วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 21:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2023, 13:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1673068659536.jpg
1673068659536.jpg [ 143.57 KiB | เปิดดู 770 ครั้ง ]
อุปธิ ๔
อุปธิ คือ สภาวะอันเป็นที่ตั้งของความสุขและความทุกข์
จำแนกออกเป็น ๔ ประเภท คือ
๑. กามูปธิ
๒. ขันธูปธิ
๓. กิเลสูปธิ
๔. อภิสังขารูปธิ

กามูปธิ คือ กามคุณ ๕ อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส
สัมผัสที่น่าพอใจ กามคุณเหล่านี้เป็นที่มาของความทุกข์ทั้งปวงของ
คนเรา แต่ปุถุชนกลับเห็นว่าเป็นบ่อเกิดของความสุข การเห็นรูปที่
ลวยงาม ได้ยินเสียงที่ไพเราะ ได้ดมกลิ่นที่หอม ได้ลิ้มรสที่อร่อย
ได้สัมผัสสิ่งที่นุ่มนวล และได้คิดถึงสิ่งที่น่าชอบใจ เป็นความสุข
สำหรับพวกเขา แต่พระอรหันต์กลับเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความทุกข์
ทั้งสิ้น

คนเราต้องทำงานหาเลี้ยงชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่อสนองความ
ต้องการที่จะได้รับสุข ต้องพยายามเก็บออมทรัพย์ บางครั้งก็ต้อง
เสี่ยงชีวิต ฝ่าฟันอันตราย พยายามทำทุกทางที่จะหาความสุขมาให้
ตนเอง บางครั้งต้องขัดแย้งกับคนอื่นเพราะแย่งผลประโยชน์กันใน
หมู่พี่น้องเพื่อนฝูง บางครั้งความหวงแหนทรัพย์สมบัติก็ทำให้เกิด
ความร้าวฉาน แตกแยก คดีความในศาลเกิดขึ้นเพราะมรดกเป็น
สาเหตุก็มีมาก เป็นความจริงที่เห็นได้ว่า ความทุกข์ทั้งหลายในชีวิต
นั้นมีเหตุเกิดจากความยึดมั่นในเบญจกามคุณทั้งสิ้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2023, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Y11825247-6-removebg-preview (1).png
Y11825247-6-removebg-preview (1).png [ 441.08 KiB | เปิดดู 603 ครั้ง ]
ขันธูปธิ คือ ขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ต่าง ๆ แต่
ปุถุชนกลับเห็นว่ารูปนามขันธ์ ๕ เป็นความสุข เช่น เห็นว่าการมี
ดวงตาทำให้มองเห็นรูปที่ต้องการเห็นได้ การมีหูทำให้ได้ยินเสียงที่
ต้องการฟัง การมีจมูก ลิ้น กาย ทำให้คนเรารู้กลิ่น ลิ้มรส และ
กระทบสัมผัสได้ การมีหทัยวัตถุและจิต ทำให้รับรู้อารมณ์ทางใจได้
แต่ทีจริงความทุกข์ทั้งหลายเกิดมาจากรูปนาม เมื่อไม่มีการเกิดของ
รูปนามขันธ์ ๕ ความทุกข์ก็จะดับไป ดังนั้น ขันธ์จึงจัดเป็นขันอุปธิ

กิเลสูปธิ คือ กิเลสต่างๆ ได้แก่ โลภะ (ความโลภ), โทสะ
ตามโกรธ), โมหะ (ความหลง) สัตว์โลกต้องไปเกิดในสังสารวัฏ
ได้รับทุกข์ในนรก เปรต หรือสัตว์เตรัจฉาน หรือได้รับทุกข์ในการ
เกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา ก็ด้วยอำนาจของกิเลสดังกล่าว

อภิสังขารูปธิ คือ การสั่งสมกรรมที่เป็นกรรมดีหรือกรรม
ชั่วที่เรียกว่า อภิสังขาร บุคคลอาจจะได้ไปเกิดในสวรรค์ด้วยอำนาจ
ของทาน ศีล และภาวนา และเมื่อได้เป็นเทวดาหรือพรหมก็อาจคิด
ว่าเป็นความสุขที่เยี่ยมยอด คนที่เกิดในโลกมนุษย์เพราะวิบากของ
กรรมดีในอดีตชาติก็คิดว่าเป็นความสุขเช่นเดียวกัน แต่พระอรหันต์
กลับเห็นว่าทุกชีวิตล้วนต้องประสบกับความทุกข์ทั้งนั้น เพราะถูก
กำหนดด้วยอภิสังขารซึ่งอาจส่งให้ไปเกิดในอบายภูมิก็ได้ ดังนั้น จึง
เรียกการทำกลรรมว่า อภิสังขารูปธิ

ส่วนในนิพพาน อุปธิทั้ง ๔ อย่างให้ดับหมดสิ้นไม่มีเหลือ
กล่าวคือ เมื่อบุคคลหยั่งเห็นนิพพานด้วยอรหันตมรรคแล้ว กืเลส
ทั้งหมดย่อมถูกขจัดไป เมื่อไม่มีกิเลสกรรมก็ให้ผลไม่ได้ เมื่อไม่มี
กรรมให้ผล ขันธ์ ๕ ก็ไม่เกิดขึ้น และไม่มีขันธ์ ๕ กามคุณที่
เรียกว่ากามูปธิ ก็เกิดขึ้นไม่ได้

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 80 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร