วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 11:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2023, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Brahma-Konthanya-1.jpg
Brahma-Konthanya-1.jpg [ 200.96 KiB | เปิดดู 944 ครั้ง ]
บุรพกรรมของชฎิล ๓ พี่น้อง

ภิกษุทั้งลายทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กัสสปะ ๓ ที่น้องมีอุรุเวลกัสปะเป็นต้น
ท่านทำกรรมอะไรไว้เล่า

พระองค์ตรัสว่า เขาปรารถนาพระอรหัตเหมือนกัน ได้กระทำบุญแล้ว ก็ใน ๙๒ กัปป์แต่
นี้ไป พระพุทธเจ้า ๒ พระองค์ คือ พระติสสะ พระปุสสะ เสด็จอุบัติแล้ว พระราชาพระนาม
ว่า มหินท์ ได้เป็นพระบิดาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ปุสสะ เมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระ
สัมโพธิญาณแล้ว พะโอรสองค์เล็กของพระราชาได้เป็นพระอัครสาวก บุตรปุโรหิตได้เป็นสาวก
ที่ ๒ พระราชาได้เสด็จไปยังสำนักพระศาสดา ทรงตรวจดูชนเหล่านั้นว่า ราชโอรสองค์ใหญ่ของเรา
เป็นพระพุทธจ้า ราชโอรสองค์เล็กเป็นอัครสาวก บุตรปุโรหิตเป็นพระสาวกที่ ๒" ทรงเปล่งพระ
อุทาน ๓ ครั้งว่า พระพุทธเจ้าของข้าพเจ้า พระธัมม์ของข้าพเจ้า พระสงฆ์ของข้าพเจ้า ข้าพเจ้า
ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบเองพระองค์นั้น แล้วหมอบลง
แทบบาทมูลของพระศาสดา ทรงรับฏิญญาว่า ข้าแต่พรองค์ผู้จริญ บัดนี้ป็นดุจเวลาที่หม่อมฉัน
นั่งหลับ ในที่สุดอายุประมาณเก้าหมี่นปี ขอพะองค์อย่าเสด็จไปสู่ประตูเรือนของชนแก่อื่น
จงทรงปัจจัย ๔ ของหม่อมฉัน ตลอดที่หม่อมวันยังมีชีวิตอยู่ แล้วทรงทำพุทธอุปฐากเป็นประจำ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2023, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


พระราชทรงมีพระราชโอรสอื่นอีก ๓ พระองค์ พระองค์ใหญ่มีนักรบเป็นบริวาร ๕๐๐
พระองค์กลางมื ๓๐๐ พระองค์เล็กมี ๒๐๐ พระราซโอรส ๓ พระองค์เหล่านั้น ทูลขอโอกาสกะ
พระบิดาว่า แม้หม่อมฉันทั้งหลายจักนิมนต์พระเจ้าพี่เสวย" แม้ทูลอ้อนวอนอยู่ป่อย ๆ ก็ไม่ได้
ต่อมาเมื่อปัจจันตชนบทกำเริบแล้ว พระราชโอรสทั้งสามถูกส่งไปเพื่อประโยชน์ระงับปัจจันต
ชนบทนั้น มื่อปราบปัจจันตชนบทให้ราบคาบแล้ว มาสู่สำนักพระราชบิดา ครั้งนั้น พระบิดาทรง
สวมกอดพระโอรสทั้งสาม ตรัสว่า พ่อทั้งหลาย บิดาให้พรแก่พวกเจ้า" โดยกาลล่วงไปสองสาม
วัน พระบิดาตรัสอีกว่า พ่อทั้งหลาย พวกเจ้าจงรับพรเสียเถิด" พระโรสกราบทูลว่า ความ
ประสงค์ด้วยสิ่งไร ๆ อื่นของหม่อมฉันไม่มี ตั้งแต่บัดนี้ หม่อมฉันจักนิมนต์พระเจ้าพี่เสวย ขอ
พระราชทานพรนี้แก่หม่อมฉันเถิด
พระราชา. ให้ไม่ได้
พระโอรส. เมื่อไม่พระราชทานเสมอไป ก็พระราชทานเพียง ๗ ปี
พระราชา. ให้ไม่ได้
พระโอรส ถ้ากระนั้น ก็พระราชทานเพียง ๖ ปี ๕ ปี ๔ ปี ๓ ปี ๒ ปี ๑ ปี
๗ เดือน ๖ เดือน ๕ เดือน ๔เดือน ๓ เดือน
พระราชา ให้ไม่ได้
พระโอรส ช่างเถิด พระเจ้าข้า ขอทรงพระราชทานสัก ๓ เดือนแก่ข้าพระองค์
ทั้งหลาย คนละเดือน ๆ
พระราชา. ดีละถ้ากระนั้น เจ้าจงนิมนต์ให้เสวยได้ ๓ เดือน
ก็ชุนคลังของพระราชบุตรทั้งสามนั้นเป็นคนเดียวกัน สมุห์บัญชีก็คนเดียวกัน ท่านทั้ง
สมพลองค์นั้นมีบุรุษ ด๒ นหุตเป็นบริวาร พระราชโอรสทั้งสามให้เรียกบริวารเหล่านั้นมาแล้ว ตรัส
ว่า เราทั้งสามจักรับศีล ๑๐ นุ่งห่มผ้ากาสายะ ๒ ผืน อยู่ร่วมด้วยพระศาสดาตลอดไตรมาส
นี้ พวท่นพึงรับค่าใช้จ่ายมีประมาณท่านี้ ยังของเดี๋ยวของบริโภคทุกอย่างให้เป็นไปทั่วถึงแก่ภิกษุ
เก้าหมื่นรูป และนักรบของเราพันหนึ่ง เพราะแต่นี้ไป พวกเราจักไม่พูดอะไร ๆ
พระราชโอรสทั้งสามนั้นพาบุรุษบริวารพันหนึ่งสมาทานศีล ๑๐ นุ่งห่มผ้ากาสายะ อยู่
แต่นวิหาร ชุนคลังและสมุห์บัญชีได้ร่วมกันเบิกเสบียงตามวาระ ๆ จากเรือนดลังทั้งหลายของ
พระที่น้องทั้งสามถวายทานอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2023, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็บุตรขอพวกกรรมกรร้องให้ต้องการข้าวยาคูและภัตเป็นต้น กรรมกรเหล่านั้น เมื่อ
ภิกษุสงฆ์ยังไม่กันมา ก็ใด้ห้วิตถุมีข้วยาคูและภัตป็นต้นแก่บุตรเหล่านั้น ในเวลาที่ภิกษุสงฆ์ฉันเสร็จ
เเล้วไม่เคยมีของอะไรเหลือแลย

ในกาลต่อมา พวกกรรมกรเหล่านั้นพูดอ้างว่าเราจะให้แก่พวกเด็ก" แล้วรับไปกิน
เสียเอง เห็นอาหรที่ชอบใจก็ไม่สามารถจะอดกลั้นได้ พวกเขามีประมาณเปดหมื่นสี่พัน พวก
เขากินอาหารที่ถวายสงฆ์แล้ว เพราะกายแตกได้เกิดในเปตตวิสัยแล้ว

ฝ่าบพระราชโอรส ๓ พี่น้องพร้อมด้วยบุรุษพันหนึ่ง ทำกาละแล้วเกิดในทวโลก ท่องเที่ยว
จากเทวโลกสู่เทวโลก ยังกาลให้สิ้นไป ๙๒ กับป์ พระราชโอรส ๓ พี่น้องนั้นปรารถนาพระอรหัต
ทำกัลยาณกรรมในกาลนั้น ด้วยประการอย่างนี้ ฎิล ๓ พี่น้องนั้นได้รับผลที่ตนปรารถนาแล้ว
เหมือนกัน เราจะได้เลือกหน้าให้หามิได้

ส่วนสมุห์บัญชีของพระราชโอรส ๓ พระองค์นั้น ในกาลนี้ได้เป็นพระเจ้าพิมพิสาร
ขุนคลังได้เป็นวิสาขอุบาสก กรรมกรของท่านทั้ง ๓ นั้นกิดแล้วในพวกเปรต ในกาลนั้นท่องเที่ยวอยู่
ด้วยสามารถแห่งสุคติและทุคติ ในกัปปนี้กิดในเปตตโลกสิ้น ๔ พุทธันดร

เปรตเหล่านั้น เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า กกุสันธะ ผู้ทรงพระชนมายุได้
สี่หมื่นปี เสด็จอุบัติขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในกัปปีนี้ ทูลว่า 'ขอพระองค์โปรดบอกกาลเป็น
ที่ได้อาหารแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกท่านจักยังไม่ได้ในกาลของเราก่อน แต่ภายหลังแห่ง
เรา เมื่อมหาปฐพีงอกสูงขึ้นประมาณได่ ๑ โยชน์ พระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคมนะ จักอุบัติ
ขึ้น พวกเจ้าพึงทูลถามพระองค์เถิด"

เปรตเหล่านั้น ยังกาลมีประมาณท่านั้นให้สิ้นไปแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า
โกนาคมนะนั้น้นเสด็จอุบัติขึ้นแล้ว จึงได้ทูลามพระองค์ แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ตรัสว่า พวก
ท่านจักยังไม่ได้ในกาลของเรา แต่ภายหลังแห่งเรา เมื่อมหาปฐพีงอกสูงขึ้นประมาณได้ ๑ โยชน์
พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ จักอุบัติขึ้น พวกเจ้าพึงทูลถามพระองค์เถิด"

เปรตเหล่านั้น ยังกาลมีประมาณท่นั้นให้สิ้นไปแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้พระนามว่ากัสปะ
นั้นแท็จอุบัติขึ้นแล้ว จึงทูลถามพระองค์ แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ตรัสว่า พวกเจ้าจักยังไม่ได้

ในกาลของเรา แต่ภายหลังแห่งเรา เมื่อมหาปฐพีงอกสูงขึ้นประมาณได้ ๑ โยชน์ พระพุทธเจ้า
พระนามว่า โคดม จักเสด็จอุบัติขึ้น ในกาลนั้นญาติของพวกเจ้าจักเป็นพระราชาพระนามว่า
พิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารนั้น ถวายทานแด่พระศาสดาแล้ว จักให้ส่วนกุศลทานถึงแก่พวกเจ้า
พวกเจ้าจักได้ (อาหาร) ในคราวนั้น" พุทธันดรหนึ่ง ได้ปรากฎแก่เปรตเหล่านั้นเหมือนวันพรุ่งนี้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร