ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

พระอภิธรรม ๗ คำภีร์ แปล
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=42474
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 24 มิ.ย. 2012, 06:16 ]
หัวข้อกระทู้:  พระอภิธรรม ๗ คำภีร์ แปล

๑. ธมฺมสงฺคณี

กุสลาธมฺมา
ธรรมทั้งหลายเป็นกุศล คือไม่มีโทษอันบัณฑิต ติเตียน มีสุขเป็นวิบากต่อไป
อกุสลาธมฺมา
ธรรมทั้งหลายเป็นอกุศล คือมีโทษอันบัณฑิต ติเตียน มีทุกข์เป็นวิบากต่อไป
อพฺยากตา ธมฺมา
ธรรมทั้งหลายที่เป็น อัพยากฤต คือท่านไม่พยากรณ์ว่า เป็นกุศล หรืออกุศล คือเป็นธรรมกลาง ๆ
กตเม ธมฺมา กุสลา
ธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลเป็นไฉน
ยสฺมึ สมเย
ในสมัยใด
กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ
จิตที่เป็นกุศลอันหยั่งลงสู่กามย่อมเกิดขึ้น
โสมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ
เป็นไปกับโสมนัส ประกอบด้วยญาณ
รูปารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือรูป หรือมีรูปเป็นอารมณ์บ้าง
สทฺทารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือเสียง หรือมีเสียงเป็นอารมณ์บ้าง
คนฺธารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือกลิ่น หรือมีกลิ่นเป็นอารมณ์บ้าง
รสารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือรส หรือมีรสเป็นอารมณ์บ้าง
โผฏฺฐพฺพารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือโผฏฐัพพะ สิ่งทีกายถูกต้อง หรือมีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์บ้าง
ธมฺมารมฺมณํ วา
ปรารภอารมณ์ คือ ธรรม เรื่องที่เกิดแก่ใจ หรือมี ธรรมเป็นอารมณ์บ้าง
ยํ ยํ วา ปนารพฺภ
ปรารภอารมณ์ใด ใด บ้างก็ดี
ตสฺมึ สมเย
ในสมัยนั้น
ผสฺโส โหติ
ความประจวบต้องกันแห่งอายตนะภายในภายนอก และวิญญาณ ย่อมมี ฯลฯ
อวิกฺเขโป โหติ
ความไม่ฟุ้งซ่านย่อมมี
เย วา ปน ตสฺมึ สมเย อญฺเญปิ อตฺถิ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา อรูปิโน ธมฺมา
ก็หรือว่า ธรรมทั้งหลายอันไม่มีรูป ที่อาศัยกันเกิดขึ้นแม้เหล่าอื่นใดมีอยู่ในสมัยนั้น
อิเม ธมฺมา กุสลา
ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล

๒. วิภงฺโค

ปญฺจกฺขนฺธา
ขันธ์ คือกองทั้ง ๕
รูปกฺขนฺโธ
รูปขันธ์ กองรูป ๑
เวทนากฺขนฺโธ
เวทนาขันธ์ กองเวทนา ๑
สญฺญากฺขนฺโธ
สัญญาขันธ์ กองสัญญา ๑
สงฺขารกฺขนฺโธ
สังขารขันธ์ กองสังขาร ๑
วิญฺญาณกฺขนฺโธ
วิญญาณขันธ์ กองวิญญาณ ๑
ตตฺถ กตโม รูปกฺขนฺโธ
ในขันธ์ทั้ง ๕ นั้น รูปขันธ์เป็นไฉน
ยงฺกิญจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ
รูปอันใดอันหนึ่งเป็นอดีต ล่วงไปแล้ว เป็นอนาคตยังมิได้มา เป็นปัจจุบัน เกิดขึ้นอยู่ฉะเพาะหน้า
อชฺฌตฺตํ วา พหิทฺธา วา
เป็นภายในหรือภายนอก
โอฬาริกํ วา สุขุมํ วา
หยาบหรือละเอียด
หีนํ วา ปณีตํ วา
เลวหรือประณีต
ยํ ทูเร วา สนฺติเก วา
อันใด ในที่ไกลหรือในที่ใกล้
ตเทกชฺฌํ อภิสญฺญูหิตฺวา อภิสงฺขิปิตฺวา
ประมวลย่นย่อรูปนั้นเข้าเป็นอันเดียวกัน
อยํ วุจฺจติ รูปกฺขนฺโธ
นี้พระตถาคตครัสเรียกว่ารูปขันธ์

เจ้าของ:  ชาวมหาวิหาร [ 23 ต.ค. 2012, 02:29 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

อนุโมทนาสาธุครับ......

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 มี.ค. 2013, 06:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

๓. พระธาตุกถา
สังคะโห อะสังคะโห,
การสงเคราะห์ การไม่สงเคราะห์ คือ,
สังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง,
สิ่งที่ไม่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์แล้ว,
อะสังคะหิเตนะ สังคะหิตัง,
สิ่งที่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้,
สังคะหิเตนะ สังคะหิตัง,
สิ่งที่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ได้,
อะสังคะหิเตนะ อะสังคะหิตัง,
สิ่งที่ไม่สงเคราะห์เข้ากับสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้,
สัมปะโยโค วิปปะโยโค,
การอยู่ด้วยกัน การพลัดพรากกัน คือ,
สัมปะยุตเตนะ วิปปะยุตตัง,
การพลัดพรากจากสิ่งที่อยู่ด้วยกัน
วิปปะยุตเตนะ สัมปะยุตตัง,
การอยู่ร่วมกับสิ่งที่พลัดพรากไป
อะสังคะหิตัง,
จัดเป็นสิ่งที่สงเคราะห์ไม่ได้

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 มี.ค. 2013, 07:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

๔.พระปุคคลปัญญัตติ
ฉะปัญญัตติโย,
บัญญัติ ๖ ประการ, อันบัณฑิตผู้รู้พึงบัญญัติขึ้น คือ,
ขันธะปัญญัตติ,
การบัญญัติธรรมที่เป็นหมวดหมู่กันเรียกว่าขันธ์ มี ๕,
อายะตะนะปัญญัตติ,
การบัญญัติธรรมอันเป็นบ่อเกิด (แห่งทุกข์และไม่ทุกข์), เรียกว่าอายตนะ มี ๑๒,
ธาตุปัญญัตติ,
การบัญญัติธรรมที่ทรงตัวอยู่เรียกว่าธาตุ มี ๑๘,
สัจจะปัญญัตติ,
การบัญญัติธรรมที่เป็นของจริงเรียกว่าสัจจะ มี ๔, คือ อริยสัจจ์ ๔,
อินท๎ริยะปัญญัตติ,
การบัญญัติธรรมที่เป็นใหญ่เรียกว่าอินทรีย์ มี ๒๒,
ปุคคะละปัญญัตติ,
การบัญญัติจำพวกบุคคลของบุคคลทั้งหลาย,
กิตตาวะตา ปุคคะลานัง ปุคคะละปัญญัตติ,
บุคคลบัญญัติของบุคคลมีเท่าไร,
สะมะยะวิมุตโต อะสะมะยะวิมุตโต,
ผู้พ้นในกาลบางคราว, ผู้พ้นอย่างเด็ดขาด,
กุปปะธัมโม อะกุปปะธัมโม,
ผู้มีธรรมที่กำเริบได้, ผู้มีธรรมที่กำเริบไม่ได้,
ปะริหานะธัมโม อะปะริหานะธัมโม,
ผู้มีธรรมที่เสื่อมได้, ผู้มีธรรมที่เสื่อมไม่ได้,
เจตะนาภัพโพ อะนุรักขะนาภัพโพ,
ผู้มีธรรมที่ควรแก่เจตนา, ผู้มีธรรมที่ควรแก่การรักษา,
ปุถุชชะโน โคต๎ระภู,
ผู้เป็นปุถุชน, ผู้คร่อมโคตร,
ภะยูปะระโต อะภะยูปะระโต,
ผู้เว้นชั่วเพราะกลัว, ผู้เว้นชั่วไม่ใช่เพราะกลัว,
ภัพพาคะมะโน อะภัพพาคะมะโน,
ผู้ควรแก่มรรคผลนิพพาน, ผู้ไม่ควรแก่มรรคผลนิพพาน,
นิยะโต อะนิยะโต,
ผู้เที่ยง, ผู้ไม่เที่ยง,
ปะฏิปันนะโก ผะเลฏฐิโต,
ผู้ปฏิบัติอริยมรรค, ผู้ตั้งอยู่ในอริยผล,
อะระหา อะระหัตตายะ ปะฏิปันโน,
ผู้เป็นพระอรหันต์, ผู้ปฏิบัติเพื่อเป็นพระอรหันต์

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 มี.ค. 2013, 07:26 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

๕.พระกถาวัตถุ
ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ,
ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์, คือความหมายอันแท้จริงหรือ ?,
อามันตา, ถูกแล้ว,
โย สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ, ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ,
ปรมัตถ์ คือความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่, ค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์, คือความหมายอันแท้จริงอันนั้นหรือ ?
นะ เหวัง วัตตัพเพ,
ท่านไม่ควรกล่าวอย่างนั้น,
อาชานาหิ นิคคะหัง หัญจิ ปุคคะโล อุปะลัพภะติ, สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนะ เตนะ วะตะ เร วัตตัพเพ, โย สัจฉิกัตโถ ปะระมัตโถ ตะโต โส ปุคคะโล อุปะลัพภะติ สัจฉิกัตถะปะระมัตเถนาติ มิจฉา,
ท่านจงรู้นิคหะ (การข่ม ปราม) เถิด, ถ้าท่านค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์, คือโดยความหมายอันแท้จริงแล้ว, ท่านก็ควรกล่าวด้วยเหตุนั้นว่าปรมัตถ์, คือความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่, เราค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์, คือโดยความหมายอันแท้จริงนั้น, คำตอบของท่านที่ว่าปรมัตถ์ คือความหมายอันแท้จริงอันใดมีอยู่, เราค้นหาบุคคลนั้นไม่ได้โดยปรมัตถ์, คือโดยความหมายอันแท้จริงอันนั้นจึงผิด,

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 มี.ค. 2013, 08:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

๖. พระยมก
เย เกจิ กุสะลา ธัมมา,
ธรรมบางเหล่าเป็นกุศล,
สัพเพ เต กุสะละมูลา,
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดมีกุศลเป็นมูล,
เย วา ปะนะ กุสะละมูลา,
อีกอย่างหนึ่งธรรมเหล่าใด มีกุศลเป็นมูล,
สัพเพ เต ธัมมา กุสะลา,
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดก็เป็นกุศล,
เย เกจิ กุสะลา ธัมมา,
ธรรมบางเหล่าเป็นกุศล,
สัพเพ เต กะสุละมูเลนะ เอกะมูลา,
ธรรมเหล่านั้น ทั้งหมดมีมูลอันเดียวกับธรรมที่มีกุศลเป็นมูล,
เย วา ปะนะ กุสะละมูเลนะ เอกะมูลา,
อีกอย่างหนึ่งธรรมเหล่าใดมีมูลอันเดียวกับธรรมที่มีกุศล เป็นมูล,
สัพเพ เต ธัมมากุสะลา,
ธรรมเหล่านั้นทั้งหมดเป็นกุศล

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 02 มี.ค. 2013, 08:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระอภิธรรม ๗ คำภีร์แปล

๗. พระมหาปัฏฐาน
เหตุปัจจะโย,
ธรรมที่มีเหตุเป็นปัจจัย,
อารัมมะณะปัจจะโย,
ธรรมที่มีอารมณ์เป็นปัจจัย,
อะธิปะติปัจจะโย,
ธรรมที่มีอธิบดีเป็นปัจจัย,
อะนันตะระปัจจะโย,
ธรรมที่มีปัจจัยไม่มีอะไรคั่นในระหว่าง,
สะมะนันตะระปัจจะโย,
ธรรมที่มีปัจจัยมีที่สุดเสมอกัน,
สะหะชาตะปัจจะโย,
ธรรมที่เกิดพร้อมกับปัจจัย,
อัญญะมัญญะปัจจะโย,
ธรรมที่เป็นปัจจัยของกันและกัน,
นิสสะยะปัจจะโย,
ธรรมที่มีนิสัยเป็นปัจจัย,
อุปะนิสสะยะปัจจะโย,
ธรรมที่มีอุปนิสัยเป็นปัจจัย,
ปุเรชาตะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการเกิดก่อนเป็นปัจจัย,
ปัจฉาชาตะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการเกิดภายหลังเป็นปัจจัย,
อาเสวะนะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการเสพเป็นปัจจัย,
กัมมะปัจจะโย,
ธรรมที่มีกรรมเป็นปัจจัย,
วิปากะปัจจะโย,
ธรรมที่มีวิบากเป็นปัจจัย,
อาหาระปัจจะโย,
ธรรมที่มีอาหารเป็นปัจจัย,
อินท๎ริยะปัจจะโย,
ธรรมที่มีอินทรีย์เป็นปัจจัย,
ฌานะปัจจะโย,
ธรรมที่มีฌานเป็นปัจจัย,
มัคคะปัจจะโย,
ธรรมที่มีมรรคเป็นปัจจัย,
สัมปะยุตตะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการประกอบเป็นปัจจัย,
วิปปะยุตตะปัจจะโย,
ธรรมที่ไม่มีการประกอบเป็นปัจจัย,
อัตถิปัจจะโย,
ธรรมที่มีปัจจัย,
นัตถิปัจจะโย,
ธรรมที่ไม่มีปัจจัย,
วิคะตะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการอยู่ปราศจากเป็นปัจจัย,
อะวิคะตะปัจจะโย,
ธรรมที่มีการอยู่ไม่ปราศจากเป็นปัจจัย

ขอบคุณเว็บ http://www.oknation.net/blog/patijjacho ... 21/entry-1

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/