วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2016, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




b_a019.gif
b_a019.gif [ 37.11 KiB | เปิดดู 1043 ครั้ง ]
ถาจะชวยแกปญหาและสรางสรรคชีวิตและสังคมนี้ แตยังหวงผลดี
ต่อตวตน ผลดีเชิงบุคคลและผลดีเชิงคานิยมทางสังคมอยู ก็ขอแควา อยา
ถึงกับละทิ้งหรือละเลยความตองการผลดีที่ตรงตามธรรม ผลดีตอชีวิต และ
ผลดีที่แทตอสังคม เอาพอประนีประนอมกัน

แค่นี้ก็จะประคับประคองโลกมนุษยให้พออยู่กินไปได้แต่จะเอาดีจริงคงยาก
เพราะมนุษย์นี้เองไม่ได้ตองการผลดีแท้จริงทิ ตรงตามธรรมของกรรมดี
๕) ทำกรรมเก่าให้เกิดประโยชน 
คนไทยสมัยนี้ไดยินคําวา “กรรม” มักจะนึกไปในแงวากรรมจะตามมา
ให้เคราะหใหโทษอยางไร พูดถึงกรรมก็จะนึกถึงอะไรอยางหนึ่งที่คอยตามจะ
ลงโทษ หรือทําใหเราเปนอยางนั้นอยางนี้ โดยเฉพาะคิดไปถึงชาติกอน คือ
มองกรรมในแงกรรมเกา และเปนเรื่องไมดี

คำวํา “กรรมเกา” ก็บอกอยูในตัวเองแลววา มันถูกจํากัดใหหดแคบ
เขามาเหลือเพียงสวนหนึ่ง เพราะเติมคําวา “เกา” เขาไป กรรมก็เหลือแคบ
เขามา ยิ่งนึกในแง่วากรรมไมดีอีก ก็ยิ่งแคบหนักเขา รวมแลวก็คือเปนกรรม
ที่ไม่ครบถวนสมบูรณ ไปๆ มาๆ ก็เลยอะไรๆ ก็แลวแตกรรม (เกา-ที่ไมดี)
บางทถีึงกับมีการหาทางตัดกรรม เลยพลัดออกไปจากพระพุทธศาสนา

ความจริง กรรมก็เปนเรื่องธรรมดาธรรมชาติคือเปนเรื่องความเปน
ไปตามเหตุปจจัยของชีวิตมนุษย ที่มีเจตนา มีการคิด การพูด และการ
กระทำแสดงออก มีความสัมพันธกับสิ่งทั้งหลาย แลวก็เกิดผลตอเนื่องกัน
ไปในความสัมพันธนั้น

ถามัวไปยึดถือวา แล้วแต่กรรมเกาปางกอนอยางเดียว ก็จะทำกรรม
ใหมที่เปนบาปอกุศลโดยไมรูตัว
หมายความวา ใครก็ตามที่ปลงวา “แลวแตกรรม (เกา)” นั้น ก็คือ
เขากําลังทําความประมาท ที่ปลอยปละละเลย ไมทํากรรมใหมที่ควรทํา
ความประมาทนั้นก็เลยเปนกรรมใหมของเขา ซึ่งเปนผลจากโมหะ  แลวกรรม
ใหม่ที่ประมาทเพราะโมหะหลงงมงายนั้น ก็จะกอผลรายแกเขาตอไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2016, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




b_a028.gif
b_a028.gif [ 29.95 KiB | เปิดดู 1043 ครั้ง ]
ความเชื่อว่าชีวีตจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่กรรมเก่า กรรมปางก่อนหรือ
กรรมในชาติก่อน คือลัทธิกรรมเก่านั้น เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่เรี่ยกว่า ปุพเพกตเหตุวาท
หรือเรียกสั้นๆ วา ปุพเพกตวาท ดังพุทธพจนที่แสดงแลวขางตน
ทานไมไดสอนวาไมใหเชื่อกรรมเกา แตทานสอนไมใหเชื่อวาอะไรๆ
จะเปนอยางไรก็เพราะกรรมเกา
—
การเชื่อแตกรรมเกา ก็สุดโตงไปข้างหนึ่ง
— การไมเชื่อกรรมเกา ก็สุดโตงไปอีกข้างหนึ่ง
ไดกลาวแลววา “กรรม” พอเติม “เกา” เขาไป คําเดิมที่กวาง
ครบถวนสมบูรณ ก็หดแคบเข้ามาเหลืออยูสวนเดียว อยามองกรรมที่กวาง
สมบูรณใหเหลือสวนเดียวแคกรรมเกา
เรื่องกรรมที่เชื่อกันในแงกรรมเกานี้มีจุดพลาดอยู ๒ แง คือ

๑. ไปจับเอาส่วนเดียวเฉพาะอดีต ทั้งที่กรรมนั้นก็เปนกลางๆ ไมจํากัด
ถ้าแยกโดยกาลเวลาก็ตองมี ๓ คือ กรรมเกา (ในอดีต) กรรมใหม (ใน
ปัจจุบัน) กรรมขางหนา (ในอนาคต) ตองมองใหครบ

๒. มองแบบแยกขาดตัดตอน ไม่มองให ้ เห็นความเป็นไปของเหตุ ปัจจย
ที่ตอเนื่องกันมาโดยตลอด คือ ไมมองเปนกระแสหรือกระบวนการที่ตอเนื่อง
อยูตลอดเวลา แตมองเหมือนกับวากรรมเกาเปนอะไรกอนหนึ่งที่ลอยตาม
เรามาจากชาติกอน แลวมารอทําอะไรกับเราอยูเรื่อยๆ

ถ้ามองกรรมให้ถูกตองทั้ง ๓ กาล และมองอยางเปนกระบวนการ
ของเหตุปจจัย ในดานเจตจํานง และการทํา-คิด-พูด ของมนุษย ที่ตอเนื่อง
อยู่ตลอดเวลา ก็จะมองเห็นกรรมถูกตอง ชัดเจนและงายขึ้น ในที่นี้แมจะไม
อธิบายรายละเอียด แตจะขอใหจุดสังเกตในการทําความเขาใจ ๒-๓ อยาง

๑. ไม่มองกรรมแบบแยกขาดตัดตอน คือ มองให้เห็นเป็นกระแสที่ต่อ
เนื่องตลอดมาจนถึงขณะนี้และกำลังดำเนินสืบต่อไป 
ถ้ามองกรรมใหครบ ๓ กาล และมองเปนกระบวนการตอเนื่อง จาก
อดีต มาถึงบัดนี้และจะสืบไปขางหนา ก็จะเห็นวา กรรมเกา (สวนอดีต) ก็
คือ เอาขณะปจจุบันเดี๋ยวนี้เปนจุดกําหนด นับถอยจากขณะนี้ ยอนหลังไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2016, 06:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




water_glass_PNG15227.png
water_glass_PNG15227.png [ 154.19 KiB | เปิดดู 1043 ครั้ง ]
นานเทาไรก็ตาม กี่รอยกี่พันชาติก็ตาม มาจนถึงขณะหนึ่งหรือวินาทีหนึ่ง
ก่อนนี้ก็เปนกรรมเกา (สวนอดีต) ทั้งหมด
กรรมเกาทั้งหมดนี้ คือกรรมที่ไดทําไปแลว สวนกรรมใหม (ใน
ปัจจุบัน) ก็คือที่กําลังทําๆ ซึ่งขณะตอไปหรือวินาทีตอไป ก็จะกลายเปนกรรม
เก่า (สวนอดีต) และอีกอยางหนึ่งคือ กรรมขางหนา ซึ่งยังไม่ถึง แตจะทําในอนาคต

กรรมเกานั้นยาวนานและมากนักหนา สําหรับคนสามัญ กรรมเกาที่
จะพอมองเห็นไดก็คือกรรมเกาในชาตินี้ สวนกรรมเกาในชาติกอนๆ ก็อาจ
จะลึกล้ำเกินไป เราเปนนักศึกษาก็คอยๆ เริ่มจากมองใกลหนอยกอน แลวจึง
คอยๆ ขยายไกลออกไป

อยางเชนเราจะวัดหรือตัดสินคนดวยการกระทําของเขา กรรมใหมใน
ปจจุบันเรายังไมรูวาเขากําลังจะทําอะไร เราก็ดูจากกรรมเกา คือความ
ประพฤติและการกระทําตางๆ ของเขายอนหลังไปในชีวิตนี้ตั้งแตวินาทีนี้ไป
นี้ก็กรรมเกา ซึ่งใชประโยชนไดเลย

๒. รู้จักตัวเองทั้งทุนที่มีและข้อจำกัดของตน พร้อมทั้งเห็นตระหนักถึงผล
สะท้อนที่ตนจะประสบซึ่งเกิดจากกรรมที่ตนได้ ประกอบไว้
กรรมเกามีความสําคัญอยางยิ่งตอเราทุกคน เพราะแตละคนที่เปน
อยูขณะนี้ก็คือผลรวมของกรรมเกาของตนที่ไดสะสมมา ดวยการทํา-พูด-
คดิ การศึกษาพัฒนาตน และความสัมพันธกับสิ่งแวดลอม ในอดีตทั้งหมด
ตลอดมาจนถึงขณะหรือวินาทีสุดทายกอนขณะนี้

กรรมเกานี้ใหผลแกเรา หรือเรารับผลของกรรมเกานั้นเต็มที่ เพราะ
ตัวเราที่เปนอยูขณะนี้ เปนผลรวมที่ปรากฏของกรรมเกาทั้งหมดที่ผานมา
กรรมเกานั้นเท่ากับเปนทุนเดิมของเราที่ไดสะสมไวซึ่งกําหนดวา เรามีความ
พรอม มีวิสัยขีดความสามารถทางกาย วาจา ทางจิตใจ และทางปัญญาเท่า
ไร และเปนตัวบงชี้วาเราจะทําอะไรไดดีหรือไม อะไรเหมาะกับตัวเรา เราจะ
ทําไดแคไหน และควรจะทําอะไรตอไป

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 18 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร