ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ข้อควรพิจารณา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=62411 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ส.ค. 2022, 08:28 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ข้อควรพิจารณา | ||
ข้อควรคิดพิจารณา อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า "เมื่อโยคีได้กำหนดพิจารณาโดยการเทียบเคียงอาศัย ภูมิปริยัติ หรือที่เรียกว่า สุตะที่ตนเคยศึกษาเล่าเรียนมาแล้วอย่างนี้จะทำให้การ รับรู้ถึงลักษณะที่ปรากฏของฌานเบื้องล่างทั้งหลายกับเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน มีความแตกต่างกันได้อย่างไรหรือ?" คำตอบ ก็คือว่า "ไม่สามารถทำให้เกิดการรับรู้ที่แตกต่างกันได้เลย" ถามว่า : แล้วเมื่อเป็นเช่นนี้ จะกล่าวได้อย่างไรว่า "อนุปทวิปัสสนา" ย่อมเกิด แก่พระสารีบุตรเถระเฉพาะในฌานระดับล่างที่มีสภาวะปรากฏชัดเท่านั้น ส่วนใน เนวสัญญานาสัญญายตนฌานชื่งมีสภาวะที่ไม่ชัดนั้น อนุปทวิปัสสนาไม่เกิด เป็นได้เพียง กลาปวิปัสสนา เท่านั้น" คำถามนี้หมายความว่า การกำหนดพิจารณาของพระสารีบุตรเถระนั้น มิใช่ สุดมยวิปัสสนา และจินตามยวิปัสสนา แต่เป็น ภาวนามยปัจจักขวิปัสสนา มีใช่หรือ ปัญญานั้นมีการกำหนดพิจารณารู้สภาวธรรมทั้งหลายที่เกิดจริงในขันธสันดาน ของตน ดังนั้น จึงทำให้สภาวธรรมที่พอจะปรากฎให้เห็นได้เท่านั้น ปรากฎแก่ญาณ ของท่าน ส่วนสภาวธรรมที่ไม่อาจปรากฏ ก็จะไม่ปรากฏมิใช่ดอกหรือ? ก็ถ้าหากว่า การกำหนดพิจารณาโดยอนุมานเทียบเคียงกับสุตะที่ตนเคยศึกษา เล่าเรียนมานั้นสามารถจัดเป็นวิปัสสนาแท้จริงได้ละก็ พระสารีบุตรเถระก็ควรที่ จะสามารถกำหนดพิจารณาแยกแยะเนวสัญญานาสัญญายตนฌานจิตตุปบาท โดยอนุปทธัมมวิปัสสนานัยได้ตามพลังแห่งสุตมยปัญญาของท่านมิใช่หรือ? แต่ความจริง ท่านทำไม่ได้ ทั้งนี้ ก็เพราะว่าการกำหนดพิจารณาโดยอาศัย การเทียบเคียงกับสุตะนั้น ยังมิใช่วิปัสสนาแท้นั่นเองมิใช่หรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะชี้แจงประเด็นที่เชื่อกันว่า "แม้จะไม่มีการพิจารณารูปนามแท้ซึ่งเกิดดับตาม ความเป็นจริง เพียงแค่นำเอารูปนามที่เป็นเพียงอารมณ์บัญญัติที่ได้จากการตรีก นึกคิดมาเทียบเคียงเอาตามพลังแห่งสุตะที่ตนได้ศึกษาเล่าเรียนมา ก็ได้ชื่อว่าเป็น วิปัสสนา" นี้ได้อย่างไร ? ตอบว่า เกี่ยวกับประเด็นนี้ จะขอยกพระบาลีจาก มัชฌิมนิกายมูลปัณณาสก็ สัลเลขสูตร(๕๒) มาไว้เป็นเครื่องเตือนสติตนเอง ดังนี้
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 01 ส.ค. 2022, 09:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ข้อควรพิจารณา | ||
ปเร สนุทิฏจิปรามาสี อาธานคุคาที ทุปฺปฏินิสฺสคคี ภวิสุสนฺติ. มยเมดุถ อสนุทิฏฺฐิปรามาสี อนาธานคุคาหิ สุปุปฏินิสุสคคี ภวิสุสามาติ สลฺเลโข กรณีโย จิตตํ อุปุปาเทตพุพํ. โยคีควรทำการขัดเกลาจิตใจของตนดังนี้ว่า "แม้ชนเหล่าอื่น จักเป็นผู้ที่ยึดติด เอาแต่ความเห็นของตัวเองเป็นสำคัญโดยไม่ยอมปล่อยวาง แต่เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เราทั้งหลายจักเป็นผู้ที่ไม่ยึดติดความเห็นของตัวเองและพร้อมที่จะปล่อยวางหาก เห็นว่าความเห็นนั้นไม่ถูกต้อง" แนวทางการเจริญวิปัสสนาของวิปัสสนายานิกบุคคล อนึ่ง พระบาลีอังคุตตรนิกายและพระบาลีอนุปทสูตรที่ได้ยกมาแสดงข้างต้น ที่ผ่านมานั้น เป็นพระบาลีที่แสดงแนวทางการเจริญวิปัสสนาของสมถยานิกบุคคล โดยตรง แม้ในพระบาลีสูตรอื่นๆก็พึงทราบว่า พระพุทธองค์ก็ทรงแสดงไว้โดยทำนอง เดียวกันนี้แล ด้วยเหตุนี้ เมื่อถือเอาเป็นแบบอย่างสมถยานิกบุคคลตามที่ได้แสดง มานี้แล้ว ก็ควรที่จะทราบแนวทางการเจริญวิปัสสนาของวิปัสสนายานิกบุคคล ไว้ด้วย ซึ่งแบบอย่างการเจริญนั้นพึงทราบ ดังนี้ : วิปัสสนายานิกบุคคลนั้น ย่อมนำเอารูปนามที่กำลังเกิดขึ้นในขันธสันดาน ของตนหรือที่เกิดขึ้นโดยผ่านปสาททวารทั้ง - ของตน มากำหนดพิจารณาเหมือน กับสมถยานิกบุคคลนั่นเอง ก็สภาวธรรมที่ปรากฏชัดเจนย่อมเป็นวิสัยของอนุปท วิปัสสนา ฉันใด แม้สภาวธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่ปรากฏชัดเจนจนทำให้สามารถ กำหนดพิจารณาเห็นสภาวลักษณะ เป็นต้น ของสภาวธรรมเหล่านั้น ก็ย่อมเป็นวิสัย ของปัจจักขวิปัสสนา เช่นกัน ก็และ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานนั้น ย่อมเป็นวิสัย แก่กลาปวิปัสสนา สำหรับสมถยานิกบุคคล ฉันใด แม้สภาวธรรมที่ไม่มีปรากฎใน ขันธสันดานและสภาวธรรมทั้งหลายที่ละเอียดอ่อนยากที่จะหยั่งรู้ซึ้งถึงสภาวลักษณะ เป็นต้น ได้นั้น ก็เป็นได้แค่เพียงวิสัยแก่อนุมานวิปัสสนาและกลาปวิปัสสนา สำหรับ วิปัสสนายานิกบุคคล ฉันนั้นเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ โยคีจึงไม่ควรที่จะจงใจตรึกนึกคิดสร้างเอาสภาวธรรมที่ไม่ปรากฏ มาทำการกำหนดพิจารณโดยเด็ดขาด ยิ่งถ้าหากเป็นโยดีใหม่แล้ว ยิ่งแล้วไปใหญ่ คิดอย่างไร สภาวธรรมเหล่านั้น ก็ยิ่งไม่ปรากฏนั่นเทียวดังนั้น ผู้ที่เริ่มเจริญเนวสัญญา- นาสัญญายตนฌานทั้งหลาย จึงไม่ควรที่จะนำฌานธรรมดังกล่าวมาพิจารณา เป็นวิปัสสนา แต่ควรที่จะจับเอาสภาวธรรมที่ปรากฏชัดเท่านั้นมาพิจารณาให้เห็น สภาวลักษณะเป็นต้นของธรรมเหล่านั้นด้วยปัจจักขวิปัสสนาญาณก่อน หลังจากนั้น เมื่อปัจจักขวิปัสสนาญาณแก่กล้าแล้ว โยคีจึงจะสามารถนำเอาสภาวธรรมที่ยังไม่ ปรากฏมากำหนดพิจารณาด้วยอนุมานญาณได้ ดังที่พระสารีบุตรเถระท่านได้ ทำการกำหนดพิจารณาฌานเบื้องล่างซึ่งเป็นฌานที่ปรากฏชัดด้วยปัจจักขญาณ เสร็จแล้ว หลังจากนั้น เมื่อปัจจักขญาณแก่กล้าเต็มที่แล้ว ท่านจึงได้ทำการกำหนด พิจารณาเนวสัญญานาสัญญายตนฌานด้วยกลาปวิปัสสนาเป็นลำดับต่อไป วิธีการที่โยคีควรถือเป็นแนวทาง จบ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |