ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
มรรคประหารอกุศลกรรมบถ ๑๐ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=60799 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 ก.ย. 2021, 08:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | มรรคประหารอกุศลกรรมบถ ๑๐ |
โค้ด: อกุสลกมฺมปเถสุปาณาติปาโต อทินฺทานํ มิจฺฉาจาโรมุสาวาโท มิจฺฉาทิฏฺฐิติ (วิสุทธิ.๒/๓๖๙)อิเม ปฐมฌาณวชฺฌา ปิสุณวาจา ผรุสวาจา พฺยาปาโทติ ตโย ตติยญาณวชฺฌา สมฺผปฺปลาปาภิชฺฌา จตุตฺถฌาณวชฺฌา. ในอกุศลกรรมบถ ๑๐ อย่างนั้น อกุศลกรรมบถ ๕ คือ ปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) อทินนาทาน(ลักทรัพย์) กาเมสุ มิจฉาจาร(ประพฤติผิดประเวณี) มุสาวาท(พูดหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียผลประโยชน์) และมิจฉาทิฏฐิ เป็นธรรมที่ละได้ด้วย โสดาปัตติมรรค อกุศลกรรมบถ ๓ อย่างคือ ปิสุณวาจา (พูดส่อเสียด) ผรุสวาจา(พูดหยาบคาย) พยาบาท(การจองเวร) เป็นธรรมที่ละได้ด้วยอนาคามิมรรค สัมผัปปลาปะ(พูดจาไร้สาระ) อภิชฌา(คิดครอบครองสมบัติของผู้อื่น) ธรรม ๒ อย่างนี้พึงละได้ด้วยอรหัตตมรรค ประโยคบาลีข้างต้นนี้ พึงทราบว่า เพราะกรรมบถที่อนาคามิมรรคละได้ และอรหัตตมรรคละได้ นั้นท่านไม่ได้กล่าวโดยเอวศัพท์มาจำกัดความทั้งนี้เพื่อการให้รู้ว่า ปิสุณวาจา ผรุสวาจา พยาบาท สัมผัปปลาปะ และ อภิชฌา เฉพาะที่เป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายนั้นถูกละได้ตั้งแต่ปฐมมรรคแล้ว ส่วนสกทาคามี(ทุติยมรรค)ซึ่งไม่ระบุไว้นั้นสามารถละกามราคะและพยาบาทชนิดหยาบที่ไม่เป็นเหตุ ให้ตกอบายได้ สำหรับกามราคะและพยาบาทอย่างละเอียดที่หลงเหลืออยู่นั้นละด้วยอนาคามิมรรค ส่วนอรหัตตมรรคที่กล่าวว่าละ สัมผัปปลาปะและอภิชฌาได้นั้นหมายถึงสัมผัปปลาปะ และอภิชฌาทีเกี่ยว ข้องในภวราคะเท่านั้น |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 19 ก.ย. 2021, 14:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อกุศลกรรมบถ ๑๐ |
โค้ด: อกุสลจิตฺตุปฺปาเทสุ จตฺตาโร ทิฏฺฐิสมฺปยุตฺตา วิจิกิจฺฉาสมฺปยุตฺโต (วิสุทธิ. ๑/๓๖๙)จาติ ปญฺจ ปฐมญาณวชฺฌาว เทฺว ปฏิฆสมฺปยุตฺตา ตติยญาณวชฺฌา. เสสา จตุตฺถ ญาณวชฺฌา. ในอกุศลจิตตุปบาท ๑๒ ดวง ปฐมมรรคละได้สิ้นเชิง ๕ ดวง คือทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔ ดวง วิจิกิจฉาสัมปยุตตจิต ๑ ดวง อนาคามิมรรคละได้ ๒ ดวง คือ ปฏิฆะสัมปยุตตจิต ๒ ดวง ส่วนอกุศลจิตที่เหลือ คือ ทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต ๔ ดวง และอุทธัจจสัมปยุตตจิต ๑ ดวงละได้ด้วยอรหัตตมรรค แม้ในบทบาลีนี้ก็พึงทราบว่าเพราะอกุศลจิตตุปบาทที่ละด้วยอนาคามิมรรค และอรหัตตมรรคนั้น ท่านไม่ได้กล่าวโดยใส่เอวศัพท์เข้ามากำกับ(บังคับ) ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้รู้ว่า ทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต ๔ และโทสะ(ปฏิฆะ) ๒ เฉพาะที่เป็นเหตุให้ไปบังเกิดในอบายนั้นสามารถละได้ตั้งแต่ปฐมมรรคมาแล้ว หลังจากนั้นก็จะเหลือแต่ส่วนที่เป็นอนปายคมนียะ คือ ไม่สามารถส่งให้ไปอบายได้ สกทาคามิมรรค สามารถละอกุศลจิตได้ ดังนี้ ที่สัมปยุตกับกามราคะและปฏิฆะส่วนที่หยาบและอุทธัจจะส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่า ปทาเนกัฏฐะ แต่สำหรับอกุศลจิตตุปบาท ๖ ดวงที่สัมปยุตกับกามาราคะและปฏิฆะ ชนิละเอียดและอุทธัจจสัมปยุตตจิตส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนที่เรียกว่า ปหเนกัฏฐะ(ซึ่งยังละไม่ได้เด็ดขาด ด้วยมรรคเบื้องต่ำ)พึงละได้ด้วยอนาคามิมรรค ธรรมที่เหลือคือทิฏฐิวิปปยุตตจิตทีเกี่ยวกับภวราคะ(๔) และอุทธัจจสัมปยุตตจิตที่เหลือพึงละได้ด้วยอรหัตตมรรค ด้วยการอธิบายมานี้จะเห็นว่าอกุศลทั้งหมด สามารถละได้ด้วยมรรคจิต ๔ ตามความสามารถของมรรคนั้นๆ อนึ่ง คำว่า ปหาเนกัฏฐะ หมายถึงปหาตัพพธรรมส่วนหนึ่งที่มีระดับเดียวกันกับธรรมที่บุคคลเดียว กำลังละอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ธรรมที่สัมปยุตกัน แต่ก็สามารถสงบระงับไปพร้อมกันกับกิเลสธรรมที่ กำลังละได้ตามอำนาจของอริยะมรรคเป็นธรรมที่พลอยติดร่างแหไปกับเขาด้วย หมายความว่า เป็นธรรมที่ตั้งอยู่ในจิตสันดานของบุคคลคนเดียวกันกันซึ่งกำลังละกิเลสชนิดอื่นอยู่ และเมื่อละกิเลสนั้น ได้แล้วปหาเนกัฏฐธรรมที่ว่านี้ก็พลอยถูกละไปด้วย(ข้อนี้พึงศึกษาเรื่อฝการละอุทธัจจะ) อนึ่ง หลักฐานที่ว่า พระโสดาบันสามารถละกิเลสคือทิฏฐิวิปปยุตและโทสจิตเฉพาะที่เป็นเหตุให้ไปอบาย นั้นมาจากบาลีธัมมสังคณีดังนี้ |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 20 ก.ย. 2021, 04:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: มรรคประหารอกุศลกรรมบถ ๑๐ |
โค้ด: จตฺตาโร ทิฏฺฐิคตวิปฺยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาทา, เทฺว โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาทา. อิเม ธมฺมา สิยา ทสฺสเนน ปหาตพฺพา. กตเม ธมฺมา น ทสฺสเนน ปหาตพฺพา ? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท. กตเม ธมฺมา ภาวนาย ปหาตพฺพา ? อุทฺธจฺจสหคโต จิตฺตุปฺปาโท. ด้วยประโยคพระบาลีธัมมสังคณีที่ยกมานี้ แสดงให้เห็นว่า อุทธัจจสัมปยุตจิตนั้นไม่ใช่ วิสัยของพระโสดาบันที่จะพึงละ และก็ไม่ใช่วิสัยของพระอรหัตตมรรคอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นวิสัยของอริยมรรคเบื้องบน ๓ ช่วยกันละตามลำดับ จริงอยู่อุทธัจจะในสันดาน ของพระสกทาคามีและพระอนาคามีไม่หยาบเหมือนปุถุชน และพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น จึงรู้ได้ว่า อริยมรรคเบื้องบน ๓ ต่างก็ทำการละอุทธัจจะด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่สกทาคามี และอนาคามียังละไม่หมด กระทั่งถึงพระอรหัตตมรรค อุธัจจะจึงหมดไปโดยสิ้นเชิง อกุศลธรรมที่พึงละที่ท่านเรียกว่ปหาตัพพธรรม (ซึ่งไม่ได้แสดงไว้ทั้งในคัมภีร์วิสุทธิมรรค) ยังมีอีกมากมาย แต่เป็นการละอกุศลธรรมเหล่านั้น เฉพาะที่มีองค์ธรรมพิเศษนั้น พึงทราบว่า เหมือนกับวิธีการละที่ได้แสดงไปแล้วในตอนที่ว่าด้วยสังโยขน์เป็นต้นนั่นเอง ส่วนที่มีองค์ธรรม ที่ไม่พิเศษ(ชื่อต่างกันแต่องค์ธรรมเหมือนกัน)นั้นให้ถือเอทตามวิธีการละของอริยมรรคทั้ง ๔ จากอกุศลจิตตุปบาทที่เกี่ยวข้อฝได้ตามสมควร สมดังที่อาจารย์ผู้รจนาวิสุทธิมรรคมหาฎีกา ได้สั่งไว้ว่า โค้ด: จิตฺตุปฺปาทคฺคหเณน เจตฺถ มกฺขปฬาสมายาสาเฐยฺย (วิสุทฺธิ.ฎี. ๒/๕๕๑)
ปมาทถมฺภสารมฺภาทีนํ สงฺคโห กโตติ ทฏฺฐพฺพํ. |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |