเจตสิก แม้คัมภีร์ยุคหลังๆก็ไม่มี


แก้ไขล่าสุดโดย กามโภคี เมื่อ 06 ก.พ. 2010, 22:55, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร