ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การไม่ให้ ไม่ได้เป็นมัจฉริยะเสมอไป http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=60626 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 ส.ค. 2021, 05:48 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | การไม่ให้ ไม่ได้เป็นมัจฉริยะเสมอไป | ||
การไม่ให้ ไม่ได้เป็นมัจฉริยะเสมอไป เนื่องจากท่านได้กล่าวไว้ว่า มัจฉริยะถูกละด้วยมรรคขั้นโสดาปัตติมรรค เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรเข้าใจผิดคิดไปด้วยว่า ทุกๆครั้งที่มีการขอสิ่งของจาก บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้วพระโสดาบันนั้นจะต้องสละหรือจะต้องให้อย่าง แน่นอน และไม่ควรเข้าใจผิดว่า โสดาบันบุคคลนั้น ไม่มีการครอบครองวัตถุ สิงของหรือมรัพย์สมบัติ การตีความเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกค้อง เพราะว่าลักษณะ ของการครอบครองทรัพย์สิน ก็ดี การไม่ปรารถนาที่จะสละของที่เป็นของตน ก็ดี ความหวงแหนในทรัพย์ที่ถือว่าเป็นของตน ก็ดี จัดว่าเป็นโลภะทั้งสิ้น ไม่ใช่จัดว่าเป็นมัจฉริยะ ฉะนั้น แม้ว่าจะจัดกลุ่มสภาวะเช่นการไม่ยินดี ไม่อดทน หรือความตระหนี่ถี่เหนียว ไม่ให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยวหรือเป็นเจ้าของในทรัพยืสินของตน หรือใช้สอยทรัพสินของ ตนเป็นมัจฉริยะ แต่การไม่สละหรือการไม่เสียสละนั้น ก็ไม่ใช่จะเกี่ยวข้องเฉพาะมัจ ฉริยะ แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับโลภะด้วย แม้ว่าพระโสดาบันนั้นจะปราศจากมัจฉริยะ แล้วก็ตาม แต่ในส่วนของโลภะยังมีอยู่ ในกรณีนี้ผู้ศึกษาสามารถนำเอาเหตุการณ์ ในพุทธกาลนำมาพิจารณาเป็นตัวอย่าง เช่นเรื่องของมหาเศรษฐีกับภรรยา พระราชา กับพระมเหสี ผู้ได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อนึ่งในยุคนั้นโจรขโมย หรือโจรปล้นก็มีอยู่ พวกเดียรถีย์ที่เป็นคู่อริกับพระพุทธศาสนาก็มี รวมทั้งสาวกของ เดียรถีย์เหล่านั้นด้วยก็มีมากมาย เพราะฉะนั้นพึงทราบผู้ที่ขอบุคคลอื่นโดยไม่คิดหน้า คิดหลังก็มีอยู่มาก ซึ่งถ้าหากบุคคลสละตามที่ที่คนเหล่านั้นเที่ยวขออยู่นั้น บุคคลที่ เป็นอริยะ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐี หรือเป็นพระมหากษัตริย์ หรือเป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ก็จะปราศจากทรัพย์สินที่เป็นของส่วนตน กลายเป็นคนอนาถาอย่างแน่นอน ข้อนี้พึงนำ เอาเรื่องโจรเข้ามาประชิดบ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็แล้วกัน เพราะถ้าขอได้แล้ว คงไม่ต้องมีการปล้น แต่คนเหล่านั้นก็ฝืนกฏหมายทำการปล้น ซึ่งโทษมหันต์ในยุคนั้น โดยไม่เกรงขามต่อกฏหมายเบ้านเมือง
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 03 ส.ค. 2021, 06:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การไม่ให้ ไม่ได้เป็นมัจฉริยะเสมอไป | ||
ดังนั้นคำว่ามัจฉริยะจึงหมายถึงความตระหนี่ที่เป็นไปในลักษณะที่ไม่ต้องการ ให้คนอื่นครอบครองหรือมีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตน แต่สำหรับการที่ ไม่ยอมสละสิ่งของอันเป็นที่รักของตน โดยไม่เกี่ยวกับการครอบครองโดยไม่มี การใส่ใจในการครอบครองของคนอื่น อันนี้เป็นวิสัยของโลภะเท่านั้น ไม่ใช่วิสัย ของมัจฉริยะ แล้วก็สำหรับการที่ไม่ให้แก่บุคคลที่ขออันไม่ควรขอ ก็พึงทราบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับโลภะและมัจฉริยะแตาอย่างใด พระนางอุบลวรรณาเถรีจึงกล่าว ปฏิเสธต่อพระอุทายีผู้มาขอบิณฑบาตผ้าอันตรวาสกดังนี้ว่า โค้ด: มยํ โข ภนฺเต มาตุคามา นาม กิจฺฉลาภา, อิทญฺจ เม อนฺติมํ ปญฺจมํ จีวรํ นาหํ ทสฺสามิ. ข้าแต่พระคุณเจ้าดิฉันทั้งหลายผู้เป็นสตรีเพศมาตุคามมีลาภสักการะน้อย แม้แต่จีวร ของพวกดิฉันก็มีแค่ผืนที่ ๕ ซึ่งเป็นผืนสุดท้าย เพราะฉะนั้นดิฉันจึงไม่ถวายท่าน ความจริงแล้ว พระเถรีนี้มิใช่เพียงเฉพาะโลภะและมัจฉริยะเท่านั้น ท่านยังเป็นพระ อรหันต์ผู้ปราศจากกิเลสทั้งปวงด้วย แต่ก็ได้ตอบปฏิเสธ พระอุทายีว่า ไม่สามารถ ที่จะถวายสบงหรืออันตรวาสกแก่ท่านได้ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า พระอุทายีนั้น อุตตริไปขอในสิ่งที่ไม่สามารถจะให้ได้ เนื่องจากว่า ผ้ามีจำกัด นั่นคือ มากที่สุดมีเพียงแค่ ๕ ผืนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรปรักปรำผู้ปฏิเสธที่จะให้หรือไม่ให้ ในกรณีขอในสิ่งที่ไม่ควรขอนั้นว่าเป็นผู้มีมัจฉริยะแต่อย่างใด https://84000.org/tipitaka/pitaka_item/ ... B=2&siri=5
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 20 ส.ค. 2022, 06:31 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การไม่ให้ ไม่ได้เป็นมัจฉริยะเสมอไป | ||
![]() ![]() ![]()
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |