วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2021, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็วิญญาณเป็นไฉน
วิญญาณ ๖ หมวดนี้คือ จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ
นี้เรียกว่าวิญญาณ

วิญญาณนี้ก็คือจิตนั่นเอง เพราะคำว่า จิตฺต เจต มโน วิญญาณ
หทย มานส มีอรรถเหมือนกัน แปลว่า จิตที่รู้อารมณ์ จิตหรือวิญญาณนี้
เมิ่อว่าโดยย่อมี ๖ คือ จิตที่เห็นรูป เรียกว่า จักขุวิญญาณ จิตที่ได้ยินเสียงนี้ เรียกว่า
โสตวิญญาณ จิตที่รู้กลิ่นนี้ เรียกว่า ฆานวิญญาณ
จิตที่รู้รสนี้ เรียกว่า ชิวหาวิญญาณ จิตที่รู้การกระทบสัมผัส เรียกว่า กายวิญญาณ
จิตที่คิด เรียกว่า มโนวิญญาณ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2021, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพูดถึงวิญญาณแล้ว คนส่วนมากมักเข้าใจกันผิด ๆ
โดยเข้าใจกันว่า วิญญาณนี้เป็นสภาพที่มีตัวตน (อตฺตา)
หรือเป็นดวงวิญญาณที่ล่องลอยไปไหนมาไหนได้
บางคนก็กล่าวว่า สามารถเรียกวิญญาณของผู้ตายไปแล้ว
มาสอบถามหรือพูดคุยได้

และบางครั้งก็เข้าใจว่า ดวงวิญญาณของพ่อแม่ที่ตายไปแล้ว
แต่ยังเป็นห่วงลูกๆ ต้องการลูกไปอยู่กับตน จึงเข้าสิงในร่าง
ของลูก ดังนั้น จึงต้องเชิญอาจารย์ หมอผีมาช่วยขับวิญญาณ
นั้นให้ออกจากร่างของลูก บางคนก็สร้างบ้านเล็กๆ

สำหรับเป็นที่อยู่ของดวงวิญญาณ แล้วนำนำอาหารที่ผู้ตายขอบ
ไปวางไว้ เพื่อให้ดวงวิญญาณกิน การกระทำดังกล่าวมานี้ เป็นต้น
เป็นความเชื่อของคนส่วนมาก แต่สภาพตามความเป็นจริงแล้ว
ตัวตนก็ดี ดวงวิญญาณก็ดีหามีไม่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2021, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


คนบางคนหรือแม้อาจารย์บางท่านก็ยังมีความเชื่อว่าวิญญาณ
มีตัวตนและเชื่อว่าคนตายนั้น ตายแต่ร่างกาย ส่วนดวงวิญญาณ
นั้นยังไม่ตาย เพียงแต่ย้ายออกจากร่างเก่า แล้วล่องลอยไป
เพื่อไปเกิดในที่ใหม่หือร่างใหม่ เมื่อมีความเห็นนี้ จึงแนะวิธี
อุทิศส่วนกุศลโดยกล่าวว่า ขออุทิศส่วนกุศลนี้ไปให้แก่ดวงวิญญาณ
คนนั้นคนนี้ ขอดวงวิญญาณคนนั้นคนนี้จงรับส่วนกุศลนี้


บุคคลเหล่านั้นปฏิญาณตนเป็นชาวพุทธ ทั้งๆ ที่ยังยึดถือ (สัสสตทิฏฐิ)
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่เข้าใจ อนัตตลักขณสูตร ที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ว่า
วิญฺญาณํ อนตฺตา (วิญญาณ ไม่ใช่ตัวตน) และไม่เข้าใจวิธีอุทิศส่วนกุศล
ที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา

ผู้ตายไปเกิดยังเทวดาก็ดี หรือเกิดเป็นเปรตจำพวกใดจำพวกหนึ่งก็ดี
ก็จะมีความชื่อตรงกับครั้งที่ยังเป็นมนุษย์ เช่น นายนันทกะ นางมัตตา
ตายแล้วไปเกิดเป็นเปรตที่มีชื่อว่า นันทกเปรต มัตตาเปรต ส่วน
นายอังกุรเทพบุตร อิยทกเทพบุตร พระสมณะรูปหนึ่งมรณภาพ
แล้วไปเกิดเป็นเทวดา ก็มีชื่อว่า สมณเทพบุตร กบตัวหนึ่งตายแล้ว
ไปเกิดเป็นเทวดามีชื่อว่า มัณฑูกเทพบุตร(เทพบุตรกบ)
(ดูความพิสดารในวิมานวัตถุและเปรตวัตถุ)

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2021, 03:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสาติผู้ยึดถือดวงวิญญาณ

ไม่เฉพาะศิษย์คนนี้เท่านั้นที่มีความเห็นในเรื่องดวงวิญญาณอย่างนี้
แม้ในสมัยพุทธกาลก็เคยมีภิกษุรูปหนึ่งชื่อ พระสาติ ชอบศึกษาชาดก
เป็นพิเศษ ท่านเห็นบทสรุปในชาดกเหล่านั้นที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
สุเมธดาบส ในครั้งนั้น เป็นเราในกาลนี้ พระเตมีย์ใบ้ ในครั้งนั้น
มาเป็นเราในกาลนี้ สุวรรณสาม ในครั้งนั้น เป็นเราในกาลนี้ พระเวสสันดร ในกาลนั้น
และในที่สุดก็ย้ายมาสู่ภพที่เป็นพระพุทธเจ้า ดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่เจริญที่สุด

ในสมัยนี้ก็เช่นเดียวกัน คนส่วนมากไม่ว่าชาวไทย พม่า จีน อินเดีย
ก็มักจะมีความเห็นทำนองนี้ เชื่อกันผิดๆ ยึดถือกันผิดๆ ยิ่งคิดมากกันเท่าไหร่
ก็ยิ่งมีความยึดถือในเรื่องวิญญาณและอัตตามากขึ้นเท่านั้น

การที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในชาดกว่า สุเมธดาบส ในครั้งนั้น เป็นเราในกาลนี้ พระเตมีย์ใบ้ ในครั้งนั้น
มาเป็นเราในกาลนี้ สุวรรณสาม ในครั้งนั้น เป็นเราในกาลนี้ พระเวสสันดร ในกาลนั้น มาเป็นเราในกาลนี้นั้น เป็นต้น เป็นการแสดงที่เกี่ยวเนื่องกัน
ระหว่างเหตุกับผล และแสดงให้เห็นว่า คนๆ เดียวกันมีสันดาลเหมือนกัน เรียกว่า เอกัตตนัย

เอกัตตนัยนี้ เว้นจาก สัสสตทิฏฐิ ที่ยึดถือว่า วิญญาณในภพนี้มาจากภพก่อน
และเว้นจากอุจเฉททิฎฐิ ที่ยึดถือว่าหลังจากเราตาย ย่อมขาดสูญไม่เกิดอีก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2021, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ในบรรดาขันธ์ ๕ นั้น วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ที่มีคนเข้าใจผิด
มากที่สุด ความจริงแล้วคำว่า วิญญาณ เป็นศัพท์ทางวิชาการ
หากกล่าวตามความหมายก็ได้แก่ สภาพที่รู้อารมณ์
และมีอยู่จริงแต่มิใช่ตัวตน หรือดวงวิญญาณที่ล่องลอยไปไหนมาไหนได้
ตามที่คนส่วนมากเข้าใจกัน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2021, 09:56 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร