วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 17:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2023, 09:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




image.jpg
image.jpg [ 56.53 KiB | เปิดดู 536 ครั้ง ]
-ในเรื่องนั้น สังขารทั้งหลาย[อันมีตัณหา ทิฏฐิ และมานะเป็นเหตุ] ที่ฟูขึ้นในจิต
พึงให้ผลในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพที่จะเกิดขึ้น หรือว่าไนภพต่อๆ ไป ฉันใด ตัณหาย่อมให้
ผล ๓ บระการ คือ ในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพที่จะเกิดขึ้น หรือว่าในภพต่อๆ ไป ฉันนั้น
สมดังพระพุทธคำรัสว่า
บุคคลย่อมกระทำกรรมที่ทำด้วยความโลภใดทางกาย วาจา หรือใจ เขาย่อมเสวย
วิบากของกรรมนั้นในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพที่จะเกิดขึ้น หรือว่าไนภพต่อๆ ไป
พระพุทธพจน์นี้ย่อมประกอบด้วยข้อความหน้ากับข้อความหลัง กล่าวคือ การฟูขึ้น
แห่งสังขารเป็นสภาวะให้ผลในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพที่จะเกิดขึ้น หรือว่าในภพต่อๆ ไป
ฉันใด กรรมย่อมไห้ผล ๓ ประการ ฉันนั้น"

[โคยองค์ธรรม สังขารในเรื่องนี้ คือ เจตนาอันมีตัณหา ทิฏฐิ และมานะเป็นเหตุ โดยเจตนา
ดวงแรกในชวนจิต ชื่อว่า ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ย่อมให้ผลในอัตภาพนี้ เจตนาดวงสุดท้ายชื่อว่า
อุปปัชธเวทนียกรรม ย่อมให้ผลในอัตภาฬที่จะเกิดขึ้น คือ ภพที่ ๖ ถัดจากภพนี้ไป ส่วนเจตนาตรงกลาง
๕ ควงชื่อว่า อปราปริยเวทนียกรรม ย่อมให้ผลในภพต่อๆ ไป แม้ตัณหาที่ประกอบกับเจตนานั้นๆ ก็
ให้ผลสามประการเหมือนสังขาร พระมหากัจจายนะจึงกล่าวว่า เอวํ ตณฺหา ติวิธํ ผลํ เทติ (ตัณหาย่อม
ให้ผล ๓ ประการ ฉันนั้น)

คำว่า อิทํ ภควโต ปุพฺพาปเรน ยุชฺชติ (พระพุทธพจน์นี้ย่อมประกอบด้วยข้อความหน้ากับ
ข้อความหลัง) คือ การกล่าวว่าสังขารในอดีตชาติให้ผล ๓ ประการ ฉันใค กรรมในปัจจุบันชาติย่อมให้
ผล ๓ ประการ ฉันนั้น]

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2023, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




seecloud01.jpg
seecloud01.jpg [ 64.74 KiB | เปิดดู 535 ครั้ง ]
........
"พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
หากว่าคนพาลมักปลงชีวิตสัตว์....เป็นมิจฉาทิฏฐิในโลกนี้ เขาย่อมเสวยวิบากแห่ง
กรรมนั้นในอัตภาพปัจจุบัน หรือในอัตภาพที่จะเกิดขึ้น หรือว่าไนภพต่อๆ ไป"
พระพุทธพจน์นี้ย่อมประกอบด้วยข้อความหน้ากับข้อดวามหลัง กล่าวคือ การฟูขึ้น
ของตัณหา พึงละได้ด้วยกำลังแห่งการพิจารณา(มีอสุภสัญญาและอนิจจสัญญาเป็นตัน] สังขาร
ทั้งหลาย(ที่ปรุงแต่งคัวยปปัญจธรรมในจิตตุปบาท ๔ ดวง คือ ทิฏฐิตตสัมปยุตตจิต ๔ วิจิกิจฉา-
สัมปยุตตจิต ๑ ] พึงละได้ด้วยกำลังแห่งปฐมมรรค ข่ายตัณหา ๓๖ พึงละได้ด้วยกำลังแห่ง
การเจริญมรรคเบื้องบน ตัณหาทั้ง ๓ อันบุคคลย่อมละได้ด้วยประการณะนี้
ความไม่มีแห่งตัณหา จัดเป็นสอุปาทิเสสนิพพานธาตุ (สภาพดับกิเลสที่มีขันธ์เหลือ
อยู่)
ส่วนความดับสูญแห่งร่างกาย(ของผู้ปราศจากตัณหา] ชื่อว่า อนุปาทิเสสนิพพาน-
ธาตุ (สภาพดับกิเลสที่ไม่มีขันธ์เหลืออยู่)"

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 74 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร