ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อโมหะกับวิชชาต่างกันอย่างไร http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=62453 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ส.ค. 2022, 16:54 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | อโมหะกับวิชชาต่างกันอย่างไร | ||
อโมหะกับวิชชาต่างกันอย่างไร เเต่ในที่นี้ท่านแยกอโมหะออกมาให้แตกต่างกันกับวิชชา ด้วยว่าวิชชามุ่ง ถึงการรู้แจ้งพระสัทธรรม ส่วนอโมหะนี้หมายถึง การไม่หลงการไม่ปฏิบัติผิดใน วัตถุกล่าวคือ อารมณ์ แสดงว่าทั้งสองก็ต่างกันบ้างถึงแม้ว่าจะมีองค์ธรรมเหมือน กัน องค์ธรรมนั้นอาจเหมือนกันแต่โดยลักษณะแล้วก็มีความต่างกันบ้าง เหมือน กับชื่อของคน มีชื่อต่าง ๆ กันตามลักษณะตามสภาพ ดังนั้น ตัวจริงของอโมหะ กับวิชชาก็คือปัญญาเหมือนกัน วินีลกวิปุพฺพกคหณลกฺขณา อสุภสญฺญา, อสุภสญฺญา -อสุภสัญญา วินีลก- วิปุพฺพกคหณลกฺขณา -มีการยึด (คหณ) หรือการถือเอาอารมณ์ที่เป็นลักษณะวินีลกะ เป็นลักษณะของความไม่งาม วินีลก หมายถึง ที่มันเกิดพองเขียวช้ำ วิปุพฺพก หมายถึง มีน้ำหนองไหลมีน้ำเหลืองเยิ้ม คือถ้าไปถือแบบนั้น อย่างเช่น เรา พิจารณาร่างกายของเราว่ามีแต่ของเป็นแบบนี้ เป็นวินีลก วิปุพฺพก ก็จะเกิดอสุภ สัญญา ตสฺสา นิพฺพิทา ปทฏฺฐานํ. นิพฺพิทา -ความเบื่อหน่าย ปทฎฺฐานํ เป็น ปทัฏฐาน ตสฺสา -แก่อสุภสัญญานั้น แต่จริง ๆ แล้ว ความเบื่อหน่ายในร่างกาย ความเบื่อหน่ายในธรรมทั้งหลายเป็นปทัฏฐาน คงจะกลับกันเป็นปทัฏฐานแก่ อสุภสัญญา ลักษณะของนิพพิทา ก็คือ นิพฺพิทาญาเณ อนภิรดิ ภวติ ความไม่ยินดี ย่อมเป็นไปเพราะนิพพิทาญาณ ความไม่ยินดี และ อสุภสัญญานี้เกิดขึ้นได้หรือ ตั้งอยู่ได้ เพราะว่า ความไม่ยินดี
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ส.ค. 2022, 17:16 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อโมหะกับวิชชาต่างกันอย่างไร | ||
สาสวผสฺสปริชานนลกฺขณา ทุกฺขสญฺญา, ทุกุขสญฺญา ความเห็นว่าเป็น ทุกข์ สาสวผสฺสปริชานนลกฺขณา มีลักพณะการกำหนครู้อารมณ์ด้วยผัสสะที่ยังมี อาสวะ ลักษณะของทุกขสัญญานี้ หมาขความว่าต้องการกำหนครู้ (ปริชานน) รู้ ทุกข์ ต้องกำหนดรู้อารมณ์ ผัสสะที่ยังมือาสวะ ก็หมายถึงว่ารู้สิ่งที่ยังชื่อว่าเป็น ทุกข์ (โลกุตตรจิต ๗ (ว้นโสดาปิดดิมรรค) ในอรูปภูมิ ๔ ไม่จัดเป็นทุกข์สัจจ์. โลกุดตรจิด ๘ ในรูปภูมิ ๑๕ (ว้น อสัญญสัตว์ ๑) ในกามสุคติภูมิ ๗ จัดเป็นทุกข์ สัจจ์ได้ เพราะมีจิตตชรูป เกิดได้ในโลกุตตรจิต ฉะนั้นตัวโลกุตตรจิดไม่ได้เป็น ทุกขสัจข์ แต่จิตตชรูปที่เกิดขึ้นพร้อมโลกุตตรจิต เป็นทุกขสัจจ์] ทุกขสัญญาในที่นี้ เป็นลักษณะที่เป็นทุกข์ ลักษณะของทุกข์ไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมด คือจัดอยู่ในสังขตลักษณะ ๓ อย่างเช่น เราได้สัมผัสอะ ไรดี ถ้าเรากำหนด จะเห็นความทุกข์แฝงอยู่ ไม่ใช่เป็นสุขด้านเดียว แต่ถ้าไม่กำหนดก็จะกลายเป็น สุขสัญญาเป็นวิปัลลาส แต่ถ้าพิจารณาจะเกิดความเห็นถูกเป็นสัมมาทิฏฐิ กล่าว คือ ทุกขสัญญานี้ ตสฺสา เวทนา ปทฏฺฐานํ. เวทนา -เวทนา ปทฎฺฐานํ -เป็นปทัฏฐาน ตสฺสา แก่ทุกขสัญญานั้น สงฺขตลกฺขณานํ ธมฺมานํ สมนุปสฺสนลกุขณา อนิจฺจสญฺญา, อนิจฺจสญฺญา -ความเห็นว่าเป็นของไม่เที่ยง สงฺขตลกกฺขณานํ ธมฺมานํ สมนุปสฺสนลกฺขณา มี ลักษณะการพิจารณาเห็นธรรมที่เป็นสังขตลักษณะ ธรรมทั้งหลายที่มีความไม่ เที่ยงเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา คือถ้าพิจารณาธรรมเหล่านี้จะเป็นนิจจสัญญา ตสฺสา อุปฺปาทวยา ปทฎฺฐานํ. อุปฺปาทวยา -การเกิด-การดับ ปทฏฺฐานํ เป็นปทัฏฐาน ตสฺสา แก่อนิจจสัญญานั้น การเกิดคับเป็นปทัฏฐาน ให้เกิดอนิจจสัญญา หมายความว่า ถ้ำาเรามองเห็นการเกิดดับก็จะมองเห็นความไม่เที่ยง ในทางตรงกันข้ามตราบใดที่ ยังมองไม่เห็นการเกิดดับของนามรูป อนิจจสัญญาก็ไม่มีสิทธิ์เกิด
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 06 ส.ค. 2022, 17:36 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: อโมหะกับวิชชาต่างกันอย่างไร | ||
สพฺธมฺมอภินิเวสลกฺขณา อนตฺตสญฺญา, อนตฺตสญฺญา -อนัดตสัญญา สพฺพธมฺมอภินิเวสลกฺขณา -มีการมนสิการหรือการพิจารณาสภาวธรรมทั้งปวง เป็นลักษณะ การพิจารณาหมายถึงการเห็นเป็นธรรมไม่เห็นเป็นบุกคล ไม่เห็น เป็นสัตว์ เห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วก็เห็นสักว่าเป็นสภาวธรรมก็การเห็นเช่นนี้จะทำ ให้เกิดอนัตตสัญญา แต่ตราบใดถ้าไม่ได้พิจารณาแบบนั้น ยังยืดว่าเป็นบุคคล เป็นตัวตน เราเขาอยู่มันก็ไม่เกิดอนัตตสัญญา ตสฺสา ธมฺมสญฺญา ปทฏฺธานํ : ธมฺมสญฺญา -การเห็นสักว่าเป็นสภาวธรรม เท่านั้น ปทฎฺฐานํ -เป็นปทัฏฐาน ตสฺสา แก่อนัตตสัญญานั้น หมายความว่า การ พิจารณาว่าสิ่งนี้สักว่าเป็นสภาวธรรม เป็นนิสสัตตะ นิชชีวสภาวะ การพิจารณา แบบนั้น สามารถเป็นปทัฏฐานให้เกิดอนัตตสัญญาได้
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |