ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อาเสวนปัจจัย http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=62343 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 24 ก.ค. 2022, 16:33 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | อาเสวนปัจจัย | ||
อาเสวนปัจจัย สิ่งที่ทำอยู่บ่อยๆ จนกลายเป็นอุปนิสัยใจคอ ปัจจยธรรม ได้แก่ ชวนจิตที่เรียงรายกันเกิดขึ้นก่อนๆ ปัจจยุปันนธรรม ได้แก่ ชวนจิตที่เรียงรายกันเกิดขึ้นหลังๆ อนึ่ง ตามธรรมชาติของวิถีจิตแล้ว พึงทราบว่า หากกุศลจิตเกิด กุศลจิตนั้น ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง ๗ ครั้ง(๗ ดวง) แม้ในอกุศลจิตก็เช่นเดียวกัน ก็แล ในการเกิดขึ้นโดยเสมอภาคกันแห่งจิตทั้งหลายเหล่านั้น พึงทราบว่า พลังอำนาจของจิตดวงที่เกิดขึ้นก่อนจะช่วยเกื้อกูลให้จิตดวงหลังๆ มีพลัง ลักษณะ การเกื้อกูลเช่นนี้เอง พระบรมศาสดาท่านทรงเรียกว่า "ความเป็นอาเสวนปัจจัย" อาเสวนปัจจัย ก็คือ การอบรมบ่มเพาะอุปนิสัยใจคอ การฝึกฝนจนเกิด ความเคยชิน ตัวอย่างในทางที่ไม่ดี ก็เช่น คนติดเหล้า ติดบุหรี่ หรือสิ่งเสพติดอื่นๆ ตอนแรกๆ ก็เป็นเพียงแค่การอยากลอง แต่พอได้ลองแล้วก็เกิดติดอกติดใจจนต้อง ลองเป็นครั้งที่ ๒-๓-๔ ๕ จนกระทั่งถึงขั้นอเตกิจโฉ คือ เยียวยาไม่ได้ นี่แหละ เป็นผลของการเสพคุ้นที่ทางพระอภิธรรมท่านเรียกว่า อาเสวนปัจจัย ในเรื่องของการกินก็เช่นกัน คนตะกละชอบกินเนื้อ หากมื้อไหนไม่มีเนื้อ ก็กินไม่ลง นอนไม่หลับ ในที่สุดก็ถูกกลกามเทพลวงกิน กล่าวคือ ทำให้ไม่สามารถ แยกจิตกินกับจิตนอนออกจากกันได้(กินก็จิตนั้น นอนก็จิตนั้น) นี่แหละคือผลของ การเป็นอุปการะแห่งอาเสวนปัจจัยในทางที่ไม่ดี ผู้ที่ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าให้คนทั้งโลกได้ใช้มาถึงปัจจุบันก็คือ โธมัส แอลวา เอดิสัน เขาผู้นี้คืออัจฉริยะ กว่าที่เขาจะประสบผลสำเร็จได้นั้น เขาต้องทำการ ทดลองเป็นพันๆ ครั้ง นั่นก็คือ เป็นการทำอาเสวนปัจจัยดีๆนั่นเอง แม้ในการประดิษฐ์โทรศัพท์ก็เช่นเดียวกัน กว่าจะสำเร็จได้ผู้ประดิษฐ์ ต้องทำอาเสวนปัจจัย มากกว่า ๔๐ ปีทีเดียวการที่จะได้ยาดีมีประโยชน์ สามารถรักษาโรคร้ายให้หายได้นั้น จะต้องทำ อาเสนวนปัจจัยกล่าวคือ การวิจัยแล้ววิจัยอีกนับครั้งไม่ถ้วน จึงจะสำเร็จได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลายนั้น ก่อนที่จะทรงบรรสุอนุ สัมมาสัมโพธิญาณได้นั้นต้องบำเพ็ญอาเสวนปัจจัยถึง ๖ ปี พระมหาเถระนามว่า โปฏฐิละ ผู้เชี่ยวชาญปริยัติ ทำอาเสวนปัจจัย ๓๐ ปี จึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จากกรณีตัวอย่างที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า การอบรมบ่มเพาะจนเป็นนิสัย ความเคยชินหรือความ ชำนาญนั้น เป็นสิ่งสำคัญ ในภาษาบาลีท่านเรียกว่า วาสนา ซึ่งวาสนานี้ก็คืออุปนิสัยสันดาน จะเป็นเงา ติดตามตัวเราไปในทุกภพชาติเลยที่จนต้องมีคำพังเพยที่ว่า "ดัดอะไรนั้นดัดง่าย แต่ดัดนิสัยนั้นดัดยาก" ธรรมดาว่า จิตใจของมนุษย์ทั่วไปนั้น ย่อมไหลไปตามกระแสแห่งกิเลสตัณหาความสนุกเพลิดเพลิน จากความสนุกเพลิดเพลินเป็นความเคยซิน หรือ วาสนา หรืออุปนิสัยใจคอ จนไม่สามารถตัดวงจร อุบาทว์นี้ได้ จนต้องพบกับความหายนะวิบัติแห่งชีวิตในที่สุด นี่แหละเป็นผลแห่งอาเสวนปัจจัย จึงขอให้ท่านทั้งหลายจงหมั่นตรึกตรองเลือกใช้สอยแต่อาเสวนปัจจัยในทางที่ดีมีคุณประโยชน์ อะไรที่ไม่ดี ก็ไห้ลด ละ เลิก ส่วนที่ดีก็ขอให้หมั่นบ่มเพาะ, ให้เป็นวาสนาภาคี จนสามารถตามเราไปทุกภพชาติเถิด
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |