ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การทำลายภพชาติ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63688 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 14 พ.ค. 2023, 07:10 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | การทำลายภพชาติ | ||
การทำลายภพชาติ การรู้เห็นถึงความดับไปของการเห็น การได้ยิน การรู้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัส และการรู้ธรรมารมณ์ ณ ทวารทั้ง ๖ เหล่านั้น หมายถึงการบรรลุความจริงเกี่ยวกับการดับทุกข์ การได้บรรลุความ ดับนี้จะสำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากำหนดรู้รูปนามจนกระทั่ง เกิดปัญญาขั้นสังขารุเปกขาญาณแล้วหยั่งเห็นการดับรูปนาม ทำให้ เห็นประจักษ์ว่า สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งนั้นเป็นกองทุกข์ ตัณหาที่พอใจ ในความทุกข์นั้นจัดเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ เมื่อตัณหาถูกขจัดหมดสิ้น ภพใหม่ก็ไม่อาจมีขึ้นอีก พระพุทธองค์ทรงเปล่งพระอุทานเมื่อได้ ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นการแสดงความพอใจในชัยชนะ เหนือตัณหาว่า อเนกชาสํสารํ สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ คหการํ คเวสนฺโต. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ คหการก ทิฏฺโฐสิ. ปุน เคหํ น กาหสิ สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา คหกูฏํ วิสงฺขตํ วิสงฺขารคตํ ตณหาน ขยมชฺฌคา " "เมื่อไม่พบนายช่างผู้สร้างเรือน เราเวียน ว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนับชาติไม่ถ้วน การ เกิดแล้วเกิดอีกเป็นทุกข์ นายช่างเอย บัดนี้เราพบท่านแล้ว ท่าน จะสร้างเรือนอีกไม่ได้ จันทัน อกไก่ เราทำลาย หมดแล้ว จิตของเราบรรลุนิพพาน หมดความ ทะยานอยากแล้ว" ช่างปลูกเรือน คือตัณหา (ความทะยานอยาก) และเรือน ขันธ์ ๕ ที่ตัณหาสร้างขึ้นทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ให้เกิดภพชาติและความทุกข์ยากลำบากที่น่ากลัว ถ้ยังไม่พบช่าง ปลูกเรือน เราก็จะปลูกเรือนต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ท่านอาจไม่อยาก เกิดในอบายภูมิ แต่ตัณหาจะชักชวนให้ไปอยู่ในเรือนที่ปลูกไว้ที่นั้น
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 14 พ.ค. 2023, 07:15 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำลายภพชาติ | ||
...... แม้ก่อนที่จะพบนายช่างปลูกเรือนพระพุทธองค์เองยังต้องเวียนว่าย ตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏนับชาติไม่ถ้วน ใจความของคาถาทั้งสองบทนี้ คือนิพพานอันเป็นนิโรธสัจ ไม่มีที่ตั้ง การตรัสถึงนิพพานว่ามีอยู่ในร่างกายที่ยาววาหนึ่งนี้ เป็น แค่เพียงการกล่าวโดยอ้อม ทุกขสัจและสมุทยสัจนั้นมีอยู่ในกระแส รูบนามของทุกคน ซึ่งปรากฎอยู่ในทุกขณะที่มีสภาวะเห็นเป็นตัน มรรคสัจแฝงอยู่ในผู้ปฏิบัติธรรมที่กำลังบรรลุมรรคผล ส่วนนิโรธสัจ ช็งได้แก่นิพพานนั้นมีอยู่โดยอ้อมในกระแสจิตของพระอริยบุคคล ที่น้อมไปในมรรคผล และกล่าวได้ว่านิโรธสัจมีอยู่โดยตรงในกระแส จิดของพระอรหันต์ตลอดเวลา เพราะในจิตของพระอรหันต์นั้นกิเลส ได้ดับสิ้นแล้ว
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 14 พ.ค. 2023, 13:49 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำลายภพชาติ | ||
...... แม้ว่าสัจจะ ๓ คือ ทุกขสัจ สมุทยสัจ และมรรคสัจจ จะมี ได้แก่ปุถุชนในเวลาทั่วไปและในเวลาที่เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ แต่ นิโรธสัจเป็นสิ่งที่ไม่มีโดยตรงในร่างกายของปุถุชน การที่พระพุทธ- องค์ตรัสว่าอยู่ในร่างกายที่ยาววาหนาคืบกว้างศอกของคนทั่วไป เพราะหมายถึงการดับกิเลสและขันธ์ของพระอรหันต์ที่ตอนแรกก็ยัง เป็นปุถุชนอยู่ การกล่าวถึงสถานที่ไว้โดยปริยายเช่นนี้มีประโยชน์ เพื่อให้เข้าใจง่าย ดังข้อความในคัมภีร์ฎีกาของวิสุทธิมรรคว่า อเทสมฺปิ หิ ตํ เยสํ นิโรโธ, เตสํ วเสน อุปจารโต เทสโตปิ นิทฺทิสียติ ยถา จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชฺฌมานา นิรุชฺฌตีติ." "โดยแท้จริงแล้ว แม้นิพพานนั้นไม่มีที่ตั้ง พระพุทธองค์ก็ ทรงแสดงสถานที่ไว้บ้างโดยอ้อม โดยเนื่องด้วยการดับกิเลสและขันธ์ ดังประโยคในมหาสติปัฏฐานสูตร]ว่า จกฺขุํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ เอตฺเถสา ตณฺหา ปหียมานา ปหียติ, เอตฺถ นิรุชุณมานา นิรุชฺฌติ (ตาในโลก[แห่งรูปนาม] เป็นสภาพน่ายินดีพอใจ ตัณหาถูกละได้และ ดับอยู่ ในสภาพคือตานี้)"
|
เจ้าของ: | ลุงหมาน [ 30 ก.ค. 2023, 17:12 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: การทำลายภพชาติ | ||
นิพพานอันเป็นสภาวะดับกิเลสและขันธ์นั้น ว่าโดยตรงแล้ว ไม่มีที่ตั้งอยู่ในที่ใด ๆ เพราะเป็นสภาวะไม่เกิดขึ้นของกิเลสและขันธ์ แต่กิเลสและขันธ์ที่ดับไปนั้นมีอยู่โดยอ้อมในพระอริยบุคคล ดังนั้น จึงยกร่างกายของพระอริยบุคคลขึ้นกล่าวว่า เป็นที่ตั้งของนิพพาน อย่างเช่น ตาเป็นสิ่งน่าชอบใจ และตัณหาอันเกิดที่ตาดับไปด้วย อหัตตมรรค เราไม่อาจค้นหาได้ว่าความดับนั้นเกิดขึ้นที่ใดกันแน่ เหตุนั้น พระพุทธองค์จึงได้ตรัสโดยอ้อมว่า ตัณหาดับไปที่ตาอันน่า ชอบใจอันนั้น โดยตรัสถึงสถานที่เกิดของตัณหาว่าเป็นที่ตับของ ตันหา จัดเป็นการกล่าวถึงสถานที่ตั้งของนิพพานโดยอุปมาเท่านั้น คัมภีร์อภิธรรมกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ชัดเจนว่า นิพพานไม่ได้มี ในร่างกาย แต่สำเร็จนอกร่างกาย ตามศัพท์บาลีว่า พหิทฺธา ธมฺมา (ภาวธรรมที่เป็นภายนอก มีอยู่)" แต่ความเป็นภายนอกของ นำพพานไม่มีอยู่ในสถานที่แห่งใดทั้งสิ้น เหตุนั้นจึงกล่าวว่า นิพพาน ไม่มีที่ตั้ง หากพิจารณาถึงเหตุผลแลัวอาจอนุมานได้ว่า กิเลสและ ขันธ์ที่มีใด้ก็ต่อเมื่อมีปัจจัยอยู่พร้อมมูล แต่เมื่อดับไปไม่เกิดอีกด้วย อรหัตตมรรคแล้ว ย่อมไม่อาจกล่าวว่ามีอยู่ในที่ใด
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |