วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2023, 15:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




48274648a64339a3993075e1cb6a850def69acb3.jpg
48274648a64339a3993075e1cb6a850def69acb3.jpg [ 103.24 KiB | เปิดดู 787 ครั้ง ]
เจตนา ๘ อย่าง[ในมหากุศลจิต]ที่ชื่อว่า ปุญญาภิสังขาร ในกามภูมิ เป็นปัจจัย ๒
อย่าง คือ โดยนานาขณิกกรรมปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัยแก่[สุคติปฏิสนธิ]วิปากจิต ๙ ดวง[ที่
เป็นอเหตุกะ คือ กุศลวิบากอุเบกขาสันตีรณจิต ๑ และสเหตุกะ คือ มหาวิปากจิต ๘] ใน
ปฏิสนธิกาลในกามสุคติภูมิ"

"มหากุศลเจตนา ๘ นั้นเป็นปัจจัย ๒ อย่างในปวัตติกาลแก่กามาวจร(อเหตุก] วิปาก-
จิต [จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กาย
วิญญาณ สัมปฏิจฉนจิต
โสมนัสสันตีรณกุศลวิปากจิต] เว้นอเหตุกมโนวิญญาณธาตุที่ประกอบกับอุเบกขา [กุศลวิบาก-
อุเบกขาสันตีรณจิต ๑ ไนขณะทำหน้าที่ปฎิสนธิ ภวังค์ และจุติ]"

"มหากุศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัย ๒ อย่างแก่วิปากจิต ๕ ดวง (กุศลวิบากจักขุ
วิญญาณ กุศลวิบากโสตวิญญาณ สัมปฏิจฉนจิต สันตีรณจิด ๒] ในปวัตติกาลในรูปภูมิ

"มหากุศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัยแก่กามาวจรวิปากจิต [อเหตุกกุศลวิปากจิต] ๘
ดวงในปวัตติกาลในกามทุคติภูมิได้เช่นกัน แต่ไม่เป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาล"

"มหากุศลเจตนาเหล่านั้นเป็นปัจจัยในปวัตติกาลแก่วิปากจิต ๑๖ ดวง [อเหตุกกุศล
วิปากจิต ๘ มหาวิปากจิต ๘] และเป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาลแก่วิปากจิต ๙ ดวง (กุศลวิบาก
อุเบกขาสันตีรณจิต ๑ มหาวิปากจิต ๘] ในกามสุคติภูมิ"

ปุญญาภิสังขาร [๕ เวันอภิญญา] ในรูปภูมิ เป็นปัจจัยในปฏิสนธิกาลแก่[รูปาวจร]
วิปากจิต ๕ ในรูปภูมิ"

(การเว้นอภิญญาเจตนาในที่นี้ ก็เพราะว่าอภิญญาเจตนาให้ผลปฏิสนธิไม่ได้ เนื่องจากเป็น
เพียงอานิสงส์ของจตุตถฌานสมาธิ จึงมีผลเสมอกับสมาธิข้างตัน หรือเนื่องจากมีกำลังน้อยโดยไม่ใด้รับ
อาเสวนปัจจัยจากชวนจิตดวงก่อนที่เป็นมหัคคตภูมิเหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นครั้งเดียว หรือเนื่องจาก
ไม่เป็นเหตุของผลที่เป็นวิญญาณจิต]"

อภิธัมมาวตาร น./๒๐๘

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2023, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


การให้ผลของปุญญาภิสังขาร

ปุญญาภิสังขาร [๑๓ โดยรวมทั้งที่เปีนกามาวจรและรูปาวจร] ให้ปฏิสนธิในภพ
ทั้งสอง[กามภูมิและรูปภูมิ]แล้ว ย่อมส่งผลทั้งหมด[ในปวัตติกาล]

[ปุญญาภิสังขาร คือ เจตนา ๑๓ ในมหากุศลจิต ๘ รูปาวจรกุศลจิต ๕
อปุญญาภิสังขาร คือ เจตนา ๑๒ ในอกุศลจิต ๑๒
อาเนญชาภิสังขาร คือ เจตนา ๔ ในอรูปาวจรกุศลจิต ๔]

"โปรดทราบเหมือนอย่างนั้นในกำเนิด ๔ มีอัณฑชะเป็นต้น และในคติ ๒ โดยจำแนก
เป็นมนุษย์และเทวดา(ชั้นจาตุมหาราชิกา)จำนวนมาก"

"โปรดทราบเหมือนอย่างนั้นในวิญญาณฐิติ ๔ มีนานัตตกายา นานัตตสัญญี เป็นตัน
และโปรดทราบเหมือนอย่างนั้นในสัตตาวาส ๔ ที่กล่าวมาแล้ว"

[วิญญาณฐิติและสัตตาวาส ๔ คือ นานัตตกายา นานัดตสัญญี, นานัตตกายา เอกัตตสัญญี.
เอกัตตกายา นานัตตสัญญี และเอกัตตกายา เอกัตตสัญญี]

"โดยประการดังนี้ ปุญญาภิสังขารเป็นปัจจัย ๒ อย่าง (นานาขณิกกัมมปัจจัยและ
อุปนิสสยปัจจัย] แก่วิปากจิต ๒๑ ดวง (อเหตุกกุศลวิปากจิต ๘ มหาวิปากจิต ๘ รูปาวจร
วิปากจิต ๕] ตามสมควรในภพเป็นต้น"

[ฎีกาใหม่อธิบายเพิ่มเติมว่า คำว่า "ตามสมควรในภพเป็นต้น" มีความหมายคังนี้ คือ

๑. กามปุญญาภิสังขาร คือ มหากุตลเจตนา ๘ ดวงเป็นปัจจัยแก่อเหตุกกุศลวิปากจิต ๘ ดวง
ในทุคติภูมิ โดยความเป็นนานาขนิกกัมมปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัยในปวัตติกาล

๒. กามปุญญาภิสังขารนั้นเป็นปัจจัยแกวิปากจิต ๙ ดวง คือ กุศลวิบากถุเบกขาสันตีรณจิต ๑
มหาวิปากจิต ๘ ในสุคติภูมิที่เป็นโยนิ ๔ มีอัณฑชะเป็นตัน คติ ๒ คือ เทวคคิ และมนุสสคติ, วิญญาณ
ฐิติ ๔ มีนานัตตกายา นานัตตสัญญี เป็นต้น และสัตตาวาส ๔ มีนานัตตกายา นานัตตสัญญี เป็นต้น
โดยความเป็นนานาขณิกกัมมปัจจัยและอุปนิสลยปัจจัยในปฏิสนธิกาล

๓. กามปุญญาภิสังขารนั้นเป็นปัจจัยแก่วิปากจิต ๑๖ ดวง คือ อเหตุกกุศลวิปากจิต ๘ มหา
วิปากจิต ๘ ในปวัตติกาล โคยความเป็นนานาขณิกกัมมปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัย

๔. รูปปุญญาภิสังขาร คือ รูปาวจรกุศลจตนา ๕ เป็นปัจจัยแก่รูปาวจรวิปากจิต ๕ ในรูป-
ภพ, โอปปาติกกำเนิด, เทวคติ, วิญญาณฐิติ ๓ อันได้แก่ นานัตตกายา เอกัตตสัญญี, เอกัตตกายา
นานัตตสัญญี และเอกัตตกายา เอกัตตสัญญี พร้อมทั้งสัตตาวาส ๔ คือ วิญญาณฐิติ ๓ อย่างช้างต้น
และอสัญญสัตว์พรหม ในปฏิสนธิกาล

๕. รูปปุญญาภิสังขารนั้นเป็นปัจจัยแก่วิปากจิต ๑๐ ดวง คือ อเหตุกกุศลวิปากจิต ๕ อัน
ไค้แก่ กุศลวิบากจักขุวิญญาณจิต ๑ กุศลวิบากโสตวิญญาณจิต ๑ กุศลวิบากสัมปฏิจฉนจิต ๑ สันตีรณ
จิต ๒ และรูปาวจรวิปากจิต โคยความเป็นนานาขณิกกัมมปัจจัยและอุปนิสสยปัจจัยในปวัตติกาล]

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 47 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร