วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 04:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2023, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




istockphoto-1231395841-612x612.jpg
istockphoto-1231395841-612x612.jpg [ 70.27 KiB | เปิดดู 872 ครั้ง ]
๗. ฤทธิ์เกิดจากผลกรรม
ฤทธิ์ที่เกิดจากผลกรรม คือ การไปทางอากาศเป็นต้น ของนก เป็นต้น ดังข้อความว่า

กตมา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ ? สพฺเพสํ ปกฺขีนํ สพฺเพสํ เทวานํ เอกจฺจานํ
มนุสฺสานํ เอกจฺจานญฺจ วินิปาติกานํ อยํ กมฺมวิปากชา อิทฺธิ. "๑๙

ฤทธิ์เกิดจากผลกรรมคืออะไร ? คือ ฤทธิ์ของนกทุกจำพวก เทวดาทุก
พวก มนุษย์ต้นกัปบางคน วิปาติกาสูรบางตน ฤทธิ์ดังกล่าวเป็นฤทธิ์เกิดจากผลของกรรม

ดังจะเห็นได้ว่า ในสัตว์เหล่านี้ การไปทางอากาศได้ของนกทุกจำพวก เทวดาทั้งหมด
มนุษย์ตันกัปบางคน และวินิปาติกาสูร (เทพชั้นต่ำที่อยู่บนพื้นดิน) บางตน เช่น ยักษิณีปิยังกร-
มาตา ยักษิณีอุตตรมาตา (ปุนัพพสุมาตา) ยักษิณีผุสสมิตตา และยักษิณีธรรมคุตตา โดยปราศ-
จากฌาน(ที่บรรลุอภิญญาและวิปัสสนา(ที่เกิดร่วมกับอุพเพงคาปีติ เป็นฤทธิ์เกิดจากผลกรรม

มนุษย์ตันกัปแม้มิได้บรรลุอภิญญาก็เหาะได้ตามปกติของพรหม เพราะเพิ่งลงมาจาก
พรหมโลกมาเกิดในโลกมนุษย์ ในที่นี้กล่าวถึงมนุษย์ตันกัปบางคนที่ยังไมได้บริโภคง้วนดินอันหอม
หวาน ต่อมาเมื่อพวกเขาบริโภตง้วนดินแล้วรัศมีก็หายไป และไม่อาจเหาะได้อีก ดังข้อความว่า

โหติ โข โส วาเสฎฺฐ สมโย, ยํ กทาจิ กรหจิ ทีฆสุส อทฺธุโน อจฺจเยน อย่ โลโก
วิวฏฺฏติ. วิวฏฺฎมาเน โลเก เยภุยฺเยน สตฺตา อาภสฺสรกายา จวิตฺวา อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉนฺติ.
เตธ โหนฺติ มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา อนฺตลิกฺขจรา สุภฎฺจายิโน, จิวํ ทีฆมทธานํ ติฏฺฐนฺติ.
สมัยหนึ่ง ครั้นเวลาล่วงเลยมาช้านาน โลกนี้เจริญขึ้น เมื่อโลกกำลังเจริญขึ้น
เหล่าสัตว์ส่วนมากจุติจากพรหมโลกชั้นอาภัสสระมาเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้
นึกคิดอะไร
ก็สำเร็จได้ตามปรารถนา มีปีติเป็นภักษา มีรัศมีซ่านออกจากร่างกาย เที่ยวสัญจรไป
ในอากาศ อยู่ในวิมานอันงคงาม สถิตอยู่นานแสนนาน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.พ. 2023, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


วินิปาติกาสูรเป็นเทพชั้นต่ำที่อยู่บนพื้นดิน บางตนเป็นเทพยาจกที่ต้องเก็บอาหารที่มนุษย์
ทิ้งไว้มากิน จัดเป็นเทพที่เกิดด้วยกุศลกรรม แต่ถูกผลบาปเบียดเบียน จึงต้องอยู่อย่างแร้นแค้น
ดังข้อความว่า

ชื่อว่า วินิปาติกาสูร เพราะแม้บังเกิดด้วยกรรมดีก็พินาศตกไปจากความสุขอัน
ใหญ่หลวงด้วยแรงของผลบาป"๑๙

วินิปาโต เอเตสํ อตฺถีติ วินิปาติกา - ผู้มีการพินาศตกไปจากความสุขอันใหญ่หลวง
ชื่อว่า วินิปาติกะ (วินิปาต ศัพท์ + อิก ปัจจัยในอัสสัตถิตัทธิต)
วินิปาติกาสูรนี้ก็คือเวมานิกเปรต หรือเวมานิกเทพที่บังเกิดด้วยกรรมดี แต่เสวยทุกข์
ด้วยกรรมชั่ว นับเข้าในเทวดาชั้นจาตุมหาราช บางตนเสวยทุกข์ในปักษ์ข้างแรมแล้วกลับเสวยสุข
ในปักษ์ข้างขึ้น บางตนเสวยทุกข์ในเวลากลางวันแล้วเสวยสุขในเวลากลางคืน มีผิวพรรณรูปร่าง
ต่างกันตามผลกรรม บางตนมีผิวงามสีทอง บางตนมีผิวขาวบ้าง ดำบ้าง ผอมบ้าง อ้วนบ้าง
เตี้ยบ้าง สูงบัาง แม้พวกเขาเหาะไปในอากาศได้ก็ไม่มีอานุภาพเหมือนเทวดา มีอานุภาพน้อย
เหมือนคนยากไร้ ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร ต้องเสวยทุกข์อดอยากเที่ยวแสวงหาอาหารคือ
อุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย น้ำมูก หรืออาหารชั้นต่ำ เวมานิกเปรตเหล่านี้ถือปฏิสนธิโดยไม่มีเหตุ
บ้าง มีเหตุ ๒ บ้าง มีเหตุ ๓ ข้างเหมือนมนุษย์ บางตนเป็นติเหตุกปฏิสนธิ จึงบรรลุมรรคผลเป็น
พระสดาบันได้เหมือนยักษิณีปิยังกร และยักษิณีอุตตรมาตา หลังจากที่บุคคลเหล่านั้นได้บรรลุ
ธรรมแล้วก็ไม่ต้องเสวยทุกข์อันเป็นผลของกรรมชั่วอีก""

ยักษิณีที่กล่าวถึงในเรื่องนี้ คือ ปิยังกรมาตา อุตตรมาตา ผุสสมิตตา และธรรมคุตตา
รวมไปถึงพระยายมราชก็นับเข้าในเวมานิกเปรตเช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องยักษิณีปิยังกรมาตาปรากฏ
ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค"*
มีเรื่องย่อว่า ยักษิณีตนนี้มีบุตรน้อยชื่อว่า ปิยังกระ จึงใด้ชื่อว่า

ปิยังกรมาต (มารดาของบิยังกระ) ยามรุ่งเช้าวันหนึ่งท่านพระอนุรุทธะพำนักอยู่ในกุฏิท้ายวัด
พระเชตวันได้สาอยายธรรมด้วยทำนองสรภัญญะ ในขณะนั้นนางกำลังแสวงหาอาหารอยู่ใกล้วัด
พระเชตวัน เมื่อไต้ยินแล้วรู้สึกซาบซึ้งจึงตั้งใจฟัง ในที่สุดได้บรรสุธรรมเป็นพระโสดาบัน

เรื่องยักษิณีอุตตรมาตาปรากฏในสังยุตตนิกาย สคาถวรรด" กล่าวคือ นางมีธิดา
ตนหนึ่งชื่อว่า อุตตรา จึงได้ชื่อว่าอุตตรมาตา (มารดาของอุตตรา) และนางก็มีบุตรอีกตนหนึ่งชื่อว่า
ปุนัพพสุ จึงได้ชื่อว่า ปุนัพพสุมาตา (มารดาของปุนัพพสุ ยามพลบค่ำวันหนึ่งนางไปหาอาหารใกลั
กำแพงท้ายวัดพระเชตวัน แล้วเข้าไปฟังธรมร่วมกับพุทธบริษัท ในขณะนั้นพระพุทธองค์ทรง
แสดงธรรมเกี่ยวกับพระนิพพาน นางฟังธรรมแล้วได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน

ยักษิณีชื่อว่า ผุสสมิตตา และธรรมคุตตา ปรากฎในคัมภีร์อรรถกถา""ของทีฆนิกาย
อังคุตตรนิกาย และปฏิสัมภิทามรรคว่า ยักษิณีเหล่านั้นเป็นเวมานิกเปรตซึ่งได้บรรลุธรรมเป็
พระโสดาบัน แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับยักษิณีดังกล่าวว่าบรรลุธรรมด้วยเหตุใดและในสถานที่ใด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 96 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron