ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อาจารย์ของเราไม่มี http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=61537 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 07 ม.ค. 2022, 05:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | อาจารย์ของเราไม่มี | ||
คำว่า สัมมาสัมพุทธะ คือผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ในบทว่า สมฺมาสมฺพุทธนี้ สมฺมา ศัพท์เป็นบทนิบาตที่เป็นไปในอรรถว่่า ชอบ (ถูกต้อง) ซึ่งเป็นการแสดงว่า กิริยาอาการรู้แจ้ง(ของพระพุทธเจ้า)มีปกติแผ่ไปทั่วเญยยธรรมที่พึงรู้ ดังปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาว่า โค้ด: ตถา หิ ปเทสญาเณ ฐิตา ปจฺเจกพุทฺธาทโย อตฺตโน วิสเย เอว อวปรึตํ พุชฺฌนฺติ. อวิสเย ปน อนฺธกาเร ปวิฏฺฐา วิย โหนติ วิสัยของพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้ดำรงค์อยู่ในญาณบางส่วนแล้ว ย่อมรู้แจ้งโดยชอบในวิสัยของตน ส่วนอารมณ์ที่ไม่ใช่วิสัยก็เหมือนเข้าไปในที่มืด วิสัยของพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์นั้นมีน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับพระสัพพัญญู เหมือนดั่งอากาศในอุ้งมือ มีจำนวนน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับอากาศในท้องฟ้า ความจริงพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ไม่สามารถหยั่งรู้ธรรมที่เป็นผัสสะ(สภาวะกระทบอารมณ์) เป็นต้น โดยประการทั้งหมด แต่ไม่มีธรรมที่พระสัพพัญญูไม่ทรงรู้แจ้งชัด พระองค์หยั่งเห็นธรรมอันเป็นไปในกาล ๓ และพ้นจากกาล(นิพพานและบัญญัติ) ในสังสารวัฏอันไม่ปรากฏเบื้องต้นและโลกธาตุอันหาที่สุดมิได้ ทรงทราบถ้วนทั้งหมดดั่งแก้วมณีในพระหัตถ์ สมจริงดังกล่าวว่า โค้ด: สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต ญาณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ ธรรมทั้งปวงย่อมมาปรากฏในข่ายของพระญาณของพระผู้มีพระภาค ผู้ทรงรู้เห็นโดยสิ้นเชิง ในพากย์นั้น คำว่าในข่ายพระญาณ หมายถึง มหาภวังค์(มหาวิปากจิตดวงแรกที่ทำหน้าที่ภวังค์)ของสัพพัญญู ความจริงธรรมเหล่านั้นแม้ปรากฏเสมอในมหาภวังค์ แต่ครั้งพิจารณาพระอภิธรรม ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ แต่เมื่อพระสัพพัญญูทรงประสงค์จะพิจารณาธรรมเหล่าใด ย่อมใคร่ครวญธรรมเหล่านั้นด้วยอาวัชชนจิตเป็นอย่างๆ และใครๆ ย่อมไม่สมควรท้วงติงว่า ธรรมทั้งหลายมีหลากหลาย แต่มหาวิภังค์เป็นจิตเล็กน้อยไม่ใช่หรือ ความจริงเรื่องนี้เป็นอานุภาพของธรรมที่บรรลุถึงความยิ่งยวด ส่วน สํ ศัพท์ที่เป็นอุปสรรคที่มีอรรถเหมือน สามํ (ด้วยพระองค์เอง) ซึ่งแสดงว่าพระผู้มีพระภาคทรงรู้แจ้งธรรมโดยปราศจากครู ดังพระพุทธวจนะว่า โค้ด: น เม อาจาริโย อตฺถิ "อาจารย์ของเราไม่มี"ถามว่า :- อรูปาวจรสมาบัติที่ ๓ และที่ ๔ ของพระผู้มีพระภาคมีมูลเหตุคือ อาฬาลดาบสและอุทกดาบสมิใช่หรือ ตอบ :- อรูปาวจรสมาบัติที่ ๓ และที่ ๔ มีมูลเหตุคือดาบสเหล่านั้นก็จริง แต่สมาบัติเหล่านั้นไม่ใช่บาทแห่งกิริยาตรัสรู้ในภายหลัง เพราะพระองค์มิได้กระทำฌานให้เป็นองค์ประกอบแห่งการตรัสรู้ เพียงแต่บรรลุแล้วละไป เช่นนั้นปฏิเวธธรรมจะเกิดขึ้นโดยอาศัยสมาบัติอย่างไร สมาบัติเหล่านั้นจึงมิใช่เป็นครูนำทางไปสู่การตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 07 ม.ค. 2022, 06:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อาจารย์ของเราไม่มี |
ความจริงผู้ทัดเทียบกับองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคย่อมไมมีในโลก ดังพระพุทธวจนะว่า โค้ด: น เม อาจาริโย อตฺถิ สทิโส เม น วิชฺชติ อาจารย์ของเราไม่มี ผู้ทัดเทียมเราไม่มี บุคคลผู้เสมอเราไม่มี ในมนุษย์โลก และเทวโลกสเทวกสฺสมึ โลกสฺมึ นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล การที่พระองค์ทรงบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าแล้วไม่มีใครเปรียบเทียบนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์ แม้การที่พระองค์ผู้ประสูติแล้วไม่มีใครทัดเทียมในวันนี้ ย่อมเป็นที่ทราบกันด้วย ในกาลนั้น มหาบุรุษเมื่ประสูติได้ไม่นาน ประทับยืนผินพระพักตรไปทางทิศตะวันออก จักรวาลอันหาที่สุดมิได้ในทิศนั้น(กระจ่าง)เนื่องเป็นเป็นอันเดียวกัน ทวยเทพ และพรหมทั้งหลาย ผู้ดำรงค์อยู่ในจักรวาลได้กล่าวว่า ข้าแต่มหาบุรุษ บุคคลเสมอด้วยพระองค์ ย่อมไม่มีในโลกนี้ ผู้เหนือกว่าจะมีได้อย่างไร แล้วได้บูชายิ่งใหญ่ แม้ทิศอื่นก็เช่นกัน ลำดับนั้น พระมหาบุรุษทรงทราบว่าเป็นเลิศในโลกทั้งหมด จึงเปล่งวาจาอันองอาจว่า โค้ด: อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส. เสฏโฐหมสฺสมิ โลกสฺส. เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส อยมนฺติมา ชาติ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว เราเป็นเลิศ เป็นผู้ประเสริฐ ผู้สูงส่งในโลก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย การเกิดใหม่ของเราจะไม่มีในแต่นี้ไป (จึงกล่าวว่า)การที่พระองค์ถึงชาติสุดท้ายแล้วไม่มีใครเปรียบเทียบนี้ ไม่ใช่เรื่องน่าอัศจรรย์ในขณะที่พระองค์ครั้งเป็นสุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์ในสำนักของพระพุทธเจ้าทีปังกรว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ก็ไม่มีใครเสมอพระองค์ด้วยคุณธรรมบารมียกเว้นพระพุทธเจ้าทีปังกร พึงกล่าวถึงว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียบพระองค์ด้วยปาฏิหาริย์พิเศษคือการหวั่นไหวแห่งโลกธาตุหมื่นหนึ่งเป็นต้นอันเกิดขึ้นในขณะนั้น โดยแท้จริงแล้วแม้ผู้สะสมปัจเจกโพธิญานแสนคนก็ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์พิเศษไม่ได้ จึงควรที่จะให้เว้นการกล่าวถึงสั่งสมสาวกโพธิญานแสนคน ในคัมภีร์อรรถกถากล่าวว่า โค้ด: ตทา ปวตฺติปารมิปวิจยญฺญาณํ อตฺตโน วิสเย สพฺพญฺตญฺญาณคติกํ "ปัญญาใคร่ครวญบารมีในอันเป็นไปในกาลนั้นมีสภาพคล้ายพระสัพพัญญุตญาณในวิสัยของตนความจริงผุ้สั่งสมสาวกโพธิญาณ เมื่อรู้คุณธรรมบารมีอันควรแก่โพธิญาณของตนได้ในกาลใด ก็จะไม่มีภาวะไม่หวนกลับแต่กาลนั้น ล่วงพ้นความเป็นมหาปุถุชนผู้คล้อยตามวัฏฏะหยั่งลงสู่ภูมิของผู้สั่งสมโพธิญาณ เป็นผู้เที่ยง(ในการบรรลุมรรค)และมีการตรัสรู้ในอนาคตโดยปริยาย เมื่อได้ปรากฏเฉพาะหน้าต่อพระพุทธเจ้าในกาลนั้นก็จะได้รับคำพยากรณ์แน่นอน จึงควรเว้นการกล่าวถึงผู้สั่งสมสัมมาสัมโพธิญาณและปัจเจกโพธิญาณ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |