ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

พระนางมหาปชาบดีโคตมี
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=66&t=63757
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 พ.ค. 2023, 13:07 ]
หัวข้อกระทู้:  พระนางมหาปชาบดีโคตมี

พระนางมหาปชาบดีโคตมี

พระมารดาของพระพุทธเจ้ามีพระนามว่า สิริมหามายาเทวี
พระนางมีพระกนิษฐภคินี พระนามว่า มหาปชาบดีโคตมี ทั้งสอง
พระองค์เป็นพระราชธิดาของ พระเจ้าอัญชนะ แห่งกรุงเทวทหะใกล้
กรุงกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ทรงอภิเษก
สมรสกับองค์พระเทวีทั้งสองพระองค์ โดยพระนางสิริมหามายาเป็น
พระอัครมเหสี ส่วนพระนางมหาปชาบดีโคตมีเป็นพระมเหสีรอง
โหรหลวงพยากรณ์ว่า พระราชบุตรที่เกิดจากพระมเหสีทั้งสองจะ
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ


หลังจากที่ประสูติพระราชโอรสแล้ว พระนางสิริมหามายา
ทวีก็สิ้นพระชนม์ แล้วไปอุบัติเกิเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต
พระนางมหาปชาบโดตมีได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอัครมเหสี
ต่อจากพระเชษฐภคินี ทรงประสูติพระราชโอรสพระนามว่าเจ้าชาย
นันทะ พระนางทรงมอบเจ้าชายนันทะให้พี่เลี้ยงนางนมดูแล แล้ว
ทรงเลี้ยงดูเจ้าชายสิทธัตถะเอง ทั้งทรงให้ดื่มน้ำนมของพระองค์

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๑๖ พรรษา ทรงอภิเษก
สมรสกับพระนางยโสธรา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะแห่ง
กรุงเทวทหะ ทรงแวดล้อมไปด้วยความสุขสบายในวังจนกระทั่งเกิด
ความเบื่อหน่ายและออกผนวชเป็นดาบสเมื่อมีพระชนมายุได้ ๒๙
พรรษา ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ ๖ ปี เมื่อทรงเห็นว่าไม่ใช่ทาง
ตรัสรู้ความจริงของชีวิตจึงทรงหันมาดำเนินตามหลักมัชฌิมาปฏิปทา
และในที่สุดได้ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญเดือน
วิสาขมาสเมื่อเจริญพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา

ต่อมา เมื่อทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ได้เสด็จไปสู่ป่า
อิสิปตนมฤคทายวัน ทรงแสดงปฐมเทศนาชื่อว่า ธัมมจักกัปป-
วัตนสูตรแก่ภิกษุปัญจวัคคีย์ ท่านโกญฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม
เป็นพระโสดาบันเมื่อได้ฟังพระสูตรเป็นครั้งแรก ส่วนอีก ๔ ท่านนั้น
ได้บรรลุธรรมต่อมาอีก ๑ วัน ๒ วัน ๓ วัน และ ๔ วันตามลำดับ
ในวันที่ ๕ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำเดือนวิสาขมาส ทรงแสดง

ไฟล์แนป:
1682628284241.png
1682628284241.png [ 186.06 KiB | เปิดดู 1047 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 31 พ.ค. 2023, 13:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนางมหาปชาบดีโคตมี

อนัตตลักขณสูตร ภิกษุปัญจวัคดีย์ทั้ง ๕ รูปบรรลุเป็นพระอรหันต์
พร้อมกันทั้งหมดด้วยพระสูตรนี้ และในพรรษาแรกนั้นพระยสะกับ
สหาย และบริวารรวม ๕๕ คนได้ฟังธรรมบรรลุเป็นพระอรหันต์

หลังจากออกพรรษาแล้ว พระพุทธองค์ทรงส่งพระสาวก
ซึ่งในขณะนั้นมีทั้งสิ้น ๖๐ องค์ไปประกาศศาสนาตามหัวเมืองต่างๆ
พระองค์เองทรงทำให้ซฏิล ๑,๐๐๐ คน มีอุรุเวลกัสสปะเป็นหัวหน้า
หันมาเลื่อมใส่ในพระองค์ ทั้งหมดนั้นได้บรรลุอรหัตตผลและติดตาม
พระองค์ไปยังกรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารและบริวาร ๑๑๐.๐๐๐
คนได้มาถวายการต้อนรับ ทรงแสดงอริยสัจ ๔ พระเจ้าพิมพิสารได้
ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน จึงทรงสร้างวัดเวฬุวันถวาย เป็น
สังฆารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา สำหรับเป็นที่ประทับในเวลา
ที่ทรงแสดงธรรมที่กรุงราชคฤห์และเขาคิชฌกูฏ

ต่อมา พระเจ้าสุทโธทนะทรงทราบข่าว จึงส่งอำมาตย์ ๑๐
คน แต่ละคนมีบริวาร ๑,๐๐๐ ให้มาทูลเชิญเสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์
ครั้นอำมาตย์และบริวารได้ฟังพระธรรมเทศนาบรรลุอรหัตตผลแล้ว
ก็ทูลขออุปสมบทในศาสนา และไม่ได้ทูลเชิญเสด็จพระบรมศาสดา
ในที่สุดพระเจ้าสุทโธทนะจึงได้ส่งกาฬุทายีอำมาตย์ไปทูลเชิญเสด็จ
อำมาตย์ฟังธรรมแล้วได้บรรลุเป็นอรหันต์ อยู่มาวันหนึ่งเห็นว่าเป็น
กาลอันควรแก่การเสด็จกลับไปโปรดพระญาติยังกรุงกบิลพัสดุ์ จึง
กราบทูลพรรณนาความงามของกรุงกบิลพัสดุ์ในฤดูร้อนเป็นคาถา

ไฟล์แนป:
1682628916174.jpg
1682628916174.jpg [ 52.53 KiB | เปิดดู 1021 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 01 มิ.ย. 2023, 11:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนางมหาปชาบดีโคตมี

ประพันธ์ ๖๐ บท เพราะฤดูร้อนเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการ
เดินทาง จึงขอยกคาถา ๒ บทมาแปลในที่นี้ เพื่อเป็นเครื่องเจริญ

องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต
ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย
เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ
สมโย มหาวีร องคีรสานํ

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ หมู่ไม้ในป่า
ผลัดใบแก่ ผลิใบอ่อน มีสีแดงสดดังเปลวเพลิง
ออกผลอยู่ หมู่ไม้เหล่านั้นงามเรืองรองราวกะ
เปลวไฟ ข้าแต่มหาวีระ บัดนี้เป็นเวลาสมควร
เสด็จนิวัติพระนครของพระองค์"

นาติสีตํ นาติอุณหํ นาติทุพภิกฺขฉาตกํ
สทฺทลา หริตา ภูมิ เอส กาโล มหามุนิ.

"ข้าแต่พระมหามุนี ฤดูนี้ไม่หนาวหรือ
ไม่ร้อนเกินไป ท้องทุ่งดารดาษไปด้วยติณชาติ
เขียวชะอุ่มสมบูรณ์ไม่แห้งแล้ง ข้าแต่พระมหา-
มุนี บัดนี้เป็นเวลาสมควรเสด็จนิวัติพระนคร
ของพระองค์"

ไฟล์แนป:
พระเจ้าพิมพิสาร Y10951852-39.jpg
พระเจ้าพิมพิสาร Y10951852-39.jpg [ 144.95 KiB | เปิดดู 927 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ลุงหมาน [ 01 มิ.ย. 2023, 11:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระนางมหาปชาบดีโคตมี

ดังนั้น ในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ (ประมาณเดือนมีนาคม)
พระผู้มีพระภาคจึงทรงเริ่มเสด็จพระดำเนินจากกรุงราชคฤห์
ดำเนินวันละ ๑ โยชน์ เป็นระยะทาง ๖๐ โยชน์ (๙๖๐ กิโลเมตร)
กรุงกบิลพัสดุ์ในวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (ประมาณเดือน
พฤษภาคม) พระประยูรญาติพากันมาถวายการต้อนรับและทูลเ
เสด็จประทับ ณ วัดนิโครธาราม

เนื่องจาก ในศากยวงศ์นั้นพระประยูรญาติมีมานะอันกล้า
ไม่ประสงค์การแสดงความเคารพต่อพระพุทธองค์ ที่มีพระชนมายุ
เพียง ๓๖ ชันษา จึงพากันประทับอยู่ข้างหลังแล้วให้พระประยูร
ญาติที่มีอายุรุ่นน้อง ลูก หรือหลานไปอยู่ด้านหน้าจะได้กราบถวาย
บังคมพระบรมศาสดาได้

ดังนั้น เพื่อให้ทุกคนได้ประจักษ์ในพุทธานุภาพ พระองค์
จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์ โดยทรงเนรมิตที่จงกรมในอากาศแล้วเสด็จ
จงกรมไปมาในขณะที่ธารน้ำ และลำแสงพุ่งออกจากพระวรกาย
พระบิดาเมื่อทอดพระเนตรดังนั้นจึงได้ถวายบังคมพระศาสดา หลัง
จากนั้นพระประยูรญาติก็พากันถวายสักการะโดยทั่วหน้า

ไฟล์แนป:
พระเจ้าพิมพิสาร _39_127.jpg
พระเจ้าพิมพิสาร _39_127.jpg [ 125.6 KiB | เปิดดู 926 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/