ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ในนิพพานไม่มีอรูปาวจรจิต http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63631 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 28 เม.ย. 2023, 05:52 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | ในนิพพานไม่มีอรูปาวจรจิต | ||
ในนิพพานไม่มีอรูปาวจรจิต พระบาลีกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าอรูปาวจรจิตไม่มีในนิพพาน อากาสานัญจายดนจิต : จิตที่กำหนด อากาต ไม่มีที่สุด เป็นอารมณ์ วิญญาณัญจายตนจิต : จิตที่กำหนด วิญญาณ ไม่มีที่สุดเป็นอารมณ์ อากิญจัญญายตนจิต : จิตที่กำหนด ความไม่มีอะไรๆ เป็นอารมณ์ เนวสัญญานาสัญญายตนจิต : จิตที่เข้าถึงภาวะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ ในอากาสานัญจายตนจิตนั้น ปฏิสนจิตเริ่มแต่ขณะที่เกิด วิปากจิตพร้อมด้วยเจตสิกที่เกิดร่วม โดยปกติแล้วสำหรับมนุษย์ ทัาไปนั้น ในช่วงชีวิตระหว่างปฏิสนธิและจุติจิตจะมีทั้งกุศลจิตและ อกุศลจิตพร้อมด้วยเเจตสิกเกิดขึ้นตลอดเวลา หากไม่ได้รับการฝึกฝน อบรมจิตจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคล ๓ ชั้นแรกจะไม่ได้ขนานนาม เป็นพระเสกชะ พระเสกชะนี้หากท่านได้ปฏิสนธิเป็นอรูปพรหมใน อากาสานัญจายตนภูมิก็อาจบรรลุอรหันต์ผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ณ ที่นั้น สำหรับกรณีนี้ท่านจะมีเพียงกุศลจิตและกิริยาจิตพน้อมทั้ง ลเจตสิกเกิดร่วมเท่านั้น ไม่มีรูปเกิดขึ้น มีเพียงนามคือจิตและเจตสิก ที่อยู่ในสภาพแปรเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น ในอรูปภูมินั้นมีเพียง นามธรรมจึงไม่ต้องมีอาหาร เครื่องนุ่งหม และที่อยู่อาศัย ในการ เขียนภาพจิตรกรรมนั้น มักนิยมวาดรูปอรูปพรหมไห้เห็นเพียงรูป วิมานทำให้เข้าไจผิดได้ว่า ดูรูปพรหมนี้ว่าอยู่ไนวิมานหรือประสาท ซึ่งไม่ถูกต้อง แต่ในนิพพานนี้ไม่มีทั้งรูปและไม่มีทั้งนาม
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 28 เม.ย. 2023, 07:35 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: ในนิพพานไม่มีอรูปาวจรจิต[ | ||
แนวความคิดเกี่ยวกับอากาสานัญจายตนจิตนี้อาจจะเข้าใจ ได้ยากเพราะอากาศในที่นี้ไม่ใช่อากาศรอบตัวที่มีอยู่ตามที่เข้าใจกัน ทางโลก สิ่งที่คนทั่วไปสนใจนั้นเป็นเพียงรูปธรรม ดังนั้นเขาจึงไม่ อาจจะเข้าใจได้ ผู้ปฏิบัติธรรมเจริญภาวนากำหนดรู้การเกิดดับของ ขันธ์อาจหวังได้ว่าจะบรรลุถึงญาณที่ประกอบด้วยอุเบกขา เรียกว่า สังขารุเปกขาญาณ เมื่อบรรลุญาณขั้นนี้แล้วจะเห็นการดับไปของรูป และรับรู้ได้เพียงกระแสจิตที่ลอยอยู่ในความว่างเปล่าเท่านั้น เมื่อ ปัญญาพัฒนาต่อไปกระแสจิตก็จะชัดเจนยิ่งขึ้น แม้ว่าสภาวะนี้ไม่ เป็นอากาสานัญจายตนจิตอย่างแท้จริง แต่จัดเป็นวิปัสสนาญาณที่มี ลักษณะคล้ายคลึงกับฌานจิตในขั้นนี้มาก ในอรูปภูมิชั้นต่อไปที่สูงขึ้นไปอีกทั้ง ๓ ภูมิ ก็จะมีวิปาก- จิตคือวิญญาณัญจายตนวิปากจิตและเจตสิกในปฏิสนธิกาล ส่วนใน ปวัดติกาลที่ดำเนินไปภายหลังการปฏิสนธิจนถึงจุติ อาจเกิดกุศลจิต อกุศลจิต หรือกิริยาจิตได้ตามสมควร และสำหรับเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิซึ่งเป็นภูมิสูงสุด ยังมีสัญญาที่ละเอียดมากจนกล่าวว่ามีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีก็ไม่ไช่ และผัสสะ เวทนา จิต และเจตสิกก็มีความละเอียดมากเช่นเดียวกัน จนเป็นภาวะที่เรียกว่ามีก็ไม่ไช่ ไม่มีก็ไม่ใช่ แต่ในนิพพานนั้นไม การเกิดขึ้นของจิตและเจตสิกเลยแม้แต่เพียงเล็กน้อย บุคคลผู้ไม่ศรัทธาในพระธรรม และไม่สามารถเจริญฌาน จนบรรลุสมาบัติมักไม่ให้ความสนใจคำสอนเกี่ยวกับอรูปภูมิดังที่ได้ กล่าวมา หากได้พากเพียรปฏิบัติสมถภาวนาและวิปัสสนาจนกระทั่ได้ บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน และได้รู้เห็นประจักษ์นิพทาน ด้วยประสบการณ์ของตนแล้ว ถึงตอนนั้นถ้าจะปฏิเสธลักษณะของ ทั้งสองอย่างนั้นก็น่าจะสมเหตุสมผลกว่า หากแต่การปฏิเสธเรื่องที่ ไม่ยอมพิสูจน์ให้เห็นจริงเอง ไม่ใช่สิ่งที่สมเหตุสมผลเลย
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |