ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=62405
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 ก.ค. 2022, 14:48 ]
หัวข้อกระทู้:  อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ

อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ

สาริปุตฺโต ภิกุขเว อทฺธมาสํ อนุปทธมฺมวิปสุศน์ วิปสุสติ. ตตริทํ ภิกขเว
สาริปุตฺตสุส อนุปทธมมวิปสุสนาย โหติ. อิธ ภิกุขเว สาริปุตฺโต วิวิจุเจว กาเมหิ
วิวิจุจ อกุสเลหิ ธมุมหิ สวิตกุกํ สวิจารํ วิเวก ปีติสุขํ ปฐมํ ฌาน์ อุปสมุปชฺช
วิหรติ. เย จ ปฐเม ฌาเน ธมฺมา วิตกฺโก จ วิจาโร จ ปีติ จ สุขํ จ จิตุเตกคุคตา
จ ผสุโส เวทนา สมุญา เจตนา จิตฺตํ ฉนฺโท อธิโมกุโข วีริยํ สติ อุเปกุขา
มนสิกาโร. คุยสุส ธมฺมา อนุปทววตฺถิตา โหนฺติ. คุยสุส ธมฺมา วิทิตา อุปฺปชฺชนฺติ
วิทิตา อุปฏฺฐหนฺติ, วิทิตา อพุภตฺถํ คจุณนฺติ. โส เอวํ ปชานาติ "เอวํ กิริเม
ธมฺมา อทุควา สมุโภนฺติ, หุตวา ปฏิเวนฺตี"ติ.
(ม.๗/๗๕)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สารีบุตรได้เจริญอนุปทธัมมวิปัสสนา(ญาณที่รู้แจ้งธรรม
ตามลำดับตลอดกึ่งเดือน โดยมีลำดับการเห็นแจ้งธรรมตามลำดับดังนี้ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ในเรื่องนี้ สารีบุตรได้สงัดจวกกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌานอัน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกประกอบอยู่ ธรรมในปฐมฌาน ๑๖ ประการ
คือ วิตก วิจาร บิติ สุข จิตเตกัคคตา ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา วิญญาณ ฉันทะ
อธิโมกข์ วิริยะ สติ อุเบกขา(ตัตรมัชฌัตตตา) และมนสิการ ก็เป็นอันเธอกำหนด
ได้ตามลำดับและรู้แจ้งแล้วทั้งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เธอรู้ชัดอย่างนี้ว่า
ธรรมที่มีสภาวะจริงแท้อย่างนี้เหล่านี้ไม่เคยมีมาก่อน ย่อมเกิดขึ้น เกิดขึ้นแล้ว
ย่อมดับไป

ไฟล์แนป:
old-monk-teaching-little-monks-260nw-347323895.jpg
old-monk-teaching-little-monks-260nw-347323895.jpg [ 39.77 KiB | เปิดดู 890 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 ก.ค. 2022, 15:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ

อนุปทธัมมวิปัสสนาโดยย่อ

พระสารีบุตรเถระนั้น ได้เข้า(กำหนดพิจารณาวั)อนุปทธัมมวาคลอด
๑๕ วัน จึงได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ โดยมีวิธีการกำหนดวิปัสสนาคังนี้

ในเบื้องตัน ท่านได้เข้าปฐมฌาน จากนั้น จึงออกจากปฐมฌาน แล้วจึงได้
กำหนดเอาธรรม ๑๖ ประการซึ่งเป็นธรรมที่นับเนื่องอยู่ในปฐมฌานจิดตุปบาทนั้น
นันเองมาพิจารณาเป็นอย่างๆไป ท่านได้เห็นทั้งเบื้องตันกล่าวคืออุปปาทะ "การเกิด"
ท่ามกลางกล่าวคือฐิติ "การตั้งอยู่" และที่สุดกล่าวคือภังคะ "การดับ"

ด้วยเทตุนี้ ท่านจึงได้รู้ว่า ก่อนที่เราจะเข้าฌานนั้น สภาวธรรมทั้งหลายเหล่านี้
ยังไม่ได้มีปรากฏ เพิ่งจะมีปรากฏก็ตอนนี้เอง ครั้นปรากฎเกิดขึ้นแล้วก็กลับดับหาย
ไปอีก พระสารีบุตวนั้นท่านได้เข้าฌานตามลำดับไปเรื่อยๆทั้งรูปฌานและอรูปฌาน
จนกระทั่งถึงอากิญจัญญายตนฌาน และก็ใด้นำเอาสภาวธรรมในผานนั้นๆมา
กำหนดพิจารณาณรู้เห็นการเกิดตับโดยนัยช้างต้นทุกประการซึ่งในบรรดาสภาวธรรม
ที่ท่านนำมากำหนดพิจารณานั้น พึงทราบว่า ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีองค์ธรรมช้ำกัน
จะมีเปลี่ยนแปลงบ้างก็ครงที่องค์ฌานมีวิตกเป็นต้น ดบ้าง เพิ่มบ้าง และมีสภาวะ
แปลกใหม่ เช่น สัมปสาทธรรมเป็นต้นเพิ่มขึ้นมาบ้างเท่านั้น

อนุปทธัมมวิปัศสนาโดยพิสดาร

เมื่อโยคีเข้าปฐมฌานและออกจากปฐมฌานนั้นแล้ว ก็จะต้องนำปฐมฌานนั้น
นั่นแหละมากำหนดพิจารณา จากนั้น เมื่อเข้าทุติยฌานและออกจากทุคิยฌาน
ดังกล่าวแล้ว ก็ให้เอาทุติยฌานนั้นมากำหนดพิจารณา โดยสามารถเข้าฌานไปตาม
ลำดับแห่งฌานสมาบัติ ๘ แล้วเบนมากำหนดพิจารณาเป็นวิปัสสนาตามลำคับแห่ง
ผานสมาบัตินั้นนั่นเอง อนึ่ง วิปัสสนาโยคีเข้าฌานและออกจากณานดังกล่าวแล้ว
ทำการกำหนดพิจารณาตามนัยที่กล่าวมานี้ ท่นเรียกว่า อนุปทธัมมริปัสฒนา แปลว่า
"วิปัสสนาที่พิจารณาสภาวธรรมกล่าวคือสมาบัติ ๘ ไปตามลำดับ"

นอกจากนี้ แม้ในการที่โยได้เข้าฌานใดฌานหนึ่งแล้ว นำเอาณานังคธรรม
กล่าวคือองค์ฌานทั้งหลาย ดลอดถึงกลุ่มสภาวธรรมที่เรียกว่าผัสสปัญจมกธรรม
ป็นต้นมาพิจารณาตามลำดับที่แสดงไว้ในพระไดรปิฎก การพิจารณาเช่นนี้ ก็ได้ชื่อ

ไฟล์แนป:
99d9739351667b60ff07d2e62f58f722.png
99d9739351667b60ff07d2e62f58f722.png [ 275.46 KiB | เปิดดู 672 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 ก.ค. 2022, 15:39 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ

เรียกว่า อุนุปทธัมมวิปัสสนา เช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้ หมายถึง วิปัสสนาที่โยคีกำหนด
พิจารณาสภาวธรรมที่สัมปยุตหรือเป็นองค์ประกอบอยู่ในฌานจิตตุปบาทไปตาม
ลำดับที่มีปรากฎในพระไตรปิฎก ดังที่ในคัมภีร์อรรถกถาท่านได้อธิบายไว้ว่า

อนุปทธมุมวิปสุสนนุติ สมาปตุติวเสน วา ฌานงควเสน วา อนุ ปฏิปาฏิยา
ธมุมวิปสุสน์ วิปสุสติ.

(ม.อัฏ.๔/๕๘)

อนุปทธัมมวิปัสสนา หมายความว่า เป็นวิปัสสนาที่โยคีกำหนดพิจารณา
สภาวธรรม ตามลำดับแห่งฌานสมาบัติหรือไม่ก็ตามลำดับแห่งองค์ฌาน

ในบรรดาลำดับแห่งการพิจารณา ๒ ประการ กล่าวคือการพิจารณาตามลำดับ
แห่งฌานสมาบัติกับลำดับแห่งองค์ฌานนั้น พึงทราบว่า วิธีการหลังนั้น ดูผิวเผินแล้ว
คล้ายกับว่าโยดีได้เข้าฌานแม้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถพิจารณาได้ถึง ๑๖ ครั้งรวด
แต่ว่าในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคตอนที่อธิบายภังคญาณนั้น ได้แสดงว่า เมื่อโยคีทำ
การกำหนดพิจารณาการดับของอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะวกกลับ
มาพิจารณา จิตที่เป็นตัวกำหนดพิจารณาในระหว่างนั้นได้ แม้ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค
ตอนว่าด้วยนามสัตตกะ ก็ได้แสดงวิธีการกำหนดพิจารณาไว้ดังนี้คือ เมื่อโยคีทำการ
กำหนดปฐมจิตด้วยทุติยจิตแล้ว ก็สามารถที่จะวกกลับมาพิจารณาทุติยจิตดังกล่าว
ด้วยตติยจิตได้ ซึ่งก็สามารถพิจารณาด้วยวิธีการนี้ดวงละครั้งในจิตแต่ละดวง

ดังนั้น เมื่อโยคีเข้าฌานหนึ่งครั้งแล้ว ก็ย่อมสามารถนำเอาวิตกมากำหนด
พิจารณาได้ โดยทำนองเดียวกัน เมื่อโยคีเข้าฌานครั้งที่ ๒ เสร็จแล้ว ก็ย่อมสามารถ
นำเอาวิจารมากำหนดพิจารณาได้ โดยสามารถเข้าฌานถึง ๑๖ ครั้งและสามารถ
กำหนดพิจารณาโดยทำนองนี้ไปตามลำดับถึง ๑๖ ครั้งเช่นกัน

อนึ่ง พระสารีบุตรเถระนั้น ท่านได้ใช้วิธีการกำหนดพิจารณาซึ่งเรียกว่า
นุปทนัย ทั้ง ๒ วิธี ตลอดระยะเวลา ๑๕ วัน จนกระทั่งท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์
ส่วนพระมหาโมคคัลลานเถระ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์โดยใช้เวลากำหนด
จารณาเพียง ๗ วัน
เกี่ยวกับประเด็นของพระอัครสาวกทั้งสองนี้ พึงทราบว่า ความจริงแล้ว
พระสารีบุตรเถระนั้น มีปัญญามากกว่าพระมหาโมคคัลลานเถระเสียอีก แต่สาเหตุ

ไฟล์แนป:
9dc638c34e8a4e620c25ea3489032e44.png
9dc638c34e8a4e620c25ea3489032e44.png [ 152.67 KiB | เปิดดู 672 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 ก.ค. 2022, 16:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อนุปทธัมมวิปัสสนาของพระสารีบุตรเถระ

ที่ท่านใช้เวลาเปลืองกว่า ก็เพราะว่า ท่านได้นำเอาวิธีการกำหนดพิจารณาที่เรียกว่า
อนุปทธัมมวิปัสสนานัย มาใช้พิจารณาโดยละเอียดพิสดาร จึงทำให้มัวแต่เสียเวลา
ไปกับการพิจารณาเรียงไปตามลำดับสภาวธรรม ส่วนพระมหาโมคคัลลานเถระ
ท่านไม่ได้พิจารณากว้างถึงขนาดนั้น จึงสามารถสำเร็จกิจภายใน " วันเท่านั้น
ดังที่ในคัมภีร์อรรถกถาแห่งมัชฌิมนิกาย(ม.อัฎ ๔/๕๘) ท่านได้แสดงไว้ดังนี้ว่า

มหาโมคฺคลานตฺเถโร หิ สาวกานํ สมุมสนจารํ ยฏฺฐิโกฏิยา อุปบีเฬนฺโต
วิย เอกเทสเมว สมุมสนุโต สตุตทิวเส วายมิตวา อรหตุตํ ปตุโต. สาริปุตุตตุเถโร
ฐเปตุวา พุทฺธานํ ปจุเจกพุทธานณุจ สมุมสนจาร สาวกานํ สมุมสนจารํ นิปุปเทสํ
สมุมสิ. เอวํ สมุมสนุโต อทุธมาสํ วายมิตฺวา, อรหตุตญฺจ กิร ปตุวา อญญาสิ
"ฐเปตุวา พุทฺเธ จ ปจุเจกพุทเธ จ อญฺโญ สาวโก นาม ปญฺญาย มยา ปตุตพุพํ
ปตุตุ๋ สมตฺโถ น ภวิสุสดี"ติ.


พระมหาโมคคัลลานเถระ ได้ทำการพิจารณาสภาวธรรมบางส่วนที่พระสาวก
ทั้งหลายนิยมใช้พิจารณา ราวกะเอาปลายไม้เท้าเคาะดูตลอด ๗ วัน จึงบรรลุอรหัตผล
ส่วนพระสารีบุตรเถระนั้น ท่านได้นำเอาสภาวธรรมทั้งหมดเท่าที่วิสัยขอบเขต
ของพระสาวกจะสามารถเอื้อมพิจารณาได้มาพิจารณาทั้งหมดทุกแง่ทุกมุม ยกเว้น
สภาวธรรมที่เป็นขอบเขตการพิจารณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระปัจเจก-
พุทธเจ้าเท่านั้น ที่ท่านไม่สามารถพิจารณาได้ ซึ่งเมื่อท่านได้พิจารณาอยู่อย่างนี้
จึงเป็นเหตุให้เนิ่นข้าใช้เวลาถึง ๑๕ วัน จึงได้บรรลุอรหัตผล ครั้นเมื่อได้บรรลุ
อรหัตผลแล้ว ท่านจึงได้ทราบว่า "ไม่มีสาวกท่านใดที่สามารถบรรลุอรหัตผลด้วย
วิธีการแห่งปัญญา อย่างเราได้เลย"

ไฟล์แนป:
venerable_tri_dao_headshot-nobg.png
venerable_tri_dao_headshot-nobg.png [ 61.79 KiB | เปิดดู 672 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/