วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 11:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๔. อโหสิกรรม

อโหสิกรรม เป็นกรรมที่ไม่สนองผล ไม่ให้ผล เลิกให้ผล หมายความว่าเป็น กรรมที่ไม่สามารถจะอำนวยผลได้เพราะ

    กรรมนั้นได้ให้ผลแล้ว

    กรรมนั้นไม่ก่อให้เกิดผล

    กรรมนั้นไม่มีผู้จะรับผล

เหล่านี้แหละ กรรมนั้นจึงได้ชื่อว่า อโหสิกรรม ดังที่ในปฏิสัมภิทามัคคบาลี แสดงไว้ว่า

(ก) อโหสิกมฺมํ นาโหสิกมฺมวิปาโก ได้แก่กรรมที่ได้ให้ผลแล้ว เช่น ได้ตก นรกไปแล้ว หรือได้ไปเกิดในภูมิสวรรค์นั้น ๆ แล้ว กรรมนั้นก็เป็นอโหสิกรรมไป ข้อนี้หมายถึงอดีต

อนึ่ง กรรมอันเล็กน้อย ย่อมเข้ากับกรรมใหญ่ได้ กรรมใหญ่ก็รับไปเสีย กรรม เล็กน้อยนั้นก็เลิกให้ผล ไม่ต้องให้ผล เช่น ได้ตติยฌานกุสลกรรม ตติยฌานวิบาก ก็เป็นผู้รับผล ปฐมฌานกุสลกรรม ทุติยฌานกุสลกรรม อันเป็นกรรมเล็กน้อยกว่า ก็เป็นอันไม่ต้องให้ผล จึงเป็นอโหสิกรรมไป กล่าวคือ ปฐมฌานวิบาก ทุติยฌาน วิบากก็ไม่ต้องเกิดขึ้น

(ข) อโหสิกมฺมํ นตฺถิกมฺมวิปาโก ได้แก่ กรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผล เช่น กิริยา จิต แม้จะกระทำสักเท่าใดก็ตาม ก็เป็นกิริยาไปหมด ไม่เกิดวิบาก ไม่ก่อให้เกิดผล เลย จึงเป็นอโหสิกรรมไป ข้อนี้หมายถึงปัจจุบัน

(ค) อโหสิกมฺมํ นภวิสฺสติกมฺมวิปาโก ได้แก่ผลกรรมในชาติอนาคตไม่มีแล้ว เช่น องคุลีมาลฆ่าคนเป็นต้น ผลของกรรมที่ฆ่ามนุษย์นั้นไม่ส่งผลได้ เพราะต่อมา ได้เป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีภพ ไม่มีชาติ คือไม่ต้องเกิดอีกแล้ว กรรมนั้นก็ไม่มี ผู้รับสนอง จึงเป็นอโหสิกรรมไป ข้อนี้หมายถึงอนาคต

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ปากฐาน คือ ที่ตั้งแห่งวิบากจิต อันเกิดจากกุสลกรรม และอกุสลกรรม การแสดงปากฐานนี้ เป็นการแสดงตามนัยแห่งพระอภิธรรมโดยตรง ซึ่งจำแนกออก เป็น ๔ อย่าง คือ

(๑) ที่ตั้งแห่งวิบากจิตอันเกิดจาก อกุสลกรรม

(๒) ที่ตั้งแห่งวิบากจิตอันเกิดจาก กามาวจรกุสลกรรม

(๓) ที่ตั้งแห่งวิบากจิตอันเกิดจาก รูปาวจรกุสลกรรม

(๔) ที่ตั้งแห่งวิบากจิตอันเกิดจาก อรูปาวจรกุสลกรรม

ก่อนที่จะแสดงฐานที่ตั้งแห่งวิบากจิต อันเกิดจากกรรม ๔ อย่างดังกล่าวนี้ จะได้แสดงถึงการเกิดขึ้นของอกุสลกรรม และกุสลกรรมเหล่านี้เสียก่อน

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๑. การเกิดขึ้นของอกุสลกรรม

การเกิดขึ้นของอกุสลกรรมนั้น เมื่อกล่าวโดยจิตตุปปาทะ การเกิดขึ้นของจิต แล้วก็มี ๑๒ คือ อกุสลจิต ๑๒ ดวง อันได้แก่ โลภมูลจิต ๘ โทสมูลจิต ๒ และ โมหมูลจิต ๒

เมื่อกล่าวโดยกรรมทวาร ทางที่ให้เกิดกรรมแล้ว ก็มี ๓ คือ กระทำทางกาย ทวาร อันได้แก่ กายวิญญัตติ ก็เรียกว่า กายกรรม หรือ กายทุจริต กระทำทางวจี ทวาร อันได้แก่ วจีวิญญัตติ ก็เรียกว่า วจีกรรม หรือ วจีทุจริต และกระทำทาง มโนทวาร ก็เรียกว่ามโนกรรม หรือ มโนทุจริต

เมื่อกล่าวโดยกรรมบถ ทางของการกระทำแล้วก็มี ๑๐ เรียกว่า อกุสล กรรมบถ ๑๐ หรือ ทุจริต ๑๐ อันได้แก่

    ๑. ปาณาติบาต การฆ่าสัตว์

    ๒. อทินนาทาน การลักทรัพย์

    ๓. กาเมสุมิจฉาจาร การล่วงประเวณี

ทุจริต ๓ ประการนี้ย่อมเกิดทางกายทวารเป็นกายกรรม ๓ หรือกายทุจริต ๓

    ๔. มุสาวาท พูดปด

    ๕. ปิสุณาวาจา พูดส่อเสียด

    ๖. ผรุสวาท พูดคำหยาบ

    ๗. สัมผัปปลาป พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ

ทุจริต ๔ ประการนี้ย่อมเกิดทางวจีทวาร เป็นวจีกรรม ๔ หรือวจีทุจริต ๔

    ๘. อภิชฌา เพ่งเล็งอยากได้ของเขา

    ๙. พยาบาท คิดปองร้ายเขา

    ๑๐. มิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด

ทุจริต ๓ ประการนี้ เกิดทางมโนทวาร เป็นมโนกรรม ๓ หรือ มโนทุจริต ๓

อกุสลกรรมบถ ๑๐ หรือทุจริต ๑๐ อันได้แก่ กายกรรม ๓ หรือกายทุจริต ๓ วจีกรรม ๔ หรือวจีทุจริต ๔ และมโนกรรม ๓ หรือมโนทุจริต ๓ นี้ สำหรับ กายทุจริต ๓ วจีทุจริต ๔ รวมเรียกว่า ทุจริต ๗ นั้น ถ้าหากว่า กายปโยค และ วจีปโยคแล้ว ก็นับว่ายังไม่ล่วงกรรมบถ ส่วนมโนทุจริต ๓ นั้น เพียงแต่นึกแต่ คิดเท่านั้น ก็เป็นอันล่วงกรรมบถแล้ว

กรรมใดที่ถึงกับล่วงกรรมบถ กรรมนั้นสามารถส่งผลให้เป็นปฏิสนธิได้ แต่ว่า ถ้าไม่ถึงกับล่วงกรรมบถ ก็เพียงแต่ให้ผลในปวัตติกาลเท่านั้น กระทำอย่างไรจึงจะ นับว่าล่วงกรรมบถนั้น ต้องพิจารณาว่าการกระทำนั้นครบองค์แห่งกรรมบถหรือไม่ องค์และปโยคของอกุสลกรรมบถ ๑๐ นั้น ดังนี้

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 17 ธ.ค. 2010, 18:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๑. ปาณาติบาต มีองค์ ๕

    ๑. ปาโณ สัตว์นั้นมีชีวิต

    ๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์นั้นมีชีวิต

    ๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า

    ๔. อุปกฺกโม ทำความเพียรเพื่อฆ่า

    ๕. เตน มรณํ สัตว์ตายเพราะความเพียรนั้น

ปโยค คือ ความเพียรพยายามในการกระทำปาณาติบาตนั้น มี ๖

    ๑. สาหตฺถิกปโยค สังหารด้วยตนเอง

    ๒. อาณตฺติกปโยค ใช้ผู้อื่น หรือใช้วาจาสังหาร

    ๓. นิสฺสคฺคิยปโยค ใช้อาวุธสังหาร

    ๔. ถาวรปโยค สังหารด้วยหลุมพลาง

    ๕. วิชฺชามยปโยค สังหารด้วยวิชาคุณ

    ๖. อิทฺธิมยปโยค สังหารด้วยฤทธิ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๒. อทินนาทาน มีองค์ ๕

    ๑. ปรปริคฺคหิตํ ทรัพย์ของผู้อื่น

    ๒. ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา รู้ว่าเป็นของผู้อื่น

    ๓. เถยฺยจิตฺตํ จิตคิดจะลัก

    ๔. อุปกฺกโม เพียรเพื่อลัก

    ๕. เตน หรณํ ได้ทรัพย์มาสำเร็จเพราะความเพียรนั้น

ปโยคของอทินนาทาน มี ๖

    ๑. สาหตฺถิกปโยค ลักด้วยตนเอง

    ๒. อาณตฺติกปโยค ใช้ผู้อื่นลัก

    ๓. นิสฺสคฺคิยปโยค ลักโดยใช้อาวุธ

    ๔. ถาวรปโยค ลักโดยใช้เครื่องไม่ให้จำหน้าได้

    ๕. วิชฺชามยปโยค ลักโดยใช้วิชาคุณ เช่น สกดให้เจ้าของหลับ

    ๖. อิทฺธิมยปโยค ลักด้วยฤทธิ ด้วยเดช เช่น ดำดินไปลัก

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๓. กาเมสุมิจฉาจาร มีองค์ ๔

    ๑. อคมนียวตฺถุ วัตถุที่ไม่ควรไป

    ๒. ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ จิตคิดจะเสพ

    ๓. เสวนปโยโค เพียรจะเสพ

    ๔. มคฺเคนมคฺคปฏิปตฺติ อธิวาสนํ พอใจทำมัคคให้ล่วงมัคค

ปโยคของกาเมสุมิจฉาจาร มีอย่างเดียว คือ สาหตฺถิกปโยค คือ กระทำเอง ด้วยความเพียรเพื่อให้ได้เสพรสกามคุณ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๔. มุสาวาท มีองค์ ๔

    ๑. อตถวตฺถุ เรื่องไม่จริง (วัตถุเทียม)

    ๒. วิสํวาทนจิตฺตา จิตคิดจะมุสา

    ๓. ปโยโค ประกอบความเพียร

    ๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ ผู้ฟังเชื่อตามที่กล่าวนั้น

ปโยคของมุสาวาท มี ๓

    ๑. สาหตฺถิกปโยค กล่าวเอง

    ๒. อาณตฺติกปโยค ให้ผู้อื่นกล่าว

    ๓. ถาวรปโยค กล่าวโดยลายลักษณ์อักษร

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๕. ปิสุณาวาท มีองค์ ๔

    ๑. ภินฺทิตพฺโพ มีหมู่คณะที่พึงแตกกัน

    ๒. เภทปุเรกฺขาโร ปรารถนาจะให้แตกกัน

    ๓. ปโยโค เพียรพยายามให้แตกกัน

    ๔. ตทตฺถวิชานนํ หมู่คณะนั้นปักใจเชื่อ

ปโยคของปิสุณาวาทนี้มีอย่างเดียวเท่านั้นคือ สาหตฺถิกปโยค กล่าวเอง ทำเอง

ที่ว่ากล่าวเอง หมายถึง กล่าววาจาเป็นวจีทวาร เรียกว่า วจีปโยค ส่วนทำเอง หมายถึง การใช้กิริยาอาการบุ้ยใบ้ให้รู้ โดยไม่ต้องออกเสียงพูด นี่เป็น กายทวาร เรียกว่า กายปโยค

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๖. ผรุสวาท มีองค์ ๓

    ๑. อกฺโกสิตพฺโพ มีผู้อื่นที่พึงด่า

    ๒. กุปจิตฺตํ มีจิตโกรธเคือง

    ๓. อกฺโกสมา กล่าวคำหยาบ คำบริภาษ

ปโยค ของผรุสวาทนี้ มีอย่างเดียวเหมือนกัน คือ สาหตฺถิกปโยค กล่าวเอง ทำเอง เป็นได้ทั้งวจีปโยค และกายปโยค ทำนองเดียวกับปิสุณาวาท

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๗. สัมผัปปลาป มีองค์ ๒

    ๑. นิรตฺถกถาปุเรกฺขารตา มุ่งกล่าวคำที่ไร้แก่นสาร ไม่มีประโยชน์

    ๒. กถนํ กล่าวคำที่ไม่มีประโยชน์นั้น

ปโยคของสัมผัปปลาป ก็ทำนองเดียวกันกับปิสุณาวาท และผรุสวาท ที่กล่าว แล้วข้างต้น

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๘. อภิชฌา มีองค์ ๒

    ๑. ปรภณฺฑํ ทรัพย์ของผู้อื่น

    ๒. อตฺตโน ปริณามนํ มีความเพ่งเล็งให้ได้มาเป็นของตน

ปโยคของอภิชฌา คือ สาหตฺถิกปโยค คิดเอง นึกเอง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๙. พยาบาท มีองค์ ๒

    ๑. ปรสตฺโต มีสัตว์อื่นเพื่อทำลาย

    ๒. วินาสจินฺตา มีจิตคิดทำลายเพื่อให้สัตว์นั้นประสบความพินาศ

ปโยคของพยาบาท คือ สาหตฺถิกปโยค คิดเอง นึกเอง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


๑๐. มิจฉาทิฏฐิ มีองค์ ๒

    ๑. วตฺถุโน วิปริตฺตา ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ที่ผิด

    ๒. ตถา ภาเวน อุปฏฺฐานํ เชื่อและยินดีพอใจในอารมณ์นั้น

ปโยคของมิจฉาทิฏฐิ คือ สาหตฺถิกปโยค คิดเอง นึกเอง

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อนึ่งการเสพสุราเมรัย ไม่ได้จัดเป็นอกุสลกรรมบถอีกข้อหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สงเคราะห์เข้าในกาเมสุมิจฉาจาร เพราะเป็นความประพฤติผิดในกามคุณ คือ รสารมณ์เหมือนกัน องค์ของสุรา มี ๔

    ๑. มทนียํ เป็นน้ำเมา

    ๒. ปาตุกมฺมยตาจิตฺตํ มีเจตนาจะดื่ม

    ๓. ตชฺชญฺจ วายามํ กระทำการดื่ม

    ๔. ปิตญฺจ ปวิสติ น้ำเมานั้น ล่วงลำคอลงไป

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 18:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เฉพาะอกุสลกรรมบถข้อ ๑๐ มิจฉาทิฏฐิ นั้น มีความหมายดังนี้

มิจฺฉา ปสฺสตีติ มิจฺฉาทิฏฺฐิฯ ธรรมชาติใดที่มีความเห็นวิปริตอันผิดไปจาก ความเป็นจริง นั่นแหละชื่อว่า มิจฉาทิฏฐิ องค์ธรรมได้แก่ ทิฏฐิเจตสิก

มิจฉาทิฏฐิ มีอยู่หลายประเภท เช่น

สักกายทิฏฐิ ๒๐ มีความยึดมั่นในขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งว่าเป็นตัว เป็นตน เป็นเขา เป็นเรา

มิจฉาทิฏฐิ ๖๒ ที่แสดงไว้ในพรหมชาลสูตรแห่งสีลขันธวัคค

นิยตมิจฉาทิฏฐิ ๓ ที่แสดงไว้ใน สามัญญผลสูตร แห่งสีลขันธวัคค

สำหรับมิจฉาทิฏฐิ ที่กล่าวในมโนทุจริตกรรมนี้ มุ่งหมายเฉพาะนิยตมิจฉาทิฏฐิ ทั้ง ๓ ที่สำเร็จเป็นกรรมบถ

นิยตมิจฉาทิฏฐิ มีชื่อเรียกอีกนัยหนึ่งว่า มิจฉัตตนิยตะนั้น มี ๓ คือ

๑. อเหตุกทิฏฐิ มีความเห็นว่า สัตว์ทั้งหลายที่กำลังเป็นไปอยู่นั้น ไม่ได้อาศัย เนื่องมาจากเหตุแต่อย่างใด (ไม่เชื่อเหตุ อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ๒)

๒. นัตถิกทิฏฐิ มีความเห็นว่า การทำอะไร ๆ ก็ตาม ผลที่จะได้รับนั้นย่อม ไม่มี (ไม่เชื่อผล อุจเฉททิฏฐิ ๗)

๓. อกริยทิฏฐิ มีความเห็นว่า การที่สัตว์ทั้งหลายกระทำกิจการต่าง ๆ นั้น ไม่ สำเร็จเป็นบุญ หรือเป็นบาปแต่อย่างใดเลย (ไม่เชื่อทั้งเหตุทั้งผล สัสสตทิฏฐิ ๔)

มิจฉาทิฏฐิ ๖๒ จำแนกเป็นสาขาใหญ่ ๒ สาขา คือ ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิ ๑ และ อปรันตกัปปิกทิฏฐิ ๑

ปุพพันตกัปปิกทิฏฐิ ไม่เชื่อเหตุในอดีต มี ๑๘ คือ

๑. สัสสตทิฏฐิ ๔ เห็นว่า อัตตาและโลกเที่ยง (อกริยทิฏฐิ)

๒. เอกัจจสัสสตเอกัจจอสัสสตทิฏฐิ ๔ เห็นว่า อัตตา และโลกบางอย่างเที่ยง บางอย่างไม่เที่ยง

๓. อันตานันติกทิฏฐิ ๔ เห็นว่าโลกมีที่สุด และไม่มีที่สุด

๔. อมราวิกเขปิกทิฏฐิ ๔ ความเห็นซัดส่าย ไม่ตายตัว จะว่าใช่ก็ไม่เชิง จะว่าไม่ใช่ก็ไม่เชิง

๕. อธิจจสมุปปันนิกทิฏฐิ ๒ เห็นว่า อัตตา และโลกเกิดขึ้นลอย ๆ ไม่มีเหตุ (อเหตุกทิฏฐิ)

อปรันตกัปปิกทิฏฐิ ไม่เชื่อผลในอนาคต มี ๔๔ คือ

๑. สัญญีวาททิฏฐิ ๑๖ เห็นว่า อัตตาไม่เสื่อมสลาย ตายแล้วมีสัญญา

๒. อสัญญีวาททิฏฐิ ๘ เห็นว่า อัตตาไม่เสื่อมสลาย ตายแล้วไม่มีสัญญา

๓. เนวสัญญีนาสัญญีวาททิฏฐิ ๘ เห็นว่า อัตตาไม่เสื่อมสลาย เมื่อตายแล้ว มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่เชิง

๔. อุจเฉททิฏฐิ ๗ เห็นว่า ตายแล้วสูญ (นัตถิกทิฏฐิ)

๕. ทิฏฐธัมมนิพพานวาททิฏฐิ ๕ เห็นว่า พระนิพพานมีในปัจจุบัน (คือ ๑.ว่ากามคุณ ๕ เป็นพระนิพพาน, ๒.ว่าปฐมฌาน, ๓.ว่าทุติยฌาน, ๔.ว่าตติยฌาน, ๕.ว่าจตุตถฌาน เป็นพระนิพพาน)

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 35 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร