ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สัมมัปปธาน ๔ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=55164 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ม.ค. 2018, 06:06 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | สัมมัปปธาน ๔ | ||
สัมมัปทาน ๔ เป็นโพธิปักขิยธรรม ๓๗ องค์ธรรมได้แก่วิริยเจตสิก ที่มีความเพียรพยายามกระทำโดยชอบนั้นชื่อว่า สัมมัปปธาน สัมมัปปธาน กล่าวโดยความหมายที่ง่ายแก่การจดจำ คือการงานที่เพียรพยายาม กระทำการงานที่ชอบ ความเพียรพยายามทำชอบที่เป็นสัมมัปปธานจะต้งประกอบไปด้วย ก. จะต้องเป็นความเพียรที่ยิ่งยวดแม้ว่าเนื้อจะเหือดแห้งไป จนเหลือหนัง เอ็น กระดูกก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่บรรลุถึงธรรมอันพึงได้ ก็ไม่ท้อถอยจากความเพียรอันนั้้นเป็นอันขาด ข. ต้องเป็นความเพียรที่ยิ่งยวดในธรรม ๔ ประการจึงจะได้ชื่อว่า ตั้งหน้าทำชอบในโพธิปักขิยธรรมนี้มี ๔ ประการ ๑. เพียรพยายามละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป ๒. เพียระยายามไม่ให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ได้เกิดขึ้น ๓. เพียรพยายามให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ๔. เพียรพยายามให้กุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ด้วยเหตุว่าต้องเพียรพยายามอย่างยิ่งยวดในธรรม ๔ ประการ จึงได้ชื่อว่า สัมมัปปธาน ๔
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ม.ค. 2018, 06:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัมมัปปธาน ๔ |
จริงอยู่ อกุศลที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไปแล้ว การจะลบล้างอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วก็สูญสิ้นไปแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะกระทำได้ การเพียรพยายามละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไปนั้น ในที่นี้มีความหมายว่า อกุศลใด ๆ ที่เคยได้ทำแล้วก็จงอย่าไปนึกไปคิดถึงอกุศลนั้น ๆ อีก เพราะว่าการคิดการนึกขึ้นมาอีกย่อมทำให้ใจเศร้าหมอง อันจะก่อให้เกิดความโทมนัส เดือดร้อน กระวนกระวายไม่มากก็น้อย เมื่อจิตใจเศร้าหมองเดือดร้อน นั่นแหละได้ชื่อว่าจิตใจที่เป็นอกุศลแล้ว ฉะนั่นในประการต้น จะต้องไม่คิดไม่นึกถึงในอกุศลที่เคยทำมาแล้ว คือ ละเสีย ลืมเสีย ไม่เก็บมานึกคิดอีก จิตใจก็จะไม่เศร้าหมอง ประการต่อมา เมื่อจิตใจผ่องแผ้วไม่เศร้าหมองแล้วก็ตั้งใจมั่นว่า จะไม่กระทำการใดที่เป็นอกุศลอีก ดังนี้จึงได้ชื่อว่าเพียรพยายามละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้หมดไป ทั้งหมดนี้มีมาใน วิภังคอรรถกถา แห่ง สัมโมหวิโนทนี อีกนัยหนึ่งแสดงว่า อกุศลที่ได้กระทำมาแล้วนั้น ที่ได้ผลแล้วก็มี ที่ยังไม่ให้ผลเพราะยังไม่มีโอกาสก็มี ทีรจะอันตรธานสูญหายไปนั่นไม่มีเลย แต่ชาตินี้มีความสามารถดระหารสักกายทิฏฐิ ได้ด้วยสัมมัปปธานทั้ง ๔ นี้แล้ว ชาตินั่นแลได้แระหารได้ละอกุศลที่เคยทำมาแล้วได้อย่างสิ้นเชิง |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ม.ค. 2018, 08:03 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: สัมมัปปธาน ๔ | ||
วิริยเจตสิก ตามสัมปโยคนัย วิริยเจตสิก ประกอบกับจิตไตได้ ๗๓ ดวงหนือ ๑๐๕ ดวง เว้นอวิริยเจตสิก ๑๖ (ดูภาพข้างบนประกอบ) วิริยะเจตสิกจะเป็นสัมมัปปธานได้ จะต้องเอาเฉพาะที่ประกอบกับกุศลญาณสัมปยุตจิต ๑๗ เท่านั้น คือ มหากุศลญาณสัมปยุตตจิต ๔ มหัคคตกุศล ๙ มัคคจิต ๔ ส่วน วิริยเจตสิกที่ในอกุศลจิต ๑๒ ที่ในอเหตุกจิต ๒ (มโนทวาราวัชชนจิต ๑ หสิตุปาทจิต ๑) ที่ในกุศลญาณวิปปยุตตจิต ๔ ที่ในมหาวิบากจิต ๘ ที่ในมหากิริยาจิต ๘ ที่ในมหัคคตวิบากจิต ๙ ที่ในมหัคตกิริยาจิต ๙ และที่ในผลจิต ๔ รวม ๕๖ ดวงนี้ไม่นับเป็นสัมมัปปธาน เพราะ ก. วิริยเจตสิกที่ในทวาราวัชชนจิต ๑๒ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะสัมมัปปธาน หมายความว่า การพยายามโดยชอบธรรม แต่ในอกุศลจิตหาใช่ธรรมที่ชอบธรรมไม่ ดังนั้นวิริยเจตสิกที่ในอกุศลจิตจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ แต่เรียกได้ว่าเป็น มิจฉาปธาน ข. วิริยะเจตสิกที่ในมโนทวาราวัชชนจิต ๑ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะมโนทวาราวัชชนจิต ไม่มีหน้าที่ทำชวนกิจประการหนึ่ง และเป็นจิตที่ไม่มีสัมปยุตตเหตุเลยอีกประการหนึ่ง ความพยายามนั่นจึงมีกำลังอ่อนไม่เรียกว่าเป็นความพยายามอันยิ่งยวด ดีงนั้นจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ม.ค. 2018, 16:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัมมัปปธาน ๔ |
ค. วิริยเจตสิกที่ในหสิตุปปาทจิต ๑ เป็นสัมมัปปทานไม่ได้ เพราะจิตดวงนี้เป็นจิตยิ้มแย้มของพระอรหันต์ การยิ่มของพระอรหันต์ เป็นแค่กิริยา หาได้มีการละอกุศลหรือเจริญกุศลแต่อย่างใดไม่ ดังนั้นจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ ง. วิริยะเจตสิกที่ในมหากุศลญาณวิปปยุตตจิต ๔ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะเป็นจิตที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาก็ย่อมมีความเพียรน้อยเป็นธรรมดา ไม่มากจนถึงกับยิ่งยวดขึ้นมา แต่เมื่อไม่ประกอบด้วยปัญญาแล้วไซร้ ก็ไม่สามารถที่จะรู้อริยสัจ ๔ ได้ ดังนัีนจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ แต่อีกนัยหนึ่งก็แสดงว่า วิริยเจตสิกที่ในมหากุศลญาณวิปปยุตตจิต ๔ ก็เป็นสัมมัปปธานได้ เพราะจิตที่เป็นมหากุศลญาณวิปปยุตตจิตที่ได้เกิดขึ้นในขณะ เจริญสติปัฏฐาน ก็นับว่าเป็นสติปัฎฐานได้ดังที่กล่าวแล้ว เมื่อเป็นเช่น นี้วิริยะเจตสิกที่ในมหากุศลญาณวิปปยุตตจิต ๔ ก็ควรนับเป็นสัมมัปปธานได้ ส่วนที่จะบังเกิดผลเพียงใดหนือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องหนึ่งอีกต่างหาก จ. วิริยเจตสิกที่ในมหาวิบาก ๘ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะเป็นวิบากจิตไม่ใช่ชวนจิต จึงไม่มีหน้าที่ละอกุศล ไม่ก่อกุศลทำกุศลและเจริญกุศล รวม ๔ อย่าง อันเป็นกิจการงานโดยเฉพาะของสัมมัปปธาน มหาวิบากทำหน้า ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ และตทาเท่านั่น ฉะนั้นจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 17 ม.ค. 2018, 18:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัมมัปปธาน ๔ |
ฉ. วิริยเจตสิกที่ในมหากิริยาจิต ๘ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราจิตทั้ง ๘ ดวงนี้ เป็นจิตของพระอรหันต์ ซึ่งเรียกว่าอเสขบุคคล คือ ผู้จบจากการศึกษาแล้ว ละกิเลสได้เป็นสมุจเฉทแล้ว ไม่มีอกุศลที่จะต้องละอีก รวมทั้งกุศลใด ๆที่จะต้องก่อ ที่จะรักษาให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกแล้ว รวมความว่ามหากิริยาจิตไม่ต้องทำหน้าที่การงาน ของสัมมัปปธานนั้นเลย ฉะนั้นจึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ ช. วิริยเจตสิกที่ในมหัคคตวิบาก ๙ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะจิตทั้ง ๙ ดวงนี้ ทำหน้าที่ ปฏิสนธิ ภวังค์ จุติ โดยเฉพาะ ๓ อย่างนี้เท่านั่น ไม่มีหน้าที่ในชวนกิจเลย จึงไม่มีหน้าที่ทำการ ละอกุศลไม่ก่ออกุศล ทำกุศล และเจริญกุศลทั้ง ๔ อย่างนี้แด่อย่างใดเลย เมื่อไม่มีหน้าที่ทำการงานของสัมมัปปธาน จึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 18 ม.ค. 2018, 05:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัมมัปปธาน ๔ |
ซ. วิริยเจตสิกที่ในมหัคคตกิริยาจิต ๙ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะจิต ๙ ดวงนี้เป็นจิตของพระอรหันต์ เมื่อเป็นจิตของพระอรหันต์ ก็มีเหตุผลเดียวกับที่กล่าวไว้ในมหากิร่ยาจิต ๘ ดังนั้น จึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได้ ญ. วิริยเจตสิกที่ในผลจิต ๔ หรือพิศดาร ๒๐ เป็นสัมมัปปธานไม่ได้ เพราะผลจิตไม่ได้เป็นผู้กระทำ ละอกุศล ไม่ก่ออกุศลไม่ทำกุศล และเจริญกุศล อันเป็นหน้าที่การงานโดยเฉพาะของสัมมัปปธานแต่อย่างใด ๆ เลย เป็นเพียงผู้รับผลของมรรคจิตได้กระทำการงานทั้ง ๔ นั้นมาแล้ว เมือไม่ได้ทำหน้าที่ ของสัมมัปปธานเลย จึงเป็นสัมมัปปธานไม่ได |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |