ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ลักษณะของจักขุปสาท http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=62256 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 05 ก.ค. 2022, 14:54 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ลักษณะของจักขุปสาท | ||
ลักษณะของจักขุปสาท คือ สภาวะที่ใสสามารถกระทบรูปได้ เป็นภาวะที่ทำให้เห็นภาพได้ การที่ผู้ปฏิบัติกำหนเรู้สภาวัใสของจักขุ ว่าเป็นสภาวะที่เห็นรูปได้ชัดเจน ชื่อว่าการกำหนดรู้จักขุประสาท การกำหนดรู้จักขุปสาท การกำหนดรู้จักขุปสาทนั้นไม่ใช่เป็นการรับรู้รูปร่างกลม แบน หรือ เป็นก้อนของจักขุปสาท แต่เป็นการรู้สภาวะใสที่ทำให้เห็นภาพได้ ดังข้อความว่า รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ มีลักษณะคือความใสของมหาภูตรูปที่ควรกระทบรูป หน้าที่ของจักขุปสาทมีกล่าวไว้ในคัมภีร์อรรถกถาว่า รูเปสุ อาวิญฺฉนฺรสํ "มีหน้าที่ดึงจิตไปในรูป" ข้อนี้หมายความว่า จักขุปสาทมีหน้าที่เหมือนกับนำจิตไปสู่รูปารมณ์ คล้ายกับการ จับจูงแขนของผู้หนึ่งไปโดยกล่าวว่าท่านจงมาดูรูปนี้เถิด และเมื่อรูปมาปรากฏที่จักขุปสาทแล้ว จักขุวิญญาณจึงจะเห็นได้ จักขุประสาทมีหน้าท่เชื่อมให้จักขุวิญญาณที่เห็นรูปารมณ์ได้ ท่านจึงกล่าวว่ามีหน้าที่ดึงจิตไปในรูป หมายความว่า สนับสนุนช่วยให้รูปารมณ์มาปรากฏแก่ จักขุวิญญาณนั้นเอง ด้วยเหตุนี้ การกำหนดรู้ว่า "เห็นหนอ" จึงเป็นการรู้เห็น ลักษณะเฉพาะ คือ สภาวะใสของจักขุประสาท และจัดว่าได้รู้เห็นหน้าที่ คือ การนำจักขุวิญญาณไปสู่รูปารมณ์ เพราะจักขุประสาท อุปถัมภ์ค้ำจุลให้จักขุวิญญาณสามารถรับรู้เห็นรูปได้
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 05 ก.ค. 2022, 19:52 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ลักษณะของจักขุปสาท | ||
อาการปรากฏของจักขุประสททมีกล่าวไว้ในคัมภีร๋อรรถกถาว่า จกฺขุวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฏฺปฐานํ. "ปรากฏแก่ปัญญาของผู้ปฏิบัติโดยความเป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณ" ข้อนี้หมายความว่า จักขุประสาทปรากฏแก่ปัญญาของผู้ปฏิบัติว่าเป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณนั่นเอง จะเห็นได้ว่า เมื่อผู้ปฏิบัติกำหนดว่า"เห็นหนอ"เขาย่อมเข้าใจว่า สภาวเห็นเกิดขึ้นโดยอาศัย จักขุประสาท ดังนั้นจักขุประสาทจึงนับว่าเป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณ ว่าเป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณนั่นเอง จะเห็นได้ว่า เมื่อผู้ปฏิบัติกำหนดว่า "เห็นหนอ" เขาย่อมเข้าใจว่า สภาวะเห็นเกิดขึ่นโดยอาศัยจักขุประสาทดังนั้น จักขุประสาทจึงนับว่า เป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณ สรุปความว่าผู้ที่กำหนดความว่า "เห็นหนอ" ย่อมรู้ชัดลักษณะเฉพาะของจักขุประสาท ว่าเป็นสภาพความใส เพราะเมื่อมีความใสบุคคลจึงสามารถเห็นได้ นอกจากนั้น ยังนับว่ารู้ชัดหน้าที่ของจักขุประสาท คือ การนำจักขุวิญญาณไปสู่รูปารมณ์ มีความเข้าใจว่าจักขุประสาทจักขุประสาทอุปถัมภ์ให้บุคคลเห็นรูปารมณ์ได้ อีกทั้งยังรู้ ชัดอาการปรากฏของจักขุประสาทว่าเป็นที่ตั้งของจักขุวิญญาณ คือ จักขุวิญญาณ อาศัยดวงตาจึงสามารถเกิดขึ้นได้ มิได้อาศัยอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายอันได้แก่ มือ เท้า ศีรษะ จมูก ลิ้น หรือ ปาก เป็นต้น ดังนั้น ผู้ที่กำหนดว่า "เห็นหนอ" ในขณะเห็น ย่อมจะเข้าใจลักษณะ หน้าที่ และอาการปรากฏของจักขุประสาทตามที่กล่าวมานี้
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ก.ค. 2022, 05:45 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ลักษณะของจักขุปสาท | ||
อธิบายจักขุประสาท จักษุมีชื่อเรียกในภาษาบาลีว่า จกฺขุปสาท หรือจักขุประสาทเป็นรูปใสที่อยู่ท่ามกลางแววตาดำ ภายในลูกตา ทำให้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้าตนเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนภาพ จึงทำให้จักขุวิญญาณเกิดขึ้นรู้รูปารมณ์ได้ จักขุประสาทเป็นรูปใสที่ไม่อาจกล่าวได้ว่ามีรูปร่างกลมหรือแบน ในคัมภีร์กล่าวว่าประกอบขึ้น มาจากรูปกลาป คือ กลุ่มรูปที่เล็กที่สุดซึ่งมีขนาดเท่ากับปรมณู ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ และไม่อาจใช้แว่นขยายส่องดูได้ แต่คาดว่าน่าจะใช้กล้องจุลทรรศน์ที่มี ความละเอียดอย่างสูงส่องได้ รูปกลาปแต่ละรูปมีกลุ่มรูปซึ่งเรียกว่า จักขุทสกลาป (กลาปที่จำนวน ๑๐ มีจักขุประสาทเป็นประธาน) หมายถึงปสาทรูปคือ รูปใสที่อยู่ในจักษุ และธาตุ ๔ อันเป็นที่อาศัยของจักขุประสาทรูปนั้น คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุดินทำหน้าที่เป็นที่ตั้งของรูปใส เพราะถ้าไม่มีธาตุดินรูปใส ก็ไม่อาจคงอยู่ได้ รูปน้ำทำหน้าที่ประสานให้รูปใสนั้นเกาะกุมกัน ธาตุไฟทำหน้าที่ทำให้อบอุ่น และธาตุลมทำหน้าที่ค้ำจุน ถ้าไม่มีธาตุลมรูปใสก็ไม่อาจคงทนอยู่ในสภาพเดิม ธาตุทั้ง ๔ เหล่านี้เป็นที่อาศัยของจักขุประสาท และจักขุประสาทก็เป็นสภาวะใสที่อาศัยธาตุ ๔ เหล่านี้แน่นอน จักจุประสาทนั้นอยู่ในลูกตาดำและยังประกอบด้วยรูปอื่นๆ อีก คือ วัณณะ สีต่างๆ คันธะ กลิ่น รสะ รส และโอชา คือธาตุอาหาร สรุปความว่า จีกขุประสาทยังปคะกอบกันกับธาตุ ๔ และวัณณะคัณธะ รสะ พร้อมทั้งโอชา เหล่านี้รวมเป็นรูปกลาปเล็กละเอียดที่เรียกว่าปรมณู สามารถเห็นได้ด้วยทิพยจักษุเท่านั้น เมื่อธาตุ ๔ เหล่านี้รวมตัวกันกับวัณณะเป็นต้น นับรูปกลาปได้ ๘ รูป และยังมีชีวิตรูปอีกรูปหนึ่ง เป็นกรรมชรูป ทำหน้าที่รักษารูปอื่นๆ ให้คงอยู่ต่อไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อรูปชีวิตรูป ดับลง รูปอื่นๆ ก็ไม่อาจตั้งอยู่ได้ คือไม่เกิดขึ้นอีก
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |